ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 307

ตอนที่เฟอร์รารี่สีแดงสดกับลัมโบร์กีนีสีเหลืองเข้มขับเคียงข้างกันมาแถวเดียว สองพี่น้องตระกูลฮั่วรีบย้ายสายตาเข้าไปทันที

นี่คือผู้ชายที่หน้าตางดงามคนหนึ่ง มือข้างหนึ่งยันศีรษะไว้พิงหน้าต่างรถอยู่อย่างเกียจคร้าน ราวกับไม่รู้สึกสนใจต่ออะไรทั้งนั้น

“คือเขา!”

ฮั่วเยี่ยนจือสีหน้าเย็นเฉียบ ลดกระจกรถลงมา ขยับมืออย่างต่อเนื่องให้เย่เทียนปลดกระจกรถลงมา

เย่เทียนพบตั้งแต่แรกว่าเฟอร์รารี่สีแดงสดคันนี้ขับแซงมาติดต่อกัน เริ่มแรกเดิมทีไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เห็นเพียงว่าเป็นทางผ่านเท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครจะไปว่างมาคิดว่าอีกฝ่ายจะมาหาตนเองเพื่อแข่งรถกันหรือไม่?

แต่ เย่เทียนกลับจำได้แล้วเช่นกัน รถคันนี้คือรถที่เมื่อช่วงเช้าอยู่บริเวณสนามบินไล่ตามตนเองมา

นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ภายในหนึ่งวันสั้นๆ จะเจอกันสองครั้งติด ยังเป็นพรหมลิขิตเสียจริง

เย่เทียนจะนึกถึงได้อย่างไรว่า นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรตั้งแต่แรก ล้วนเป็นเพราะเขาเกิดคึกคักขับรถเร็วแล้ว จึงดึงดูดความสนใจของสองพี่น้องตระกูลฮั่วเข้าไงล่ะ?

ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ หลังเย่เทียนตะลึงกับหน้าตาของพี่น้องตระกูลฮั่วในครั้งแรก จากนั้นก็ย้ายสายตากลับไปยังถนนข้างหน้า ขี้เกียจมองอีกสักแวบ

ไม่ว่าพูดอย่างไรก็กำลังขับรถ สาวงามนั้นเจริญตาแน่นอน แต่ถ้าเพียงแค่มองไปเฉยๆ แล้วต้องแลกมาด้วยอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต เดาว่าคงไม่มีใครสมองเลอะเทอะขนาดนั้น

“พี่คะ เจ้าหมอนั่นอวดดีมาก! นึกไม่ถึงมองยังไม่มองพวกเราสักนิด น่าโมโหซะจริง!”

ชั่วพริบตาเดียวฮั่วหลิงเยว่เดือดดาลขึ้นมา ยื่นมือออกไปทันใด บีบแตรอย่างคลุ้มคลั่ง พยายามให้เย่เทียนหันสายตาเข้ามา

“นี่ นายเลื่อนกระจกลงมาเดี๋ยวนี้นะ!”

ฮั่วเยี่ยนจือไม่พอใจอยู่บ้างเหมือนกัน เหยียบคันเร่งเพิ่มอีกหน่อย รถกระโดดออกมาสักครึ่งเมตรฉับพลัน และผ่อนระดับความเร็วลงรอเย่เทียนตามขึ้นมา ตะโกนเรียกผ่านกระจกขึ้นมาอีกที

“คนสวย เรียกฉันมีธุระเหรอ?”

ครั้งนี้ ในที่สุดเย่เทียนสังเกตได้ถึงความผิดปกติ จึงปลดกระจกรถลงอย่างเชื่องช้า ทำหน้างงงวย

จากนั้นเย่เทียนเลื่อนกระจกลง เสียงดนตรีที่ไพเราะลอยออกจากภายในตัวรถทันที ทำให้สองพี่น้องตระกูลฮั่วในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมก่อนหน้านี้เย่เทียนถึงไม่ตอบพวกเธอกลับเลย

ฮั่วหลิงเยว่โมโหจนแก้มพองตัวขึ้นมา พวกเราเสี่ยงอันตรายตะโกนเรียกนาย นายดันกำลังฟังเพลงอยู่? ไม่สามารถให้อภัยได้อย่างยิ่ง

พิจารณาถึงตรงนี้ ตอนนี้ฮั่วหลิงเยว่ไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้น นั่งอยู่เบาะข้างคนขับตะโกนข้ามฮั่วเยี่ยนจือมาว่า “พี่สาวฉันอยากแข่งรถกับนาย!”

