โกรธส่วนโกรธ โมโหส่วนโมโห ตั้งแต่แรกเริ่มเย่เทียนยังไม่ได้ใช้คัมภีร์หวง ต่อสู้กับหลัวสามด้วยพละกำลังเลือดเนื้อล้วนๆ
ถ้าจะให้พูดก็เพราะเย่เทียนไม่ค่อยแน่ใจในสาเหตุที่หลัวสามปรากฏตัว
ถ้าฉินเจิ้งตั้งใจจัดฉากยังไม่เท่าไหร่ ไม่ว่าเขาจะอาละวาดแบบไหนฉินเจิ้งก็ไม่ว่าอะไรหรอก
แต่ถ้าฉินเจิ้งไม่ได้จัดฉาก มาอยู่บ้านคนอื่นแล้วอาละวาดใหญ่โตขนาดนี้ต่อให้ฉินเจิ้งไม่ว่าอะไรต่อหน้าเขาแต่ในใจต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเย่เทียนไม่คิดมากขนาดนี้หรอก จะตีก็ตี จะฆ่าก็ฆ่า แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว คนจากหลายฝ่ายเพ่งเล็งเขาอยู่ ไม่จำเป็นต้องบีบให้พันธมิตรอย่างตระกูลฉินไปเข้าพวกกับฝ่ายตรงข้ามใช่มั้ยล่ะ
ด้วยความคิดนี้ เย่เทียนจึงไม่ได้ลงมือหนักกับหลัวสามมาก
แน่นอนว่าแม้จะโทษไม่ถึงตาย ทว่ายังมีโทษอยู่
ช่วงเวลาระหว่างที่ทั้งสองคนคลาดผ่านกันไป เย่เทียนหันหลังด้วยความเร็วแสง ยกขาโดยไม่ลังเล ถีบไปที่ระหว่างขาของหลัวสามอย่างโหดเหี้ยม
หลัวสามในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสิ้นแรงเก่าและยังไม่มีแรงใหม่ แม้จะรับรู้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา แต่ก็มีตอบโต้ไม่ทัน
ซี้ด!
เสียงอื้อๆเสียงหนึ่งดังขึ้น ทุกคนในที่นี้อดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้ ตากระตุกอย่างรุนแรง
“โอ๊ย…..”
จุดสำคัญโดนจู่โจม หลัวสามส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างสูงใหญ่ล้มลงไปกองกับพื้นและขดตัวเป็นกุ้ง ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเจ็บปวดถึงขีดสุด
“คุณพระคุณเจ้า! ลูกเตะผ่าหมากนี่จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว”
“ถีบได้ดี ใครใช้ให้ไอ้แก่ระยำนั่นทารุณเราซะยับขนาดนั้นเล่า สมน้ำหน้า!”
“แหมๆ สงสัยจะใช้งานไม่ได้แล้วมั้งเนี่ย!”
เหล่าบอดี้การ์ดคิดกันไปต่างๆนานา สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือสายตาที่พวกเขาทุกคนมองเย่เทียนเจือความหวาดกลัว
แม้แต่ฉินโล่หยินยังรู้สึกว่าเย่เทียนทำเกินไป เธอรีบวิ่งเข้าไปหมายจะเช็คอาการบาดเจ็บของหลัวสาม แต่ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิง ไม่สะดวกตรวจดูจริงๆ จึงได้แต่มองค้อนเย่เทียนอย่างตำหนิ
“พี่เย่ ทำไมพี่ถึงถีบตรง ตรงนั้นของปู่สามล่ะ!”
เย่เทียนยักไหล่ ไม่มีทีท่าสำนึกเลยสักนิด
“ตาแก่นี่ลงมือปุบปับ ไม่ให้ฉันได้ตั้งตัวเลย”
“นี่ฉันถีบเขาไปแค่ทีเดียว และเห็นแก่นายท่านฉินแล้วด้วย มิฉะนั้นฉันเอาเขาตายแน่”
ฉินโล่ยินไม่มีคำใดจะตอบโต้ เธอหันไปมองหลัวสามที่กุมเป้าอย่างเจ็บปวดหน้าตากลายเป็นสีม่วงแล้วไม่รู้จะพูดอะไรดี
“คุณชายเย่เอ๋ยคุณชายเย่ คุณต้องโมโหใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?”
ฉินเจิ้งรีบเข้าไปพยุงหลัวสามให้ไปนั่งตรงโซฟาด้านข้าง และพูดอย่างอ่อนใจ “ฉันยอมรับว่าหลัวสามจงใจทดสอบฝีมือของนาย เรื่องนี้ฉันผิดเอง แต่ยังไงซะเขาก็อายุปูนนี้แล้ว ทำไมคุณถึงไม่ออมมือให้หน่อยล่ะ?”
เย่เทียนได้ฟังแบบนั้นแล้วขมวดคิ้วเป็นปมทันที สายตาที่มองฉินเจิ้งฉายแววไม่พอใจอยู่ลางๆ
“นายท่านฉิน คุณหมายความว่ายังไงครับ?”
“คุณชายเย่ อย่าเพิ่งใจร้อนสิ ฟังฉันพูดให้จบก่อน”
สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเย่เทียน ฉินเจิ้งรีบยิ้มเฝื่อนๆและอธิบาย
“คุณชายเย่ คุณก็คงรู้ดีว่าที่ตระกูลฉินของฉันมีฐานะอย่างทุกวันนี้ได้ต้องยกความดีความชอบให้บรรพบุรุษคนหนึ่งที่ได้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับดำ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่