ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 379

“นี่คุณกำลังข่มขู่ผมอยู่อย่างนั้นเหรอ?!”

“อย่านึกว่าผมไม่รู้นะว่าพวกคุณกำลังวางแผนอะไรอยู่ ถ้ายังกล้าปลุกปั่นคนอื่นอีก เชื่อรึเปล่าว่าผมจะทำให้พวกคุณต้องเสียใจไปตลอดชีวิต?!”

เย่เทียนทำหน้าบึ้งตึง เห็นหินก้อนเล็กจากทางหางตา แล้วเหยียบลงไป

ตุบ!

ภายใต้การเหยียบที่ดูง่ายๆ ของเย่เทียน หินก้อนนั้นก็ถูกเหยียบจนแหลกละเอียดทันที!

ทุกคนต่างตื่นตกใจ สายตาที่มองไปยังเย่เทียนก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว ไม่นึกเลยว่าเย่เทียนที่หน้าตาไม่ได้ดูดีจะน่ากลัวถึงขนาดนี้!

เพียงแต่ สามคนนั้นก็ได้หันไปสบตากัน ถึงจะสังเกตเห็นสายตาที่แน่วแน่ของอีกฝ่ายแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย

“ทุกคนรีบดูเร็ว! บริษัทแว่เฉินไม่เพียงไม่จ่ายเงินเดือน ตอนนี้ยังคิดจะให้กำลังแล้วด้วย!”

“บ้านเมืองยังมีขื่อมีแปอีกมั้ยเนี่ย?”

“ใช่ๆ ทุกคนรีบออกมาดูเร็ว! คนที่เป็นเจ้านายกำลังรังแกคนงานอย่างเราอยู่!”

สามคนที่ตัดสินใจแล้วได้เริ่มตะโกนออกมา

ที่นี่เป็นแค่ห้องเครื่องสามโรง ขอแค่เสียงดังพอ ก็สามารถดึงดูดความสนใจของคนที่กำลังทำงานอยู่ได้แล้ว

“พวกคุณลองตะโกนอีกสักครั้งซิ?”

มองดูแล้วสามคนที่กำลังก่อความวุ่นวาย คิ้วของเย่เทียนก็ขมวดเป็นปม และเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว

“ทำไม? ตอนนี้เป็นยุคที่ต้องอยู่ในกฎหมาย ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูดในสิ่งที่ตนคิด!”

“ตอนนี้พวกแกไม่ยอมจ่ายเงินค่าแรงให้เรา แล้วยังไม่ยอมให้เราพูดอีกอย่างนั้นเหรอ?”

ทั้งสามไม่ได้สนใจคำขู่ของเย่เทียนแม้แต่นิดเดียว ตะโกนออกมาด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม ดึงดันที่จะทำตามแผนเดิมไม่ยอมเปลี่ยน

“ฮึ!” เย่เทียนขี้เกียจเสวนากับพวกเขา ยื่นสองมือออกมา ใช้มือกระชากข้างละคน แล้วทำให้พวกเขากระแทกกันเอง

“โอ้ย!”

“นะ นี่แกใช้กำลังจริงๆ สินะ?!”

ทั้งสองอุทานด้วยความเจ็บ อยากที่จะเอาคืน แต่เย่เทียนก็ชิงเตะไปก่อน และทำให้ทั้งคู่ล้มลงกับพื้นอย่างง่ายดาย

อีกคนที่เหลือก็ตกอยู่ในความช็อก นึกไม่ถึงว่าเย่เทียนจะเร็วขนาดนี้ และไม่นึกว่าเย่เทียนจะใช้กำลังจริงๆ!

ตอนแรกเขายังตั้งใจว่าจะพุ่งเข้าไปสู้ด้วย แต่พอเขายกกำปั้นขึ้นมาการต่อสู้ก็ได้จบลงแล้ว เอามือลงด้วยความโกรธเคือง เหมือนกับมะเขือที่หิมะตกใส่ ทิ้งดิ่งลงไปอย่างสมบูรณ์

“ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย ไม่อย่างนั้น เชื่อรึเปล่าว่าผมมีวิธีมากกว่าร้อยแบบที่จะฆ่าพวกคุณให้ตายเลย!”

