ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 589

“ทำไม? คุณไม่เข้ามากับพวกเขาเหรอ?”

พอเห็นคนสิบกว่าคนกำลังล้อมเข้ามา เย่เทียนก็ยังไม่ได้แสดงความร้อนรนออกมาแม้แต่น้อย แม้แต่สายตาก็ยังไม่ได้มองไปที่พวกเขา และยังคงมองตรงไปที่หยางซิงไห่

“น้องชาย ตอนแรกผมก็ไม่ได้ต้องใจจะมา แต่อาเย่ามีบุญคุณกับผม ผมจึงจำเป็นต้องมา”

หยางซิงไห่ลังเลไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอาอย่างนี้ ถ้าคุณสามารถล้มพวกเขาได้ ผมก็จะไม่ลงมือ”

เย่เทียนยิ้มออกมาที่มุมปาก หยางซิงไห่คนนี้ถือเป็นลูกผู้ชายเลย เขารู้สึกถูกใจเลย!

“โอเค!”

พอคิดได้อย่างนั้น เย่เทียนก็หันมองคนนับสิบที่อยู่รอบๆ อย่างดูถูก “หลังจากที่ ผมจัดการกับพวกไม่เอาไหนเหล่านี้แล้วค่อยไปคุยกับคุณนะ!”

“ไอ้หนู จะตายอยู่แล้วยังกล้าพูดจาใหญ่…..”

คนสิบกว่าคนนั้นโมโหสุดขีด และหนึ่งในนั้นก็ทนไม่ไหวจนสบถออกมา

แต่ว่า ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ รูม่านตาของชายคนนั้นก็มีเท้าเบอร์สี่สิบสองเพิ่มเข้าไปข้างหนึ่ง นอกจากเท้าของเย่เทียนแล้วยังจะเป็นของใครได้อีก?

ชายที่น่าสงสารคนนั้น ไม่ทันได้โต้ตอบอะไร ก็รู้สึกเจ็บหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน แล้วกระเด็นออกไปเหมือนกับว่าวที่ด้ายขาด ลอยอยู่กลางอากาศจนเกิดเป็นเส้นโค้งที่สวยงาม แล้วสลบคาที่ไปเลย

ภาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนถึงกับอึ้ง ไม่คาดคิดว่าเย่เทียนจะบุกเข้ามาเอง

การที่พวกเขาชะล่าใจไปชั่วขณะ ไม่ได้หมายความว่าเย่เทียนจะชะงักตามไปด้วย เขาได้ยิ้มเยาะออกมาที่มุมปาก ก้าวเท้าแล้วพุ่งเข้าใส่คนพวกนั้น!

ถึงแม้ว่าคนกลุ่มนั้นจะเป็นนักสู้ใต้ดินที่โหดเหี้ยมกันทุกคน เเต่ก็ยังเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป แล้วจะไปสู้เย่เทียนได้ยังไง?

ผ่านไปไม่นาน คนสิบกว่าคนก็ถูกเย่เทียนอัดล้มจนหมด ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด

“มีแต่พวกลูกกระจ๊อก!”

เย่เทียนทำเหมือนเพิ่งทำเรื่องเล็กที่ไม่มีค่าเสร็จ ปัดๆ มือด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลาย

“เป็นไปได้ยังไง?”

ผมชมคนเดียวอย่างหยางซิงไห่ทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา

ด้วยความที่เป็นนักสู้ใต้ดินเหมือนกัน เขาจึงพอรู้ว่าพวกนั้นฝีมืออยู่ระดับไหน การที่จะเอาชนะชายฉกรรจ์สักสามถึงห้าคนก็ไม่ใช่ปัญหา

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เทียน พวกเขากลับเป็นเหมือนเด็ก และไม่สามารถทำอะไรเย่เทียนได้เลย!

ถึงแม้ว่าเขาเองก็มั่นใจว่าตัวเองสามารถล้มคนพวกนี้ได้ แต่ก็ไม่มีทางทำได้อย่างง่ายดายเหมือนเย่เทียนอย่างแน่นอน!

“ระ หรือว่านายเป็นคนจากโลกนั้น?”

ทันใดนั้น หยางซิงไห่ก็นึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วสายตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นก็ดูตื่นเต้นขึ้นมา

เย่เทียนถึงกับใจหาย เข้าใจขึ้นมาอย่างแจ่มแจ้ง รู้ว่าสิ่งที่หยางซิงไห่หมายถึงก็คือโลกของนักบู๊ เขาจึงได้ยิ้มออกมา ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

แต่การที่เขาแสดงออกมาแบบนั้น มันกลับทำให้หยางซิงไห่มั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเองมากขึ้น ครุ่นคิดอย่างจริงจัง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นว่า “ก่อนหน้านี้ตอนที่ไปพบกับสหายร่วมรบ ได้ยินว่าการแข่งคัดเลือกของทีมสายฟ้าในครั้งนี้ ตัวแทนที่เขตเจียงหนันส่งมาก็ชื่อเย่เทียน เขาคนนั้นก็มาจากที่นั่นเหมือนกัน อย่าบอกนะว่าเป็นนาย?!”

ถึงในโลกใบนี้คนที่ชื่อเหมือนกันมันจะมีมาก แต่การที่สามารถจัดการกับนักสู้ใต้ดินสิบกว่าคนโดยที่ไม่เป็นอะไรเลยแถมยังบังเอิญอยู่ในเมืองจิน เกรงว่าคงมีแค่คนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คนเดียวแล้วมั้ง?

เมื่อได้คำตอบที่แน่ชัด หยางซิงไห่ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก สายตาเป็นประกาย เหมือนกับเด็กน้อยที่เจอของเล่นที่อยากได้ที่สุด

แต่น่าเสียดาย หยางซิงไห่กลับไม่รู้ว่า เย่เทียนไม่ได้เป็นนักบู๊อะไรพวกนั้นเลย เขาแค่ไปมีชื่อติดอยู่ตรงสำนักเฟยหวี่เท่านั้น

ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้มั้ง?”

เย่เทียนเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เข้าใจความคิดขอหยางซิงไห่

หยางซิงไห่รับรู้ถึงพฤติกรรมของตน จึงรีบกดความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจลง แล้วพูดเสียงสั่นๆ ว่า “คะ คุณช่วยรับผมเป็นศิษย์ด้วยได้มั้ยครับ?”

“หืม?!”

เย่เทียนตกใจ ไม่นึกไม่ฝันว่าจู่ๆ หยางซิงไห่จะขอแบบนี้ แล้วได้ยิ้มออกมาทันที ส่ายหน้แล้วพูดไปว่า “ทำไมผมถึงต้องรับคุณเป็นศิษย์ด้วย?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่