ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 223

จูยิ่วฟานไม่ได้มีดีแค่เป็นน้องชายของจูยิ่วถิงเท่านั้น การที่เขาสามารถขึ้นมาเป็นกุนซือของเซิ่งเหอเซิ่ง ต้องไม่ใช่คนที่ไร้สมองอยู่แล้ว

ตอนที่เดินลงมาจากบันได เขาก็ได้สังเกตสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว คนขอเซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรถูกตรึงอยู่ในห้องโถงการที่จะออกไปให้ได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากซะยิ่งกว่ายาก

มันจึงสมารถอธิบายได้ว่าหลิวชิงกับเชิ่งหู่อยากจัดการกับฝั่งของตนให้สิ้นซากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ถ้าต้องเสียเวลาไปพูดคุยกับเย่เทียน สู้อาศัยความฮึกเหิมของพวกลูกน้องจากการกระโดดลงมาของหนิงหยวนสู้กันสักตั้ง ถ้ามันเกิดออกไปได้จริงๆ ล่ะ?

โบราณพูดไว้ดี ตีกลองครั้งแรกแรงดีที่สุด ครั้งสองแรงเริ่มลดลง ครั้งสามแรงแทบไม่เหลือ

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้จักเย่เทียน แต่ดูจากสีหน้าของหนิงหยวนแล้ว เขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าเย่เทียนต้องไม่ใช่คนธรรมดา เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่ไม่คาดฝัน เขาจึงตัดสินใจสั่งให้โจมตีทันที!

“บุกเข้าไป! จัดการลูกหมาพวกนี้ให้สิ้นซาก!”

“ครับ!”

ไพร่พลที่กำลังฮึกเหิมของเซิ่งเหอเซิ่งได้ขานรับขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นก็หยิบพวกเก้าอี้ขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าใส่พวกเย่เทียนตรงไปยังประตูหน้า

“ทุกคนตามคนของเซิ่งเหอเซิ่งๆ ไป เราจะฝ่าวงล้อมออกไปด้วยกัน!”

หลงเจี้ยนหัวรู้ดีว่าตอนนี้พวกเขาก็เหมือนมดที่ถูกมัดไว้บนเรือลำเดียวกัน จึงได้หันไปสั่งการคนของแก๊งมังกรทันที

คนของแก๊งมังกรต้องไม่ขัดข้องอยู่แล้ว ตามหลังคนของเซิ่งเหอเซิ่งไป พุ่งไปทางประตูหน้าด้วยรังสีที่เอ่อล้น

การพุ่งเข้ามาของคนหลายสิบคนที่รังสีดุดัน มันก็ทำให้หลิวชิงอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าว

ถึงเขาจะเป็นคนควบคุมหาเสือของแก๊งไผ่เขียว แต่ส่วนมากเขาก็จะใช้กลยุทธ์ วางกับดัก น้อยมากที่จะมาอยู่แนวหน้าแบบนี้

ตัดภาพมาที่เชิ่งหู่นั้นกลับกันเลย เป็นคนที่ดูรุนแรงแต่ละเอียดอ่อน ทั้งกล้าหาญและชาญฉลาด มองดูกลุ่มคนที่กำลังพุ่งเข้ามา เขากลับยิ้มออกมาอย่างดุร้ายที่มุมปาก เขาหันไปขอร้องเย่เทียนว่า

“คุณชายเย่ พวกนี้ยกให้ผมจัดการนะครับ!”

นั่นกลับทำให้เย่เทียนต้องมองเชิ่งหู่ด้วยสายตาที่ค่อนข้างตกใจ พอเห็นสีหน้าที่ใจจดใจจ่อของเขา เย่เทียนจึงได้ยื่นมือไปตบๆ ที่ไหล่ของเขา

“ไปเถอะ แต่จำไว้ว่าอย่าลงมือหนักจนเกินไปล่ะ!”

ระหว่างที่พูด สายตาของเย่เทียนก็เหลือบมองไปที่จี้เยียนหรัน สิ่งที่จะสื่อไม่ต้องบอกก็รู้

ไม่ว่ายังไง จี้เยียนหรันก็เป็นคนที่เที่ยงตรงสุดๆ ถ้าเชิ่งหู่เกิดทำอะไรไม่ดีต่อหน้าเธอ คุณหนูจี้ก็ถือเป็นผู้นำด้านการทำตามกฎระเบียบเลย

อีกอย่าง พวกลูกน้องที่กำลังพุ่งเข้ามาตอนนี้ สุดท้ายก็เป็นแค่ลูกสมุน ต่อให้พวกเขาจะทำผิด โทษมันก็ไม่ถึงตายหรอกจริงมั้ย?

