ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 205

สรุปบท บทที่ 205 ผมปกติดี: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

อ่านสรุป บทที่ 205 ผมปกติดี จาก ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight

บทที่ บทที่ 205 ผมปกติดี คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

คฤหาสน์ตระกูลเจิ้น

ในขณะที่เย่เทียนกำลังข่มขู่จางเจี้ยนถังอยู่ที่บริษัทเเซ่เฉินนั้น เจิ้นเซ่าเฉินก็โกรธจนแทบระเบิด ทำลายข้าวของในบ้านเพื่อระบายความโกรธเกรี้ยวในใจ

“เย่เทียน! ไอ้บัดซบเย่เทียนคนนี้อีกแล้ว!”

การเป็นหนึ่งในตระกูลที่อยู่ในเจียงหนันมานานนับร้อยปี ข้อมูลของเขาก็ต้องคล่องตัวกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว

ถึงพวกเฉินหยังจะยังไม่ไม่ได้ออกจากบริษัทแซ่เฉิน แต่เขาก็รู้เรื่องแผนชิงตำแหน่งที่ล้มเหลวแล้ว

เขาใช้กลอุบายผลักดันเฉินหยัง ช่วยเหลือเฉินหยังอย่างเต็มที่ ไม่นึกเลยว่าจะถูกเย่เทียนทำลายซะได้ แล้วจะไม่ให้เขาโมโหได้ยังไงล่ะ?

กริ้งๆ!

ทันใดนั้น มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น พอเห็นสิ่งที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอ เจิ้นเซ่าเฉินที่กำลังโกรธเกรี้ยวก็ฟื้นคืนสติมาได้บ้าง

เขาจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง แล้วถามไปด้วยความสุภาพว่า “ท่านธรรมบาลฝั่งซ้าย ทำไมคุณถึงโทรหาผมล่ะครับ?”

ถึงตระกูลเจิ้นจะเป็นตระกูลที่อยู่มานับร้อยปี เป็นผู้ไร้เทียมทานของเมืองเจียงหนันอย่างไม่ต้องปฏิเสธ แต่เจิ้นเซ่าเฉินก็รู้ดี เมื่ออยู่ต่อหน้าพรรคชิงเฉิงแล้ว ตระกูลเจิ้นของเขาก็ไร้ค่าขึ้นมาทันที!

และถ้าไม่ได้พรรคชิงเฉิงคอยสนับสนุน ตระกูลเจิ้นก็อาจจะสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์ไปเป็นพันเป็นหมื่นปีแล้วจะมารุ่งโรจน์อย่างทุกวันนี้ได้ยังไง?

อีกด้านของสายได้มีเสียงของผู้ชายที่แหบซ่านและเฉยชาดังขึ้น “เรื่องยาชีวภาพคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”

“ใกล้แล้วครับใกล้แล้ว” เจิ้นเซ่าเฉินสุภาพจนเหมือนหลานคนหนึ่ง

“ครั้งก่อนที่ผมโทรหาคุณ คุณก็ตอบผมแบบนี้เหมือนกัน”

ธรรมบาลฝั่งซ้ายพูดอย่างไม่มีเยื่อใยว่า “ผมรอมานานเกินพอแล้ว!”

“ผมจะจองไฟลต์บินที่เร็วที่สุดไป หวังว่าตอนที่ไปถึงเจียงหนันผมจะได้รับข่าวดีจากคุณ ไม่อย่างนั้น ฮึฮึ!”

พูดจบ ธรรมบาลฝั่งซ้ายก็ไม่เปิดโอกาสให้เจิ้นเซ่าเฉินได้พูด ทำการตัดสายไปทันที

พอได้ยินเสียง “ตู้ดตู้ด” ที่ดังอยู่ในมือถือ เจิ้นเซ่าเฉินก็ร้อนรนขึ้นมาทันที

ธรรมบาลฝั่งซ้ายเป็นคนยังไงเขาเองก็รู้ดี เป็นคนโหดที่พูดได้ทำได้แน่นอน

ถ้ารอเขามาถึงที่เจียงหนัน แล้วตนกลับไม่มีข่าวดีอะไรไปให้ละก็ คงได้รับโทษที่ต้องตายทั้งเป็นแน่นอน!

พอคิดได้แบบนั้น เจิ้นเซ่าเฉินตัวสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ไม่นานมานี้ ตอนที่เขายังหนุ่มๆ ก็เคยได้ท้าทายกับอำนาจของพรรคชิงเฉิงมาแล้ว บทลงโทษที่เขาได้รับหลังจบเรื่องจนทุกวันนี้ยังลืมไม่ลง เขาไม่อยากลองมันอีกครั้งแล้วจริงๆ!

กริ้งกริ้ง!