ถึงร่างกายของเย่เทียนจะไม่ได้กำยำ แต่ภาพที่เย่เทียนสามารถหิ้วสองคนนั้นขึ้นมาได้อย่างง่ายดายมันก็ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นต้องตกใจเหมือนกัน

ตอนนี้เมื่อคำพูดที่เปี่ยมด้วยการข่มขู่ของเย่เทียนสิ้นสุดลง ดวงตาสีดำก็กวาดมองไปรอบๆ และเห็นทุกคนต่างพากันก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าสบตากับเย่เทียนแม้แต่นิดเดียว

การที่สามารถจัดการกับหัวโจกสามคนได้อย่างง่ายดาย ทุกคนก็ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของเย่เทียนแล้ว จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรตามใจอีก

ถึงคนที่คอยกระตุ้นจะโดนจัดการแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องมันจบแล้ว!

“เย่เทียน นี่คุณ……”

ทันใดนั้น เฉินหวั่นชิงที่คุยกับทางธนาคารเสร็จแล้วก็ได้เดินกลับมา พอเห็นสองคนที่กำลังนอนโอดครวญเบาๆ อยู่บนพื้น คิ้วก็ขมวดทันที

“ที่รัก นี่มันไม่ใช่ความผิดของผมนะ!”

เย่เทียนโบกไม้โบกมือ และพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “พวกเขาล้มกันไปเอง คุณจะเข้าใจผมผิดไม่ได้นะครับ!”

“ฉันเชื่อคุณก็บ้าแล้ว ตาแก่อย่างคุณมันชั่วจะตาย!”

เฉินหนั่นชิงมองบนใส่เขาอย่างไม่ชอบใจ บอกคนพยุงสองคนที่ล้มอยู่บนพื้นขึ้นมา จากนั้นค่อยปรบมือ

“พี่ๆ ทุกคน เมื่อกี้ฉันได้ถามทางธนาคารมาแล้ว ทางเราเป็นฝ่ายที่ไม่ได้เอาเงินเดือนไปให้เอง”

“แต่ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ฉันจะให้คนเอาสลิปเงินเดือนของทุกคนไปที่ธนาคาร แล้วโอนเงินค่าแรงให้ทุกคนเข้าไป ไม่นานเงินก็น่าจะเข้าค่ะ!”

“แน่นอน ฉันคิดว่าในบรรดาพวกคุณน่าจะมีคนที่ไม่ยอมเชื่อ แต่การมายืนอยู่ตรงหน้าประตูมันก็ดูไม่ดี ทำไม่เราไม่เข้าไปรออยู่ข้างใน อย่างน้อยก็มีน้ำกิน มีที่ให้นั่ง!”

ถึงแม้ตอนแรกความโกรธของคนงานจะไม่ลดลง แต่จากการเรียกอย่างเป็นกันเองของเฉินหวั่นชิง มันก็ทำให้รู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น

บวกกับสิ่งที่เฉินหวั่นชิงพูดมันก็ไม่ผิด ยังไงมันก็ต้องรอเหมือนกัน ถ้าต้องยืนรออยู่ข้างนอก สู้เข้าไปนั่งรออยู่ด้านในดีกว่า

ว่าแล้ว ทุกคนก็ไม่ได้โวยวายต่อ และเดินเข้าไปในตึกภายใต้การนำของผู้ดูแลทั้งหลาย

ไม่นาน ตรงหน้าตึกอำนวยการก็เหลือแค่ฟ่านซวนกับพวกระดับสูงอีกไม่กี่คนเท่านั้น

เย่เทียนยืนพยักหน้าอย่างพอใจอยู่ข้างๆ สมแล้วที่เป็นที่รักของเรา จัดการปัญหาได้มีประสิทธิภาพจริงๆ

ภายใต้สถานการณ์ที่ทุกคนกำลังโมโห การใช้กำลังไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ มีเพียงต้องทำให้ทุกคนใจเย็นลง รอให้ทุกคนใจเย็นลงแล้ว ถึงจะสามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างราบรื่น

ส่วนพวกหัวโจกที่ลากออกมานั้น เย่เทียนก็ไม่ได้เปิดประเด็น ทำตัวเหมือนกับบอดี้การ์ดคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ เฉินวั่นชิง จ้องมองพวกระดับสูงด้วยสีหน้าที่ขบขัน

“ประธานเฉิน คุณว่าเราควรแจ้งตำรวจมั้ยครับ?”