หูของฮั่วเยี่ยนจือแทบจะหนวกเนื่องจากฮั่วหลิงเยว่ตะโกนมา ถลึงตาใส่หล่อนแบบตำหนิ ขณะเดียวกันตะโกนไปยังเย่เทียน

“ฉันรู้ว่าวันนี้ตอนเช้านายคือคนที่อยู่แถวสนามบินคนนั้น ตอนนี้พวกเรามาแข่งความเร็วกันอีกสักรอบเถอะ!”

แข่งรถ?”

เย่เทียนยักคิ้ว ส่ายศีรษะอย่างกับรัวกลอง “ฉันไม่แข่ง!”

ล้อเล่นอะไรกันอยู่ บนถนนใหญ่แบบนี้มีรถคันหนึ่งโผล่มากะทันหันตะโกนว่าอยากแข่งรถก็แข่งรถได้จริงเหรอ? งั้นเขายังจะมีศักดิ์ศรีอยู่เหรอ? คิดจริงๆ หรือไงว่าหน้าตาสวยจะอยากทำอะไรก็ได้?

“นี่ นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่รึเปล่า? กลัวขนาดนี้?”

ฮั่วหลิงเยว่โกรธจัด พยายามใช้วิธีกระตุ้น

“ไม่ใช่ปัญหาว่ากลัวไม่กลัว”

เย่เทียนเบ้ปาก พูดอย่างมีเหตุผลและถูกต้อง “รถคันนี้ไม่ใช่ของฉัน แต่เป็นรถที่ฉันยืมมา ถ้าเกิดชนจนพังแบบนั้นฉันก็เสียหายมากกว่าน่ะสิ!”

“ไม่ใช่แค่เงินเองเหรอ? นายวางใจได้ ถ้าชนพังจริงๆ แล้ว เงินค่าซ่อมรถฉันจ่ายแทนนายเอง!”

มุมปากฮั่วเยี่ยนจือเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา พูดจาแบบคนมีเงินใช้อำนาจบาตรใหญ่ “โดยเฉพาะ ถ้านายพอจะแข่งชนะฉันได้ รถคันนี้ที่ฉันขับอยู่ตอนนี้สามารถยกให้นายได้!”

“ถ้าเกิดนายแพ้แล้ว ฉันจะไม่เอาเงินของนายสักแดงเดียว!”

“ไม่แข่ง”

แต่ ที่เกินความคาดหมายของเธอคือ เย่เทียนยังคงส่ายหน้าอีกครั้ง

“ตั้งแต่เด็กแม่ฉันสอนไว้ว่า สวรรค์ไม่อาจโยนขนมเปี๊ยะยัดไส้มาให้เด็ดขาด ต่อให้โยนมาให้ นั่นมีเพียงจักรที่ทุบคนตาย!”

“เงื่อนไขที่พวกเธอเสนอมาดีขนาดนี้ ต้องมีเจตนาร้ายอะไรกับฉันแน่!”

“นายนี่รู้จักอายบ้างมั้ย?”

ฮั่วหลิงเยว่ทนไม่ไหวทำท่าทางสะอิดสะเอียนแล้วทันใด พูดจารังเกียจ “พวกเราจะมีเจนตาร้ายอะไรกับนายได้? นายไม่หากระจกมาส่องดูสภาพนั้นของนายดูหน่อย!”

“ความจริง......”

เย่เทียนหัวเราะอย่างเขินอาย แกล้งทำเป็นพูดแบบเหนียมอาย “ทุกวันตอนเช้าฉันมักจะส่องกระจกสักสิบนาทีจนเป็นนิสัย”

“......” ฮั่วหลิงเยว่โมโหจนทั้งตัวสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่ด้านในรถไม่มีข้าวของอะไรทิ้งได้ หล่อนคงระดมขว้างเย่เทียนจนตายแล้ว

เจ้าหมอนี่ ช่างไร้ยางอาย และหน้าไม่อายเสียจริงเลย!

“ฉันอยากแข่งกับนายสักรอบจริงๆ ขอเพียงนายเห็นด้วย นายเสนอเงื่อนไขมาได้ตามสบาย!”

เมื่อเทียบกับฮั่วหลิงเยว่ขึ้นมา ฮั่วเยี่ยนจือกลับนิ่งสงบกว่าไม่น้อย ไม่ได้โมโหเย่เทียนจนเสียสติ

ให้ฉันเสนอเงื่อนไขตามสบาย?

เย่เทียนตะลึง กวาดสายตามองบนตัวฮั่วเยี่ยนจือรอบหนึ่ง ในใจกลับพึงพอใจมาก อย่างน้อยคงสักCมั้ง!