ทันใดนั้น มือถือที่อยู่ในมือของเจิ้นเซ่าเฉินก็ดังขึ้นอีกครั้ง และได้ทำลายความหลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เขาไม่อยากจะนึกถึงลง

“ปะธานเจิ้น หุ้นของบริษัทแซ่เฉินมันดูแปลกๆนะครับ”

ทันทีที่รับสาย เสียงของลูกน้องก็ได้ดังขึ้น

เจิ้นเซ่าเฉินรีบตั้งสติ “มันแปลกยังไง?”

ลูกน้องพูดมาด้วยความสับสนว่า “เหมือนมีใครบางคนกำลังใช้ประโยชน์จากข่าววันนี้ในการกดหุ้นของบริษัทเเซ่เฉินเอาไว้”

“เช็คได้มั้ยว่าเป็นฝีมือของใคร?”

ลูกน้องวิเคราะห์ออกมาว่า “ตอนนี้ยังหาไม่เจอ แต่ว่าอีกฝ่ายลงมือค่อนข้างโหด ไม่เหมือนบริษัททั่วไปเลยครับ”

หลังจากที่ครุ่นคิดไปพักหนึ่ง เจิ้นเซ่าเฉินก็สั่งไปว่า “จับตาดูหุ้นของบริษัทเเซ่เฉินไว้อย่างใกล้ชิด ถ้ามีโอกาส เราต้องลงมือด้วย!”

หลังวางสาย เจิ้นเซ่าเฉินก็กดเบอร์แล้วโทรออกไปอีกครั้ง แล้วสั่งด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เอาเรื่องชั่วของเย่เทียนที่เรามีกับเรื่องเน่าๆ ของบริษัทแซ่เฉินโพสต์ลงในเน็ต แล้วให้ไอโอเข้าไปปั่น ผมต้องการให้เรื่องนี้ติดเทรนภายในครึ่งชั่วโมง!”

“ครับ!”

หลังวางสายอีกครั้ง สีหน้าของเจิ้นเซ่าเฉินก็ดุร้ายจนน่ากลัว

เย่เทียนขลุกอยู่บนโซฟาอย่างเกียจคร้าน “เพราะเป็นการไปจับมือคนร้ายคดีฆ่าคนตายที่โหดเหี้ยม ผมแค่กลัวคุณจะเป็นห่วงก็เท่านั้น”

เฉินหวั่นชิงจี้ต่อ “แล้วทำไมทางตำรวจถึงต้องให้คุณไปช่วยจับคนร้ายคดีฆ่าคนตายด้วย?”

“สงสัยคงคิดว่าผมสู้เก่งมั้งครับ!”

เย่เทียนกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดแซวไปว่า “ที่รัก คุณนี่เกิดมาพร้อมกับหุ่นที่ดีเยี่ยมจริงๆ เลย! ขนาดอยู่ในเครื่องแบบยังดูมีสไตล์เลย!”

ถึงจะบอกว่าห้ามแตะต้อง แต่การพูดแทะโลมคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง? ไม่อย่างนั้นคนเป็นสามีอย่างเขามันไม่ดูไร้ค่าไปหน่อยเหรอ?

“นี่คุณ……”

พอเห็นเย่เทียนเริ่มทำนิสัยเสีย เฉินหวั่นชิงก็โกรธจนหน้าแดง ชี้หน้าเย่เทียนแล้วพูดอย่างผิดหวังว่า “คุณจะทำตัวดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง?”

“ที่รัก ฟ้าดินเป็นพยาน ผมนั้นปกติดีมาก”

เย่เทียนชูนิ้วขึ้นมาสี่นิ้วเป็นการสาบาน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “คุณคือดอกไม้ประจำชาติ ปลาเห็นยังอายจนต้องว่ายหนี พระจันทร์ดอกไม้ยังต้องอาย สวยจนต้องหลงตัวเอง!”

“นี่คุณ……” เฉินหวั่นชิงยังอยากถามอะไรอีก

กริ้งกริ้ง!

แต่น่าเสียดาย โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเธอกลับดังขึ้นมาก่อน

เด็กสาวจำเป็นต้องเก็บความสงสัยในใจเอาไว้ แล้วเดินไปรับสาย และวางสายอย่างรวดเร็ว

“ลงไปข้างล่างกัน นักข่าวมาถึงแล้วค่ะ”

ความสำคัญของแต่ละเรื่องมันไม่เท่ากัน เฉินหวั่นชิงจัดการกับสภาพของตัวเอง บอกเย่เทียนสักคำแล้วเธอก็ออกจากห้องประชุมไปก่อน

เย่เทียนที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังก็ได้ขำออกมาอย่างขมขื่นทีหนึ่ง แอบบ่นไปว่าสายนี้มันโทรมาได้จางหวะจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายกับเฉินหวั่นชิงยังไงดี

ยังไงซะ จะให้บอกว่าไปเพราะล่าค่าหัวก็คงไม่ได้? มันดูด้อยค่าเกินไป!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่