เชิ่งหู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ดุร้าย ดื่มด่ำกับเลือดที่กำลังเดือดพล่านอยู่ภายใน หยิบเก้าอี้พับขึ้นมาตัวหนึ่ง โห่ร้องแล้ววิ่งออกไป

คนที่เป็นลูกพี่ได้นำทัพออกไปก่อนแล้ว คนของแก๊งเสือดำก็ฮึกเหิมขึ้นมาอย่างมาก ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งแล้ววิ่งตามเชิ่งหู่ไป โต้กลับด้วยความหาญกล้า

“ไป! บุกเข้าไปให้หมด! แม่งอัดพวกมันให้เละเลย!”

หลิวชิงที่เห็นอย่างนั้น กับสั่งคนของแก๊งไผ่เขียวให้ตามเข้าไป

ในเวลาสั่นๆ จวี่เค่อโหลวแห่งนี้ก็ชุลมุนขึ้นมาทันที โดยมีคนสี่กลุ่มแบ่งกันเป็นสองฝ่าย ยืนกันเป็นเกลียว

เย่เทียนนั้นไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือ ถ้ากะอีแค่ลูกกระจ๊อกแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ งั้นแก๊งไผ่เขียวกับแก๊งเสือดำก็ไม่มีค่าพอให้เขาช่วยแล้ว

ส่วนจี้เยียนหรันที่ยืนอยู่ข้างเย่เทียนนั้น ก็ยิงไม่มีความคิดที่จะออกโรงเลย สองมือกอดอก จ้องมองการต่อสู้ที่เธอไม่ควรจัดมาเข้าร่วมด้วยสายตาที่เคร่งขรึม

ในเวลาเดียวกัน กองกำลังทั้งสองก็เข้าปะทะกัน ลูกน้องหลายคนของแก๊งมังกรได้เพ่งเล็งมาที่เชิ่งหู่ เหมือนตั้งใจที่จะจัดการกับผู้นำของศัตรูให้ได้ก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบ

แต่การที่คนธรรมดาชั้นล่างอย่างเชิ่งหู่สามารถขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ แล้วเขาจะไปเป็นแค่คนระดับทั่วไปได้ยังไง?

ลูกน้องหลายคนของแก๊งมังกรที่เพิ่งพุ่งเข้าไป ก็ต้องกระเด็นออกมาอย่างรวดเร็ว ต่างพากันกระแทกลงพื้นอย่างแรง รู้สึกหน้ามืดตามัว และสูญเสียความสามารถในการรบไป

“เป็นแค่ลูกกระจ๊อก ยังกล้ามาหาเรื่องกู นึกว่ากูอ่อนแอนักใช่มั้ย?”

เชิ่งหู่ถ่มน้ำลายออกมาอย่างไม่สุภาพ ตั้งแต่ที่ขึ้นรับตำแหน่งนี้ เขาก็ไม่ค่อยได้ลงสนามด้วยตนเอง การต่อสู้ในตอนนี้จึงทำให้เขาหวนนึกถึงวันเวลาเก่าๆ ทำให้เลือดของเขาเดือดพล่าน ฮึกเหิมอย่างเต็มที่

เขากวักแกว่งเก้าอี้อย่างน่าเกรงขามราวกับเสือ เข้ามาหนึ่งคนก็กระเด็นหนึ่งคน เข้ามาสองคนก็กระเด็นสองคน เหมือนเทพแห่งสงครามลงมาจุติ เก่งกาจไร้เทียมทาน!

ถึงแม้จะเสียเปรียบเรื่องจำนวน แต่ภายใต้การแสดงพลังอำนาจของเชิ่งหู่ มันก็ทำให้แก๊งไผ่เขียวและแก๊งเสือดำสามารถคงความได้เปรียบเอาไว้

ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที ตอนที่เชิ่งหู่ตบศัตรูคนที่ห้าที่เข้ามากระเด็นออกไป คนของเซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรก็ล้มไปกว่าครึ่งแล้ว

พอถึงตอนนี้ ต่อให้เชิ่งหู่หยุดไปทั้งอย่างนั้น การจะจัดการกับคนที่เหลือของเซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรมันก็อยู่ที่เวลาเท่านั้น!