ฟ่านซวนเข้ามาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง

ไม่ว่ายังไง ที่นี่ก็เป็นส่วนที่เขาดูแล รองผอ.ก็เป็นคนที่เขาเรียกมาเอง ถ้าเขาไม่โกรธนี่สิแปลก

“ไม่! ไม่ต้องแจ้งความ!”

ยังไม่ทันที่เฉินหวั่นชิงจะได้พูด หญิงหนึ่งในแผนกการเงินก็ชิงพูดด้วยความแตกตื่นขึ้นมาก่อน

“ทำไมถึงแจ้งตำรวจไม่ได้ล่ะ?”

เฉินหวั่นชิงถามด้วยความสงสัย

“คะ ความจริงเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับรองผอ. ฉันแค่! มันเป็นความผิดของฉันเอง!”

“ถ้าพวกคุณจะลงโทษ ก็ลงโทษฉันคนเดียว!”

หญิงสาวทำหน้าแตกตื่น จากนั้นก็ค่อยๆ สงบลง เหมือนได้ทำการตัดสินใจอะไรได้แล้ว

“ความผิดของคุณ?”

เฉินหวั่นชิงจ้องมองด้วยความโมโห น้ำเสียงก็สูงขึ้นเหมือนกัน

“งั้นคุณลองเล่ามาซิ ว่าคุณทำผิดตรงไหน? ทำไมถึงเกิดข้อผิดพลาดแบบนี้ขึ้นมาได้?!”

เมื่อเรื่องมันดำเนินมาถึงขั้นนี้ แค่คำว่าลืมไปแล้วมันไม่สามารถจบเรื่องได้หรอก

“ถูกต้อง ชะ ช่วงนี้ฉันกำลังวุ่นวายเรื่องหย่าร้าง”

“มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่ฉันกำลังทะเลาะกับสามี เขาได้โยนเอกสารของฉันออกไปทางหน้าต่าง ตอนนั้นรองผอ.ก็เร่งฉันอย่างหนัก เอกสารที่ฉันเก็บมาก็ไม่ได้ตรวจสอบให้ละเอียดก็…..”

หญิงสาวทำหน้าเหมือนพูดออกมาอย่างแน่วแน่

ความจริงเรื่องนี้จะนับว่าเล็กมันก็ไม่เล็ก แต่จะนับว่าใหญ่มั้ยมันก็ไม่ได้ใหญ่

เพราะเงินส่วนนี้ไม่ได้หายไป เเต่มันยังค้างอยู่ในบัญชีที่โรงงานได้เปิดกับทางธนาคาร

แต่ว่า เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว เฉินหวั่นชิงก็ไม่อยากให้เรื่องมันจบไปแบบนี้ ทำให้พนักงานการเงินที่ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรต้องมารับเคราะห์ทั้งหมดไป

“ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง คุณช่วยอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอีกรอบ ฉันสามารถพิจารณาให้คุณอยู่ต่อได้”

“มะ ไม่มีอะไรต้องพูดแล้วค่ะ เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ประธานเฉินจะให้โอกาสฉัน ฉันก็ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อแล้วค่ะ”

“เดิมที่ฉันก็ปวดหัวกับเรื่องหย่าอยู่แล้ว ฉันกลัวต้องได้รับผิดชอบ จึงไม่กล้าก้าวออกมา”

หญิงสาวดูแล้วค่อนข้างมีสติ พูดจาฉะฉาน มองไม่เห็นพิรุธเลยสักนิด

แต่สีหน้าของเย่เทียนกลับดูประหลาด ในเมื่อผู้หญิงคนนี้กลัวว่าจะต้องรับผิดชอบ แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมก้าวออกมาล่ะ? นี่มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่