ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 322

“คุณคิดว่า ลำพังนักฆ่าเพียงไม่กี่คนก็พอที่จะรั้งผมได้แล้วอย่างนั้นเหรอครับ?”

ระหว่างจ้องมองไปยังสีหน้าที่เยือกเย็นของฮั่วยั่นจือ เย่เทียนก็ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง

“คุณรู้แผนการของฉันอีกแล้วเหรอ?”

พอฮั่วยั่นจือได้ยินอย่างนั้น คิ้วสวยๆ ของเธอก็ขมวดขึ้นมา แล้วมองเย่เทียนด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง

“ตอนแรกผมก็ไม่รู้ แต่พอมาถึงที่นี่ ผมก็รู้ตัวแล้ว”

เย่เทียนยิ้มๆ แล้วพูดไปว่า “ตอนแรกผมเข้าใจว่า เพราะผมหน้าตาดี มันเลยทำให้คุณหวั่นไหว พอเอาเข้าจริง ผมก็เข้าใจผิดไป พูดมา ว่าคุณคิดจะจัดการกับผมยังไง?”

พอเห็นเย่เทียนที่ดูจะไม่กลัวเลยสักนิด ในใจของฮั่วยั่นจือก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

แต่ไม่นาน เธอก็ใจเย็นลง

ตนนั้นได้กางตาข่ายไว้ทั้งบนและล่างแล้ว ต่อให้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะพอมีฝีมือบ้าง ก็ไม่มีทางหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน!

พอคิดได้อย่างนั้น ฮั่วยั่นจือก็ยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ แล้วพูดไปว่า “ยังไม่ถึงขั้นที่ว่าจะจัดการ ฉันก็แค่อยากร่วมมือกับคุณเย่เท่านั้น”

เย่เทียนอึ้งไป “ร่วมมือ? ร่วมมือเรื่องอะไรครับ?”

“ฉันแค่อยากให้คุณให้ความร่วมมือ ช่วยฉันยึดตระกูลซู!”

ระหว่างที่พูด บรรยากาศรอบตัวฮั่วยั่นจือก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่สาวน้อยที่น่าหลงใหลอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจของจ๊กกลางอย่างแท้จริง จ้องมองเย่เทียนอย่างหยิ่งยโส ราวกับกำลังจ้องมองมดตัวหนึ่ง

“ช่วยคุณยึดตระกูลซู?”

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น กลับขำเยาะเย้ยออกมาอย่างน่าประหลาด “ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน คุณไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน?”

“ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรือแม้แต่ในอนาคต กำปั้นใหญ่ก็จะเป็นฝ่ายที่ถูกเสมอ!”

ฮั่วยั่นจือทำหน้าได้ใจ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ในเมื่อฉันกล้าพูดออกจากปากว่าจะยึดตระกูลซู ฉันก็ต้องมีความสามารถที่มากพออยู่แล้ว!”

ระหว่างที่พูด เธอก็ปรบมืออย่างสบายๆ

ซิ่ว!

ทันทีที่เสียงปรบมือดังขึ้น ก็มีเงาของคนหลายคนพุ่งเข้ามาจากมุมต่างๆ ของวิลล่า ยืนอยู่ทุกด้าน และล้อมเย่เทียนเอาไว้

กลุ่มคนที่ออกมามีทั้งหมดสี่คน บนตัวของแต่ละคนต่างก็แผ่รังสีที่แข็งแกร่งออกมา เห็นได้ชัดว่าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!

ฮั่วยั่นจือไม่ได้ปิดบังความได้ใจที่ตัวเองรู้สึกเลย

ความจริงแล้ว เธอก็มีสิทธิ์ที่จะทำตัวได้ใจแบบนี้

สมัยนี้ระดับดำนั้นสามารถเดินเบ่งไปทั่วประเทศจีนแล้ว นักบู๊ระดับเหลืองสี่คนนี้กลับยินดีที่จะเชื่อฟังคำสั่งของฮั่วยั่นจือด้วยความเต็มใจ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอมีความสามารถมากขนาดไหน

“ต่อให้ตอนนี้ผมจะรับปากกับคุณ แต่คุณไม่กลัวว่าหลังจากที่ผมจากไป แล้วผมจะกลับคำและเอาเรื่องนี้ไปบอกตระกูลซู ทำให้พวกเขาระวังตัวมากขึ้นเหรอครับ?”

เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก พร้อมกับทำหน้าลึกซึ้ง

“กลัวสิ!”

ฮั่วยั่นจือพยักหน้าอย่างจริงใจ “ถึงแม้คนของตระกูลซูจะรู้เรื่องเข้า ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่เปลี่ยน มันแค่จะทำให้ฉันเสียเวลามากขึ้นเท่านั้น”

“ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน คุณจึงต้องกินยาลูกกลอนในขวดนี้เข้าไป!”

ระหว่างที่พูด ฮั่วยั่นจือก็หยิบยาลูกกลอนขวดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ

“มันคืออะไร?”

เย่เทียนลองดมกลิ่นดู สีหน้าก็ดูบูดเบี้ยวขึ้นมาทันที

“นี่คือยาพิษที่ฉันให้ปรมาจารย์ปรุงออกมา มันสามารถหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย ต่อไปในวันนี้ของทุกเดือนคุณก็จำเป็นต้องกินยาถอนพิษหนึ่งเม็ด ไม่อย่างนั้นเลือดก็จะไหลออกจากทวานทั้งเจ็ด และท้องไส้เน่าเสียจนตาย!”

ฮั่วยั่นจือยังคงทำหน้าได้ใจ แต่ในส่วนลึกของดวงตากลับปรากฏความร้อนรนออกมา

เย่เทียนรู้สึกอยากขำอยู่ในใจ ด้วยความสามารถของเขา ต่อให้จะเพียงแค่ดม ก็รู้แล้วว่ายาเม็ดนี้มีส่วนผสมของอะไรบ้าง

ยังไงเขาก็เป็นถึงปรมาจารย์ปรุงยา หลังวิเคราะห์จากส่วนผสมที่อยู่ในยา เขาก็รู้แล้วว่ายานี้มีฤทธิ์เป็นยังไง

เย่เทียนมั่นใจเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ว่า ยาเม็ดนี้ไม่ได้ร้ายแรงเหมือนที่ฮั่วยั่นจือพูดมา

แต่กลับตรงกันข้าม ยาเม็ดนี้น่าจะเป็นแค่ยาบำรุงทั่วไปเท่านั้น น่าจะไม่ต่างกับยาปรุงจิตที่ฉินเจิ้งมอบให้เฉินชังไห่เลย และอาจจะด้อยกว่าเยอะด้วย

เนื่องจาก ยาลูกกลอนที่ฮั่วยั่นจือเอาออกมาดูแล้วหยาบกร้านกว่ามาก แม้แต่กลิ่นก็ไม่ได้แรงขนาดนั้น คาดว่าฝีมือของคนปรุงยาไม่น่าจะดีอะไรมากมาย

พอคิดได้อย่างนั้น สายตาที่เย่เทียนมองไปยังฮั่วยั่นจือก็เปลี่ยนเป็นสายตาที่ชื่นชมขึ้นมา

ไม่ว่าจะเป็นด้านแผนการ หรือบนข้อมือต่างก็มีดีทั้งนั้น ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็อาจจะติดกับไปแล้ว สมแล้วที่เป็นสาวมหัศจรรย์แห่งวงการธุรกิจของจ๊กกลาง!

ทันใดนั้น เย่เทียนก็ล้มเลิกจิตมุ่งสังหารในใจไปจนหมด

แน่นอนว่าไม่ได้เป็นเพราะเห็นแค่ความสวยของฮั่วยั่นจือ

แต่ดูเหมือนว่าเรื่องเหมืองหยกในจ๊กกลางกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว ถ้าต้องฆ่าฮั่วยั่นจือทิ้ง สู้เก็บไว้ใช้งานเอง มันก็จะเพิ่มความมั่นใจที่จะเอาเหมืองหยกมาครอบครองได้มากขึ้น!

“คุณเย่ ฉันเชื่อว่าคุณเป็นคนฉลาด ฉันขอเตือนให้คุณยอมร่วมมือกับฉันจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว!”