จูยิ่วฟานที่เพิ่งกลับมารวมตัวกับหนิงหยวนอีกครั้งตรงหน้าบันไดสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ทำไมเขาจะมองสถานการณ์ที่เสียเปรียบของตนไม่ออก

“ขุนศึกหนิง ลำพังแค่พวกที่อยู่ข้างล่างคงไม่พอที่จะทะลวงออกไปได้ เห็นทีคงต้องให้คุณออกโรงแล้ว!”

พอหนิงหยวนได้ยินอย่างนั้น กลับรู้สึกทุกข์ใจแต่ไม่รู้จะพูดออกมายังไง ทำไมเขาจะมองสถานการณ์ที่เสียเปรียบไม่ออก แต่การที่เขาออกโรงแล้วมันจะได้ประโยชน์อะไร?

เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียน ถ้าเขาออกไปแล้วเกิดโดนเย่เทียนเล่นงานจนหมอบ เกรงว่ามันจะยิ่งทำให้ลูกน้องที่เหลือแพ้เร็วยิ่งกว่ารึเปล่า?

“ขุนศึกหนิง ผมได้ขอกำลังเสริมจากคนในแก๊งแล้ว ขอแค่คุณสามารถถ่วงเวลาของพวกมันได้ รับรองว่าเราต้องพลิกสถานการณ์ได้แน่!”

เหมือนจะมองความกังวลของหนิงหยวนออก หลงเจี้ยนหัวจึงรีบก้าวออกมา

พอหนิงหยวนได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็ลังเลไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็เลือกที่จะก้าวออกไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”

เรื่องนี้มันไม่จำเป็นต้องคิดอะไรให้ยุ่งยากเลย ถ้าฝ่าออกไปไม่ได้ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียว!

มีเพียงต้องต้านเอาไว้! ต้านจนกำลังเสริมของแก๊งมังกรมาถึง พวกเขาจึงจะมีสิทธิ์รอด

พอถึงตอนนั้น พวกเขาถึงจะสามารถรายงานกับจูยิ่วถิงแห่งเมืองเอกได้ ถึงจะสามารถกู้สถานการณ์กลับคืนมาได้!

พวกลูกน้องของเซิ่งเหอเซิ่งกับแก๊งมังกรนั้นทำหน้าหวาดกลัวไปนานแล้ว ภายใต้การกดดันจากแก๊งไผ่เขียวกับแก๊งเสือดำที่นำทีมโดยเชิ่งหู่ มันก็ทำให้พวกเขาหมดกำลังใจไปนานแล้ว

ตอนนี้พอได้ยินหนิงหยวนตะโกนมาแบบนั้น พวกเขาก็พากันถอยหลังไปจนหมด

ระหว่างที่พวกเขาล่าถอย เชิ่งหู่ก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือ เขาแค่โบกมือ ลูกน้องทั้งหมดที่ยังคงล้อมรอบศัตรูก็ได้หยุดการเคลื่อนไหว

มุมปากของเย่เทียนได้ยิ้มเยาะเย้ยออกมา แล้วพูดอย่างขบขันว่า “ทำไม? นี่พวกคุณเตรียมที่จะยอมแพ้แล้วใช่มั้ย?”

“ยอมแพ้เหรอ? ในพจนานุกรมของหนิงหยวนคนนี้มันไม่มีคำว่ายอมแพ้!”

หนิงหยวนเบ้ปาก ต่อให้ส่วนลึกจะรู้ว่าเสียเปรียบ แต่เขากลับไม่ได้ร้อนรนแม้แต่น้อย

เขายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เทียน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สู้ ยังไงก็แค่ถ่วงเวลา รอกองกำลังของแก๊งมังกรมาถึง แล้วยังต้องกังวลอะไรอีก?!

พอคิดได้แบบนั้น หนิงหยวนก็ได้ตัดสินใจ ก้าวออกมาแล้วจ้องมองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ถึงเชิ่งหู่จะกล้าหาญ แต่เขาก็เป็นแค่คนธรรมดา หนิงหยวนจะไปสนใจเขาได้ยังไง เขารู้ดีว่า ยังไงคู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขาก็เป็นเย่เทียนอยู่ดี!

“ไอ้หนู แน่จริงก็ออกมาสู้กันตัวต่อตัว! ถ้าแกชนะฉันได้ ฉันก็จะยอมให้จับแต่โดยดี!”

“แค่คุณเนี่ยนะ? คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร?!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่