“คุณ! ตามคนที่สามารถเข้าถึงเงินเดือนของคนงานมาให้หมด!”
“ภายในสิบนาทีถ้าใครไม่มา ก็เก็บข้าวเก็บของออกไปได้เลย!”
เมื่อพอรู้สาเหตุที่พวกคนงานโวยวายแล้ว เฉินหวั่นชิงก็หันมองไปที่ฟ่านซวนทันที
พอเห็นสายตาที่ดุร้ายของเฉินหวั่นชิงแล้ว ฟ่านซวนก็ต้องตกใจ ไม่นึกเลยว่าเฉินหวั่นชิงที่อายุยังน้อยกลับฉุนเฉียวได้ถึงขนาดนี้ แล้วยังจะกล้าชักช้าอีกได้ยังไง
แต่เขานั้นรู้ดีว่าสาวสวยคนนี้ไม่ได้เป็นแค่แจกันเท่านั้น ตั้งแต่วันแรกที่เธอขึ้นมาควบคุมทิศทางของเรือใหญ่อย่างบริษัทแซ่เฉินจนถึงวันนี้ บริษัทแซ่เฉินก็ได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย!
อายุน้อยก็ส่วนอายุน้อย แต่เรื่องความสามารถก็ยังมีสูงกว่าคนทั่วไปอยู่ดี ทุกวันนี้ภายในบริษัทแซ่เฉินก็แทบไม่มีใครกล้าทำให้เธอไม่พอใจแล้ว
แน่นอนว่าหลักๆ ก็เป็นเพราะเฉินหวั่นชิงเป็นคนที่ลงมือค่อนข้างเด็ดขาด แม้แต่น้องชายอย่างเฉินหยังยังไม่ปรานี แล้วเขาจะกล้าไปขัดใจได้ยังไง
การปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ของเฉินหวั่นชิงมันกลับทำให้พวกคนงานนั้นเงียบลงไป รู้ว่ากำลังจัดการเรื่องของตัวเองอยู่ จึงได้ยืนดูอย่างเงียบๆ
ถึงเย่เทียนจะยังคงเงียบ แต่สายตากลับกวาดมองไปยังพวกคนงานอยู่ตลอดเวลา
ในเวลาเพียงไม่นาน เขาก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติเข้าแล้ว สายตาที่ขบขันของเขาไปหยุดอยู่ตรงพวกคนงานที่เป็นแกนนำเหล่านั้น
คนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะชายผิวดำคนนั้น สีหน้าข้างค่อนข้างร้อนรนและไม่สบายใจ ไม่ได้ดูกระตือรือร้นเหมือนคนงานคนอื่นที่ถูกเลื่อนเงินเดือนและกำลังรอคอยข้อสรุปเลย
“พวกนี้น่าจะมีอะไรในใจแน่นอน!”
เย่เทียนรู้สึกตะหงิดใจ แต่ก็ยังไม่ได้เปิดเผย
ในเวลาเดียวกัน ฟ่านซวนก็พาพนักงานการเงินสามคนเดินมาแล้ว
ความจริงแล้ว กลุ่มผู้ดูแลที่ถูกพวกคนงานขวางไว้นั้นไม่ได้มีแค่ฝ่ายการเงิน แม้แต่คนของฝ่ายบุคคลก็อยู่ด้วย จึงใช้เวลาไม่นานในการตามตัว
“ประธานเฉิน นอกจากรองผอ.แล้ว คนในแผนกการเงินก็อยู่ตรงนี้ครบหมดทุกคนเลยครับ”
พอพูดอย่างนั้นออกมา เฉินหวั่นชิงก็ขมวดคิ้วอย่างแรง
“แล้วรองผอ.ไปไหน?”
“เมื่อวานเขาก็ขอลากับผมไปแล้ว บอกว่าแม่ของเขาเข้าโรงพยาบาล จึงต้องกลับบ้านสักพักครับ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ฟ่านซวนโมโหขึ้นมาทันที ปกติเขาจะยุ่งอยู่กับการออกไปพบปะผู้คน เรื่องในโรงงานส่วนใหญ่ก็จะมอบหมายให้รองผอ.เป็นคนดูแล ถ้าไม่ได้เป็นเพราะมาลางานตอนนี้ เขาก็คงไม่ต้องมาซวยแบบนี้จริงมั้ย?
“ประธานเฉิน คุณเองก็น่าจะรู้ ว่าเวลาส่วนใหญ่ผมต้องเดินทางไปตามเมืองใกล้เคียง เรื่องในโรงงานผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องจริงๆ ครับ”
เฉินหวั่นชิงพยักหน้าอย่างมีความคิด ไม่ได้มีท่าทีว่าจะโทษฟ่านซวน และได้มองไปยังพนักงานการเงินสามคนนั้น
“พวกคุณน่ะ ฉันหวังว่าพวกคุณจะให้คำอธิบายที่น่าพึงพอใจกับฉันได้ ทำไมค่าแรงของคนงานพวกนี้ถึงเลื่อนมานานขนาดนี้?!”
“คือ….ประธานเฉิน พวกเราไม่รู้จริงๆ ครับ”
“ค่าKPIในเดือนที่แล้วของคนงานพวกนี้เราได้ส่งให้บริษัทแม่แล้ว เงินก็ตรงตามจำนวน และได้โอนไปหมดแล้วครับ”
ทั้งสามหันมาสบตากัน ชายชราตัวเล็กสวมแว่นที่อยู่ตรงกลางก็ได้ก้าวออกมา และส่ายหน้าเป็นการใหญ่
เรื่องนี้พูดถึงก็น่าแปลก ทั้งโรงงานมีคนงานตั้งมากมาย แต่ทำไมถึงมีแค่ห้องเครื่องทั้งสามโรงนี้เท่านั้นที่ไม่ได้รับเงิน
พวกเขาได้ทำตามขั้นตอนทุกอย่างอย่างถูกต้อง ไม่มีข้อผิดพลาดเลยสักนิด แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องประหลาดแบบนี้ขึ้นมาได้ล่ะ?
ทันใดนั้น ชายชราตัวเล็กที่สวมแว่นก็เหมือนนึกอะไรได้ แล้วมองไปยังฟ่านซวนอย่างกล้าๆ กลัวๆ และพูดอย่างลังเลว่า
“ประธานเฉินครับ หลังจากที่เราคำนวณเสร็จแล้วก็จะส่งให้ผอ.ฟ่านเซ็นจากนั้นผอ.ฟ่านก็จะเป็นคนเอาเงินให้รองผอ. แล้วเขาก็จะไปที่ธนาคารเพื่อเอาเงินโอนเข้าบัญชีของคนงานทุกคน จะเป็นไปได้มั้ยครับว่า……”
ถึงชายชราตัวจะพูดไม่จบ แต่ทุกคนก็เข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ
สีหน้าของเฉินหวั่นชิงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที หันมองไปที่ฟ่านซวนแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “โทรหารองผอ.!”
ภายใต้การเตือนของชายชราตัวเล็ก สีหน้าของฟ่านซวนก็ดูแย่ไม่ต่างกัน เขารีบหยิบมือถือออกมาแล้วโทรหารองผอ.ทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่