“นี่ไอ้หนู ยอมให้จับแต่โดยดีเถอะ!”
ทันทีที่ฮั่วยั่นจือพูดจบ นักบู๊ระดับเหลืองสี่คนที่ล้อมรอบเย่เทียนไว้ก็หัวเราะออกมา พร้อมกับทำหน้าที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่
“แค่เศษสวะอย่างพวกคุณก็คิดที่จะให้ผมยอมจำนนแล้วอย่างนั้นเหรอ? กลับไปฝึกอีกหลายสิบปีเถอะ!”
เย่เทียนไม่แม้แต่จะมองคนทั้งสี่ สองมือไขว้หลัง พร้อมกับทำหน้าราวกับยอดฝีมือ
“บัดซบ!” นักบู๊ระดับเหลืองทั้งสี่คำรามออกมาด้วยความเดือดดาล
ตอนอยู่ต่อหน้าฮั่วยั่นจือพวกเขาอาจจะทำตัวต้อยต่ำ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีความภาคภูมิใจเลยสักนิด
พฤติกรรมที่เย่เทียนแสดงออกมานั้น มันก็ทำให้ไฟโทสะในใจของทั้งสี่ลุกโชนขึ้นมาทันที!
ทันใดนั้น ทั้งสี่ก็ซัดหมัดซัดฝ่ามือ ผนึกกำลังจากทั้งสี่ทางโจมตีใส่เย่เทียนราวกับสัตว์ร้าย เหมือนต้องการจัดการเย่เทียนที่ทำตัวสามหาวให้ได้ในทีเดียว
“ถึงคนอย่างคุณจะปากดีสักแค่ไหน แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่มันก็ไร้ความหมาย ฉันจะดูซิว่าคุณจะเอาอะไรมารับมือกับการผสานกำลังของพวกเขาสี่คน!”
ฮั่วยั่นจือที่เห็นอย่างนั้น เธอก็ทำหน้าได้ใจยิ่งกว่าเดิม แววตาอันเป็นประกายที่มองไปยังเย่เทียนก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความดูถูกดูแคลน
“มดปลวกยังไงก็เป็นแค่มดปลวกวันยังค่ำ ยังไงก็ไม่มีทางล้มช้างได้หรอก!”
เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ คัมภีร์หวงในร่างกายไหลเวียนออกมา สายลมอันรุนแรงปะทุออกจากร่างอย่างกะทันหัน และหมุนวนออกไปทั่วทุกสารทิศ
ฟู่ว์!
ทันใดนั้น เหมือนเกิดพายุระดับสิบแปดขึ้นภายในบ้าน นักบู๊ระดับเหลืองสี่คนที่พุ่งเข้าใส่เย่เทียน ก็ต้องถอยกลับด้วยความเร็วสองเท่าที่พุ่งเข้ามา
พวกเขายังเป็นแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮั่วยั่นจือเลย
ฮั่วยั่นจือที่คิดว่าชัยชนะอยู่ในมือแล้วก็คาดไม่ถึงว่ามันจะหักมุมแบบนี้ รู้สึกตาพร่า จากนั้นก็ถูกแรงลมพัดลอยไปกระแทกเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลังอย่างแรง
“เฮ้ย?!”
จู่ๆ เย่เทียนก็ส่งเสียงตกใจออกมา สายตาที่มองไปยังฮั่วยั่นจือก็ประหลาดยิ่งกว่าเดิม
ไม่ใช่อะไร เพราะเมื่อกี้นี้ เขาก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วฮั่วยั่นจือก็เป็นนักบู๊คนหนึ่งเหมือนกัน!
แค่ว่ารังสีของฮั่วยั่นจือนั้นอ่อนมาก คาดว่าน่าจะเพิ่งเข้าสู่เส้นทางนักบู๊ได้ไม่นาน เป็นแค่ระดับเหลืองชั้นล่างทั่วไปก็เท่านั้น
ไม่ว่ายังไงสายลมที่รุนแรงนี้ก็มาเร็วและไปเร็วยิ่งกว่าเดิม เพียงพริบตาเดียวก็หายไปแล้ว
แต่ภายในห้องตอนนี้กลับเละเทะไปหมดแล้ว ฮั่วยั่นจือกับอีกสี่คนต่างกำลังล้มนอนอยู่บนพื้นที่เย็นเฉียบ ภายในห้องมีเพียงเย่เทียนคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่!
“พะ พวกแกเป็นอะไรกัน? ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีก!”
ฮั่วยั่นจือลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่มึนงง พอเห็นสภาพของคนทั้งสี่ที่นอนอยู่บนพื้นแล้ว ความรู้สึกที่ไม่สบายใจก็มีมากขึ้นไปอีก จึงรีบตะโกน เพื่อหวังที่จะปลุกพวกเขาให้ตื่น
แต่ที่น่าเสียดายคือ ภายใต้ความตั้งใจของเย่เทียน นักบู๊ระดับเหลืองทั้งสี่คนได้ถูกชี่ทิพย์ของเขากดดันจนหมดสติเป็นที่เรียบร้อย แล้วฮั่วยั่นจือจะไปปลุกพวกเขาให้ตื่นได้ยังไง
“ไม่ต้องปลุกให้เหนื่อยหรอกครับ อย่างน้อยหนึ่งถึงสองชั่วยาม ไม่อย่างนั้นเศษสวะสี่คนนี้ก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้หรอก!”
เหมือนเพิ่งทำเรื่องเล็กที่ไม่มีอะไรให้พูดถึง เย่เทียนก็ได้ยักไหล่อย่างสบายๆ
พอเห็นเย่เทียนที่ทำตัวผ่อนคลาย แล้วนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ในหัวของฮั่วยั่นจือก็มีความเป็นไปได้ทีน่าสะพรึงกลัวผุดขึ้นมา
“หรือว่าคุณเองก็…ไม่! มันเป็นไปไม่ได้!”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะครับ?”
เย่เทียนยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก แล้วพูดอย่างขบขันว่า “ถูกต้อง! ผมเองก็เป็นนักบู๊เหมือนกัน! และการฝึกฝนของผมยังเหนือกว่าพวกเขามากด้วย!”
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่