“นั่นคือยาเพิ่มพลัง มีดีต่อคุณในตอนนี้มาก!”
เมื่อฮั่วยั่นจือที่รับยาไปได้ยินอย่างนั้น ก็หันมามองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็หลับตาแล้วกลืนยานั้นลงไป
เย่เทียนที่เห็นแบบนั้น ก็แอบพยักหน้าไปทีหนึ่ง ดวงตาสีดำเผยให้เห็นความขื่นชมอย่างไม่ปิดบัง
ถ้าตัดเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ออกไป เย่เทียนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฮั่วยั่นจือนั้นถือเป็นสาวมหัศจรรย์ที่เยี่ยมยอดมากๆ
การที่เธอถูกขนานนามว่าเป็นสาวมหัศจรรย์ของวงการธุรกิจแห่งจ๊กกลาง มันก็เป็นการการันตีว่านั้นมีแผนที่เยี่ยมยอดกว่าใคร
ในการที่เธอกล้ากินยาเพิ่มพลังนั่นเข้าไป ก็เห็นได้ชัดว่าเธอนั้นใจกล้าแค่ไหน
บวกกับการที่เธอไม่มีใครคอยชี้แนะ แต่กลับสามารถก้าวสู่ระดับเหลืองด้วยหนังสือเพียงคนเดียว แถมยังปรุงยาออกมาได้ด้วย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเธอมีไหวพริบที่ดีขนาดไหน
หญิงสาวที่ทั้งกล้าทั้งฉลาดแถมไหวพริบดีแบบนี้ จะไม่ใช้ชื่นชมได้ยังไง!
และถ้า ฮั่วยั่นจือยอมคุกเข่าแล้วขอเป็นศิษย์ตอนนี้ เย่เทียนก็ไม่รังเกียจที่จะรับเธอเป็นศิษย์เลย
แน่นอนว่า ก้เป็นได้แค่ลูกศิษย์ในนามเท่านั้น
คนมักพูดกันว่า : ความรู้ไม่สอนให้ใครง่ายๆ วิชาไม่ถ่ายทอดให้ใครส่งเดช!
การฝึกบู๊นั้น ถ้าถ่ายทอดให้คนอื่นง่ายๆ ป่านนี้โลกคงวุ่นวายกันไปใหญ่แล้ว!
อีกอย่าง ถ้าก้าวถึงระดับดำก็สามารถกันกระสุนได้
ทั่วทั้งประเทศหรือทั้งโลก ประชากรกว่าหลายร้อยล้าน กับจำนวนที่มากมายขนาดนี้ ถ้าทุกคนต่างเป็นนักบู๊ ถึงตอนนั้นจะให้ปกครองกันยังไง?
“หืม!”
ไม่ว่ายังไง หลังจากฮั่วยั่นจือทำหน้าสงสัยได้กินยาเพิ่มพลังลงไปแล้ว ก็ส่งเสียงที่สดใสออกมาอย่างไม่รู้ตัว
เธอรู้สึกว่ามีความไออุ่นอันหนึ่งแล่นอยู่ในตัว และอัดแน่นไปทั่วร่าง เหมือนกำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำร้อน รู้สึกสบายอย่างมาก
ชั่วขณะหนึ่ง ฮั่วยั่นจือก็ไม่กล้าปล่อยให้เวลาต้องเสียเปล่า เธอรีบนั่งขัดสมาธิ ตั้งสมาธิแล้วเริ่มฝึกตน
ซู่ซ่าซู่ซ่า!
ไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน ทั่วร่างของเธอก็เกิดเสียงดังเหมือนการผัดถั่ว สิ่งสกปรกสีดำได้ถูกขับออกจากผิวพรรณที่ขาวใสของเธอ
เธอรู้สึกเหมือนความหนักอึ้งในตัวได้ถูกขับออกมาพร้อมกับมัน รู้สึกผ่อนคลายลงมาก พละกำลังเอ่อล้นไปทั่วร่าง!
การฝึกตนของเธอก็ก้าวหน้าขึ้นมาก เหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะบรรลุถึงขั้นแดนเหลืองระดับกลางแล้ว!
“ทะ ทำไมคุณถึงมียาที่วิเศษขนาดนี้อยู่ในครอบครองได้?”
ฮั่วยั่นจือที่ได้สัมผัสถึงฤทธิ์ของยาเพิ่มพลังกับตัวถึงกับทำหน้าตกใจ และไม่ได้สนใจสิ่งสกปรกเน่าเหม็นที่กำลังถูกขับออกจากร่างเลยด้วยซ้ำ
“นี่ก็นับเป็นยาวิเศษแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
เย่เทียนยิ้มๆ แล้วพูดอย่างลึกซึ้งว่า “ขอแค่ส่วนผสมเพียงพอ ไม่ว่าคุณจะต้องการเท่าไหร่ผมก็จัดให้ได้ทั้งนั้น!”
“นะ นี่คุณเป็นปรมาจารย์ปรุงยาอย่างนั้นเหรอ?”
เดิมทีฮั่วยั่นจือก็ไม่ใช่คนโง่อะไรอยู่แล้ว ทำไมจะไม่รู้ว่าคำพูดของเย่เทียนนั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่ แล้วเธอก็ตกเข้าไปอยู่ในความงงทันที
นี่มันเป็นถึงปรมาจารย์ปรุงยาเลยนะ!
ถ้าจะบอกว่านักบู๊เป็นคนที่เหนือกว่าคนนับหมื่น ถ้าอย่างนั้นปรมาจารย์ปรุงยาก็คือคนที่เหนือกว่าคนร้อยล้านแล้ว!
กับเธอที่เป็นแค่คนฝึกปรุงยายังทำให้นักบู๊ระดับเหลืองสี่คนยอมทำตามคำสั่งอย่างเต็มใจได้ งั้นขอแค่ปรมาจารย์ปรุงยาตัวจริงอย่างเย่เทียนเปิดปาก คิดว่าระดับดำหรือแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับดินก็คงจะยอมก้มหัวให้ทั้งนั้นเลยมั้ง?
พอคิดว่าเย่เทียนนั้นเป็นการคงอยู่ที่น่ากลัวขนาดนี้ ในใจของฮั่วยั่นจือก็ฟุ้งซ่านไปหมด ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ตอนแรกเธอนั้นคิดว่าการที่ตัวเองอายุแค่นี้แต่กลับประสบความสำเร็จถึงขนาดนี้ เธอก็เป็นคนที่มีความสามารถมากๆ แล้ว แต่พอมาเทียบกับเย่เทียน เธอก็กลายเป็นกบในกะลาไปเลยจริงๆ ช่างน่าขันสิ้นดี
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ฮั่วยั่นจือก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
ถึงแม้เย่เทียนจะเป็นปรมาจารย์ปรุงยาจริง แล้วมันจะยังไงต่อ?
เธอนั้นฝึกฝนโดยที่ไม่มีใครคอยชี้แนะ และยังเรียนรู้วิธีการปรุงยาได้ด้วย ถ้าหากมีคนคอยชี้แนะ เธอก็เชื่อว่าตัวเองไม่น่าจะด้อยไปกว่าเย่เทียนสักเท่าไหร่หรอก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่