“เจิ้งเหวยกั๋ว ดูเหมือนว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทคุณก็ไม่เท่าไหร่นะ!”
“ตอนนี้คุณยังมีปัญญาอะไรมาห้ามผมอีก?!”
หลังจากจัดการกับเหล่า รปภ. ของบริษัทแช่เจิ้งอย่างง่ายดายแล้ว เย่เทียนก็เหลือบตามองไปที่เจิ้งเหวยกั๋วซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าลิฟต์ด้วยสีหน้าขบขัน
“เย่เทียน เอ็งอย่าได้ใจให้มากไป!”
“เอ็งติดพิษในร่างกาย คงอยู่ได้ไม่นานแล้ว ก็เลยตั้งใจมาขอความช่วยเหลือกับข้าใช่ไหม?!”
เจิ้งเหวยกั๋วสีหน้าหม่นหมอง ดวงตาที่จ้องมองเย่เทียนก็เหมือนไฟที่กำลังลุกไหม้ ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าเย่เทียนคงถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
“เจิ้งเหวยกั๋ว คุณคงไม่ได้ซื่อบื้อจนคิดว่าผมมาที่นี่เพื่อขอยาแก้พิษกับคุณนะ?”
ในขณะนี้ เย่เทียนที่ได้ยินคำพูดของเจิ้งเหวยกั๋วก็โกรธขึ้นมา
ภาพในเมื่อคืนยังคงติดตาเขาอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้หมอนี่พาเหลยเฉิงยุ่นกับไต้หงเล่อของพรรคชิงเฉิงไปหาเขาดูถูกเซ่เจียอย่างไร้สติสัมปชัญญะได้อย่างไร?!
“หรือ หรือว่า......”
เจิ้งเหวยกั๋วถึงกับตกใจและแววตาก็ค่อยๆ กลายเป็นความหวาดกลัว “เอ็งถอนพิษได้แล้ว?”
“ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะ?”
เย่เทียนยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก้าวข้าม รปภ. ที่กำลังคร่ำครวญอยู่บนพื้นและค่อยๆ เดินเข้าไปหาเจิ้งเหวยกั๋ว
เมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน สีหน้าของเจิ้งเหวยกั๋วก็เปลี่ยนไปอย่างมาก และเมื่อมองไปที่เย่เทียนที่กำลังเดินเข้ามาช้าๆ เขาก็กลัวจนอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
เพราะทักษะความสามารถของเย่เทียนนั้น อย่าว่าแต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้เลย แม้แต่สองคนนั้นจากพรรคชิงเฉิงที่ร่วมมือกันยังแพ้ให้กับเย่เทียนอย่างราบคาบเลย แล้วถ้าเขาต้องตกเป็นเป้าหมายของเย่เทียนล่ะ จะจบยังไง?!
แต่หลังจากที่เขาเดินถอยหลังไปเพียงก้าวเดียว เขาก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
“เอ็ง เอ็งมีอะไรก็ว่ามาสิ จะเดินเข้ามาทำไม?!”
เจิ้งเหวยกั๋วเป็นคนที่รู้จักสังคมภายนอกเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่ามีคนมากมายในล็อบบี้ของบริษัท เขาเชื่อว่าเย่เทียนจะไม่ฆ่าเขาที่นี่ต่อหน้าทุกคนอย่างแน่นอน!
แต่ถ้าหากทำจริง เย่เทียนจะต้องตกอยู่ในสภาวะแห่งความพินาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเจิ้งเหวยกั๋วก็เชื่อว่าเย่เทียนไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้น!
แน่นอนว่าประเด็นสำคัญที่สุดคือเขาเป็นประธานบริษัทของบริษัทแช่เจิ้ง ถ้าหากเขาแสดงความอ่อนแอให้กับเย่เทียนต่อหน้าสาธารณะ ข่าวลือเชิงลบของเขาก็จะถูกลือกันออกไป และราคาหุ้นของบริษัทแช่เจิ้งก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน
แล้วใครจะยอมให้ราคาในตลาดหลักทรัพย์ของตนเองลดลงล่ะ?
“คุณจะร้อนตัวทำไมครับ? ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณนะ?”
“อันที่จริงคุณไม่ต้องกังวลขนาดนี้ก็ได้ ผมแค่อยากมาคุยกับคุณ แต่คุณไม่ยอมให้ผมพบ ผมก็จำเป็นต้องใช้ไม้แข็งสิ”
เย่เทียนแสดงรอยยิ้มอันเป็นมิตรออกมา ถ้าหากคนอื่นไม่ได้เห็นฝีมืออันร้ายกาจของเขาก่อนหน้านี้ พวกเขาคงคิดว่าเย่เทียนกับเจิ้งเหวยกั๋วเป็นเพื่อนสนิทกันมาก!
“คุณอยากคุยกับผมเรื่องอะไร?”
เจิ้งเหวยกั๋วขมวดคิ้วแน่นๆ ตอนนี้ไม่มีใครคอยช่วยเหลือเขาแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าเขายินยอมที่จะคุยกับเย่เทียนหรือไม่ เขาก็จำเป็นต้องคุย!
เพราะก่อนหน้านี้เขาให้พนักงานต้อนรับของบริษัทแจ้งตำรวจไปแล้ว ขอแค่ตำรวจมาถึง เขาจำเป็นต้องกลัวเย่เทียนสักที่ไหน?!
“คุณนะคุณ ยอมให้ผมไปพบซะโดยดีก็สิ้นเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้เลยว่าไหม?”
เย่เทียนหยุดห่างจากเจิ้งเหวยกั๋วสองเมตรและพูดด้วยอารมณ์ขบขัน “ความจริงแล้วผมคนนี้คุยง่ายนะ!”
แต่เจิ้งเหวยกั๋วจะเชื่อคำพูดของเย่เทียนได้อย่างไร เขาจึงตอบอย่างขึ้นเสียงว่า “เย่เทียน ทางที่ดีเอ็งอย่ามาแตะต้องข้านะ! ตอนนี้เป็นยุคแห่งกฎหมายแล้ว ถ้าเอ็งกล้าทำร้ายข้า เอ็งจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกในตารางจนเข็ด!”
เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็แทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่