ฮั่วยั่นจือไม่รู้หรอกว่าเย่เทียนกำลังคิดอะไรอยู่ พอเห็นเย่เทียนไม่พูดอะไรจึงนึกว่าข่มขู่เขาได้สำเร็จแล้ว

ในความคิดของเธอ ไม่ว่ายังไงเธอก็ชนะอย่างแน่นอน

เมื่อคืนตอนที่เธอกำลังวางแผนนี้ ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ได้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว

ภายใต้ความกดดันของยอดฝีมือที่แกร่งกว่าคนนับหมื่นนั้น เย่เทียนก็ต้องสยบอยู่ใต้แทบเท้าของเธอแน่นอน!

ขอแค่เย่เทียนยอมร่วมมือแต่โดยดี เธอก็มีความมั่นใจมากพอที่จะสามารถยึดครองตระกูลซูได้ ตระกูลฮั่วก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีกขั้น!

พอถึงตอนนั้น การที่จะรวบรวมจ๊กกลางก็อาจจะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป!

พอคิดได้อย่างนั้น ฮั่วยั่นจือก็รู้สึกได้ใจขึ้นมา

“ผมต้องยอมรับจริงๆ ว่า แผนของคุณมันใช้ได้เลย แต่มีจุดเปลี่ยนสำคัญจุดหนึ่งที่คุณคาดไม่ถึง”

เย่เทียนส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย และพูดออกมาอย่างกะทันหันว่า “ซึ่งมันก็คือผม!”

“ถ้าคุณคิดว่าแค่เศษสวะที่ไม่เอาไหนสี่คนก็สามารถควบคุมผมได้ งั้นคุณก็ถูกกำหนดมาให้ต้องพ่ายแพ้แล้ว!”

สี่คนที่อยู่รอบๆ ไม่ได้ปกปิดอะไรเลย เย่เทียนจึงสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าสี่คนนี้ก็เป็นแค่นักบู๊ระดับเหลืองเท่านั้น

ถ้าอยู่ต่อหน้าคนทั่วไป ก็คงเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครเทียบ แต่สำหรับเขา มันก็เป็นแค่มดตัวเล็กๆ ที่เขาจะบีบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ จึงไม่สามารถข่มขู่เขาได้สักนิด!

“ไอ้หนูหลงตัวเองซะจริง!”

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งตรงหัวมุมได้ตะโกนออกมาด้วยความโมโห สายตาที่มองเย่เทียนก็เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร

ฮั่วยั่นจือรู้สึกใจหาย พร้อมกับแสดงสีหน้าที่เคร่งเครียดออกมา

ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคำนึงถึงเรื่องนี้มากก่อน แค่เธอไม่ยอมเชื่อว่าเย่เทียนจะมีความสามารถถึงระดับนั้น แต่พอเห็นเย่เทียนยังทำตัวนิ่งเฉยอยู่ ความรู้สึกที่ไม่สบายใจก็เพิ่มมากขึ้น

พอคิดได้แบบนั้น ฮั่วยั่นจือก็โบกมือลงล่าง แล้วพูดอย่างไม่ชอบใจว่า “ในเมื่อคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ งั้นก็อย่าโทษว่าฉันโหดเหี้ยมเลยนะ!”

“เอาเลย จับเขาเอาไว้!”

ยังไงมันก็เป็นแค่เรื่องง่าย ไม่กี่นาทีหลังจากนี้ก็จะได้รู้คำตอบ แล้วจะรู้สึกลังเลไปทำไม?!

ซิ่วซิ่ว!

ทันทีที่คำพูดของฮั่วยั่นจือสิ้นสุดลง นักบู๊ระดับเหลืองทั้งสี่ก็ขยับเท้า และพุ่งเข้าใส่เย่เทียนราวกับสัตว์ร้าย

ดูจากสีหน้าที่ดุร้ายเหล่านั้น ไม่เหมือนจะแค่จับตัวเย่เทียนเท่านั้น อย่างน้อยก็ต้องอัดจนหน้าช้ำบ้างแหละ

“เมื่อกี้ผมพูดไปแล้ว กะอีแค่เศษสวะไม่กี่คน มันไม่พอที่จะควบคุมผมได้หรอก!”

เย่เทียนพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจ แล้วสายลมไร้รูปอันรุนแรงก็ถูกขับออกจากทั่วตัว และหมุนวนออกไปทั่วทุกสารทิศ…..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่