ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 456

“แค่อยากถามเธอว่า อยากให้ฉันหักแขนหักขาเขา? หรือหักขาที่สามของเขาล่ะ?!”

เย่เทียนเผยรอยยิ้มใสซื่อ ทว่าปากกลับเอื้อนเอ่ยประโยคที่เปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาต

“หา?”

เสว่เอ๋อร์คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะถามแบบนี้ จึงอดอุทานเสียงหลงไม่ได้

แต่ไม่นานนักเสว่เอ๋อร์ก็ตั้งสติได้ ในหัวมีภาพที่เหลยหั่วรังแกพ่อแม่ของเธอหลั่งไหลเข้ามา หน้าสวยๆของเธอแดงก่ำขึ้นมาในบัดดล

ไม่ใช่เพราะอาย แต่เพราะโมโห

“พี่ชาย ก่อนหน้านี้เขาเคยหักแขนของพ่อฉัน ฉันก็อยากให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดแบบนั้น”

เย่เทียนหัวเราะ ก่อนจะเบนสายตาไปมองเหลยหั่วด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“ฉัน ฉันขอเตือนนายไว้นะ พี่ใหญ่ฉันคือจระเข้แห่งแก๊งหย่งเซ่งเหลียน ถ้านายทำอะไรซี้ซั้วลงไป พี่ใหญ่ของฉันไม่ปล่อยนายไว้หรอก”

เมื่อสังเกตถึงสายตาที่เย่เทียนจ้องมองมา เหลยหั่วรีบตำหนิเสียงเข้มทว่าร่างกายกลับถอยกรูดไปด้านหลัง

ซี้ด!

เมื่อเขาพูดแบบนี้ ทุกคนในที่นี้ต่างสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่ากลัวกับสิ่งนี้

“แก๊งหย่งเซ่งเหลียน? จระเข้?”

แต่หันกลับมามองเย่เทียน นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นฉายแววเย็นเยียบ

ดูท่าตัวเองจะเป็นลูกรักพระเจ้าจริงๆ สองขาของเชิ่งหู่ก็โดนไอ้จระเข้นี่แหละตัด! ในเมื่อบังเอิญมาเจอกันได้ขนาดนี้ยังไงซะก็ต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้เชิ่งหู่ให้ได้”

คิดมาถึงตรงนี้ สายตาที่เย่เทียนมองเหลยหั่วยิ่งฉายแววสนุกมากขึ้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อให้วันนี้พระเจ้ามาก็ช่วยนายไม่ได้ ฉันบอกให้เลย!”

“นายวางใจได้ ฉันลงมือฉับไวสุดๆ ขอแค่นายอยู่เฉยๆไม่ดิ้น ฉันรับรองว่านายไม่เจ็บปวดมากหรอก”

“นาย…..”

เหลยหั่วสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ยังคิดจะพูดอะไรอีก

แต่เย่เทียนไม่ให้โอกาสเขาเลยสักนิด เขาขยับเท้าและแวบมาอยู่ตรงหน้าเหลยหั่วไวดุจสายฟ้า มือหนึ่งดึงแขนขวาของเหลยหั่วที่ยื่นออกมาและดึงขึ้นข้างบนอย่างแรง

แกร่ก!

เสียงกระดูกร้าวดังขึ้นฉับพลัน แขนขวาของเหลยหั่วเกินออกมาจากเดิมเล็กน้อยอย่างผิดปกติ แขนของเขาโดนเย่เทียนดึงจนข้อเคลื่อน

“โอ๊ย ฉันเจ็บแขนจัง!”