และใช้สายตามองทางฮั่วหลิงเยว่อีกที เย่เทียนส่ายหน้าอย่างจำใจ จากบนใบหน้าของสองคนก็วิเคราะห์ได้ไม่ยากว่านี่คือสองพี่น้อง แต่ทำไมความต่างถึงห่างกันมากขนาดนี้ล่ะ?

ช่างเถอะ พูดอย่างไรก็เป็นพี่น้องสาวงาม ตนเองจะถือโอกาสเสนอทีเดียวสามคนอะไรออกมาดีหรือไม่นะ?

“นี่! ตาหื่นกามของนายมองไปตรงไหนกัน! ถ้านายมองอีกสักหน่อย เชื่อหรือไม่ว่าฉันจะควักตาหมดของนายให้ดู!”

ยังไม่รอให้เย่เทียนคิดจนกระจ่าง ฮั่วหลิงเยว่ที่สังเกตสายตาเขาได้ก็หงุดหงิดทันใด ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ล่ะก็ เดาว่าเย่เทียนคงโดนฟาดฟันจนถึงแก่ความตายไปตั้งแต่แรกแล้ว

“นายจะแข่งไม่แข่ง?”

ฮั่วเยี่ยนจือไม่ได้ฉุนเฉียวเหมือนฮั่วหลิงเยว่ขนาดนั้น ราวกับมองไม่เห็นสายตาชั่วร้ายของเย่เทียน สอบถามด้วยเสียงทุ้มอีกครั้ง

เย่เทียนส่ายหน้า “ไม่แข่ง!”

ฮั่วหลิงเยว่หลุดปากด่าทอว่า “นายยังเป็นลูกผู้ชายอยู่เหรอ? ฉันว่านายเป็นพวกเต่าหดหัว!”

เย่เทียนหัวเราะแบบชั่วร้าย “คนสวย บางทีเธออาจไม่เข้าใจเท่าไร ที่หดหัวก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเต่านะ!”

“พี่คะ คำนี้ที่เขาพูดหมายความว่าอะไร?”

ฮั่วหลิงเยว่ตะลึง กลับไม่ค่อยเข้าใจว่าเย่เทียนพูดอะไร จึงโยนคำถามไปให้ฮั่วเยี่ยนจือโดยจิตใต้สำนึก

“หลิงเยว่ เธอนั่งให้ดีนะ!”

ฮั่วเยี่ยนจือกลับรู้ว่าที่เย่เทียนพูดหมายถึงคืออะไร แต่เธอจะกล้าอธิบายให้ฮั่วหลิงเยว่ได้อย่างไรล่ะ? ตอนนี้ลูกตาเย็นชามีความหนาวเหน็บแฉลบผ่านเลือนราง

“อ่อ!” ฮั่วหลิงเยว่รีบปรับท่านั่งให้ตรงอย่างน่ารัก คาดเข็มขัดนิรภัยแน่นหนา

ตามองเห็นว่าฮั่วหลิงเยว่เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ฮั่วเยี่ยนจือรู้สึกเกลียด ก่อนจะหักพวงมาลัยฉับพลัน เฟอร์รารี่ทั้งคันชนเข้ามาทางด้านข้างแล้ว

ตึง!

เฟอร์รารี่สีแดงสดชนที่ตัวรถลัมโบร์กีนีสีเหลืองเข้มที่เย่เทียนขับอยู่อย่างแรง ดูจากระดับที่บุบยุบลงไปนั้น อย่างน้อยต้องซ่อมอยู่หลายล้าน

เป็นรถหรู ถึงแม้จะขีดข่วนถลอกนิดเดียว ค่าพ่นนั่นก็หลายหมื่นเลยนะ!

เสียงชนที่ดังก้องสะเทือนแก้วหูทำให้ซูเย่าหมิงที่ขับอาวดี้อยู่ข้างหน้าตกอกตกใจ รีบตรวจมองการเคลื่อนไหวด้านหลังผ่านกระจกมองหลังทันที

หลังจากที่มองเห็นป้ายทะเบียนเฟอร์รารี่ที่ชนลัมโบร์กีนีครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างชัดเจน เขาทั้งดีใจทั้งปวดใจ

ที่ดีใจคือ นึกไม่ถึงว่าเย่เทียนจะทะเลาะเบาะแว้งกับคุณหนูสองคนนั้นของตระกูลฮั่วเข้า จากนิสัยของพี่น้องตระกูลฮั่ว เย่เทียนต้องรับผิดชอบทั้งหมดแน่นอน

ที่ปวดใจไม่ต้องพูดแล้ว ลัมโบร์กีนีที่เย่เทียนขับนั้นเป็นรถที่รักของเขาเอง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่