เหลยหั่วส่งเสียงโหยหวนอย่างน่าเวทนา สีหน้าซีดเผือด เม็ดเหงื่อเท่าถั่วผุดออกมาเต็มหน้าผาก

เดิมทีเสว่เอ๋อร์แค่พูดไปอย่างนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะลงมือด้วยความเด็ดขาดขนาดนี้ เธอเห็นเหลยหั่วที่มีสีหน้าเจ็บปวดแล้วต้องหันหน้าหนีอย่างทนดูไม่ได้

“นายหุบปากได้มั้ย? ฉันโดนพวกนายบังคับให้ออกแรงทั้งที่กินไม่อิ่ม ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีมากเลยนะ”

เย่เทียนทำท่าเหมือนสิ่งที่ทำไปเป็นเพียงเรื่องเล็กๆเท่านั้น เขายิ้มแย้มและย่อตัวลง ทำท่าให้เขาเงียบ

เหลยหั่วได้ฟังก็รีบเงียบปาก ไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้อีกแม้แต่คำเดียว

"แบบนี้สิถึงจะเป็นเด็กดี!"

เย่เทียนยิ้มกว้างและเอื้อมมือไปลูบผมสีแดงเต็มหัวของเหลยหั่ว ก่อนจะกระชากขึ้นมาหนึ่งกระจุกอย่างแรงและพูดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “คำพูดที่ไร้สาระฉันไม่อยากพูดกับนายแล้ว ถ้าไม่อยากโดนอัดต่อก็บอกมาว่าพี่ใหญ่ของนายชอบไปสำราญที่ไหนบ่อยที่สุด!”

"นาย……"

สีหน้าเหลยหั่วเปลี่ยนไปทันที เรื่องมาถึงตอนนี้มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าเป้าหมายของเย่เทียนไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ของเขา จระเข้!

เย่เทียนจะไม่เห็นความลังเลของเหลยหั่วได้ยังไง เขาหัวเราะเย็นๆออกมาในทันใด

"ทำไมเหรอ? หรือรู้สึกแค่ข้อเคลื่อนยังไม่สะใจพอ? อยากให้ฉันหักแขนนายจริงๆเหรอ?"

"หรือว่า อยากให้ฉันหักขาที่สามของนาย?"

ขณะที่พูด เย่เทียนยกขาขวาขึ้นสูง ทาบไปที่ส่วนสำคัญของเหลยหั่ว ขู่โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก

"ฉันพูด! ฉันพูดแล้ว!"

ระหว่างความภักดีและความสุขของช่วงล่าง สุดท้ายแล้วเหลยหั่วก็เลือกอย่างหลัง หน้าตาเขาสลดและยอมบอกที่ที่จระเข้ชอบไปหาความสุขบ่อยๆกับเย่เทียนแต่โดยดี

"โอเค! จ่ายค่าเสียหายของที่นี่ก่อน แล้วพวกนายก็ไสหัวไปได้!"

เย่เทียนยักไหล่ ยอมคลายมือที่จับเหลยหั่วในที่สุด

เหลยหั่วรู้สึกเหมือนได้รับการละเว้นโทษ เขาอดทนกับความเจ็บปวดจากไหล่ ไม่กล้าแม้แต่จะพูดประโยคเหี้ยมๆ เขาควักแบงค์สีแดงสิบใบออกมาจากกระเป๋าและยัดใส่มือเจ้าของร้านปิ้งย่าง ก่อนจะวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกไป

หลังจากตั้งสติกันอยู่สักพัก พวกนักเลงที่โดนเย่เทียนอัดหมอบกับพื้นก็พากันมีเรี่ยวแรงกลับมา พอเห็นเหลยหั่วหนีไปแล้วก็รีบตามไปติดๆ

“จริงสิ ลืมเตือนนายไป อย่าให้ฉันรู้นะว่าพวกนายมาแก้แค้นเจ้าของร้านปิ้งย่างนี้ มิฉะนั้นฉันรับรองได้ว่าพวกนายต้องนอนโรงพยาบาลเป็นปีเลยล่ะ!”

เย่เทียนเห็นแผ่นหลังของพวกเหลยหั่วที่วิ่งหนีอุตลุดแล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบตะโกนเตือนจากข้างหลัง

พวกเหลยหั่วที่โดนเย่เทียนอัดจนผวาอย่าว่าแต่หันกลับมาเลย พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะตดสักแอะ สภาพประหนึ่งว่าอยากมีขาเพิ่มมาอีกหนึ่งคู่จะได้รีบหนี

แปะแปะ!

ไม่ว่ายังไง การที่พวกเหลยหั่วหนีไปก็ทำให้ผู้คนในที่นี้พากันปรบมือ

“ว้าว! พี่ชายคนนั้นหล่อจัง ฉันอยากมีลูกให้เขา!”

คู่รักที่ดูถูกเย่เทียนก่อนหน้านี้ก็ผันตัวมาเป็นแฟนคลับ โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่ฉายแววคลั่งไคล้ลนใบหน้าอย่างไม่ปิดบัง

“นี่ๆๆ เธออยากมีลูกให้เขา แล้วฉันล่ะ?”

ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที

“นาย? ไปที่ชอบๆเถอะ!”

เย่เทียนไม่รู้ว่าตัวเองได้พรากคู่รักคู่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว เขาในตอนนี้กำลังจะกลับไปที่เดิม เจ้าของร้านปิ้งย่างชิงวิ่งเข้ามาก่อน

“หนุ่มเอ๊ย เรื่องครั้งนี้รบกวนนายมามาก ถ้าไม่ได้นาย ไม่แน่เสว่เอ๋อร์คง…..”

พูดมาถึงตรงนี้ เจ้าของร้านปิ้งย่างก็เริ่มเสียงสั่น

ดูรู้เลยว่าเจ้าของร้านปิ้งย่างคงโดนพวกเหลยหั่วรังแกมานาน ไม่อย่างนั้นเขาที่อายุเกือบห้าสิบจะอ่อนแอขนาดนี้ได้ยังไง

“เถ้าแก่ ไม่ต้องเกรงใจกับผมขนาดนี้หรอกครับ ผ่านมาเห็นความไม่เป็นธรรมก็ต้องออกหน้าสิครับ”

เย่เทียนคลี่ยิ้มเผยให้เห็นฟันขาว “จริงสิ ผมยังไม่ได้จ่ายเงินคุณใช่มั้ย? ถ้าคุณอยากขอบคุณผมจริงๆก็ยกค่าอาหารมื้อนี้ให้ผมแล้วกันครับ”

“ได้ๆ”

เจ้าของร้านปิ้งย่างไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เขารีบพยักหน้าบอกว่าไม่มีปัญหา

ยังไงซะไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เย่เทียนขับไล่พวกเหลยหั่วไปได้ แต่ตอนเหลยหั่วไปยังยัดแบงค์สีแดงให้เขาตั้งสิบกว่าใบ พอจะหักกับค่าปิ้งย่างที่เย่เทียนกินไปแล้ว

“คือว่า….เถ้าแก่ ผมยังกินไม่อิ่ม รอให้ผมกินอิ่มก่อนค่อยยกเว้นให้ได้มั้ยครับ?”

แต่ไม่รอให้เจ้าของร้านปิ้งย่างหุบยิ้ม เสียงอ่อยๆของเย่เทียนก็ดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง

พรืด!

เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างหลุดขำออกมาในบัดดล สายตาใสสกาวที่มองเย่เทียนฉายแววอยากรู้อยากเห็น

เมื่อกี้ตอนที่ต่อกรกับพวกเหลยหั่วพี่ชายคนนี้ยังเกรียงไกรหาเปรียบมิได้ บัดนี้กลับทำตัวตลกแบบนี้ น่าประหลาดใจจริงๆ

“น้องชาย ขอแค่นายกินไหว คืนนี้นายจะกินเท่าไหร่ก็ได้ ฉันไม่เก็บเงินนายสักบาท!”

หลังจากชะงักไปชั่วครู่ เจ้าของร้านปิ้งย่างก็ได้สติกลับมา และหัวเราะเสียงดัง…..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่