สำหรับเหตุการณ์ในสมัยเด็ก ใช่ว่าเย่เทียนจะจำอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยเขาก็จำได้อย่างเลือนรางว่า คุณปู่ตระกูลเย่เคยพาทั้งครอบครัวคุกเข่าสามวันสามคืนต่อหน้าชายร่างกำยำคนหนึ่ง!
ตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้เขารู้แล้วว่าชายร่างกำยำคนนั้นก็คือคนจากสำนักศิลปะการต่อสู้ที่อยู่เบื้องหลังของบ้านตระกูลเย่
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เย่ย่งเล่อและคนอื่นๆ เกลียดชังเขาขนาดนี้ เพราะไม่ว่าจะยังไง พ่อของเขาเองที่เป็นต้นตอในการทำให้บ้านตระกูลเย่ที่ต้องอับอายขายหน้า!
ด้วยเหตุนี้ เย่เทียนจึงตัดสินใจว่าจะหาโอกาสไปที่โลกแห่งศิลปะการต่อสู้เพื่อถามให้แน่ใจเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพ่อ
เขาไม่รู้ว่าพ่อของเขาทำอะไรในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ ยิ่งไม่มีสิทธิ์ที่จะว่ากล่าวการกระทำของพ่อ สิ่งที่เขายืนยันได้เรื่องเดียวก็คือพ่อของเขาตายในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ ในฐานะลูกชายคนหนึ่ง เขาจึงมีหน้าที่ในการแก้แค้นให้พ่อของเขา!
หลังจากตัดสินใจแล้ว เย่เทียนก็ตามอย่างตรงประเด็น “คุณอารองเซวครับ ไม่ทราบว่าสำนักไหนที่อยู่เบื้องหลังบ้านตระกูลเย่ครับ?”
“สำนักอันดับหนึ่งในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ ชื่อว่าสำนักซิงเฉิน!”
คุณอารองเซวหันมองไปที่เย่เทียนอย่างลึกซึ้งและส่ายหัวพูดว่า “เย่เทียน ข้ารู้ว่าเอ็งคิดอะไรอยู่ แต่ข้าขอเตือนเอ็งไว้ก่อน ทางที่ดีเอ็งล้มเลิกความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลนั้นซะ”
“ข้าไม่ปฏิเสธว่าเอ็งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งมาก หรือกระทั่งพ่อของเอ็งยังเทียบกับเอ็งไม่ได้ในตอนหนุ่ม แต่สถานที่นั้นไม่ได้เป็นที่ที่ใครจะไปเหยียบก็ได้ นั่นมันสำนักซิงเฉินเชียวนะ!”
“ตามความเข้าใจที่ข้ามีต่อสำนักซิงเฉิน พวกเขามีผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าตั้งหลายคน ฉะนั้นตามความสามารถของเอ็งในตอนนี้ ไปก็มีแต่ตายสถานเดียว”
“คุณอารองเซวครับ ผมไม่สามารถอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับคนที่ฆ่าพ่อผมจริงๆ ครับ!”
เย่เทียนส่ายหัวแล้วพูดอย่างหนักแน่น “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ได้สมองทื่อขนาดนั้น ผมรู้ดีว่าผมควรทำอย่างไรครับ”
“แล้วแต่เอ็งละกัน!”
ดวงตาขุ่นมันของคุณอารองเซวมองตาค้างอยู่ที่เย่เทียนหลายวิ จากนั้นส่ายหัวแล้วยิ้มพูดว่า “ถ้าเอ็งปั่นป่วนสำนักซิงเฉินได้จริงๆตระกูลเซวของเราก็อาจจะได้ประโยชน์ไปด้วยไม่น้อยเลยนะ!”
โดยที่ไม่รอให้เย่เทียนตอบ คุณอารองเซวก็หันกลับไปทำอาหารต่อ “นี่มันก็สายแล้วนะ เด็กพวกนั้นคงจะตื่นกันได้แล้ว”
เย่เทียนก็เงียบไปแล้วช่วยคุณอารองเซวเตรียมอาหารเช้าที่แสนอร่อยและมีคุณค่า
ราวกับว่านัดกันไว้ หลังจากทั้งสองเตรียมอาหารเสร็จ เซวฟู่ยี่และคนอื่นๆ ต่างก็ลุกจากเตียงแล้วออกมาเจอหน้ากันทีละคน
บนโต๊ะอาหารมีเย่เทียน สองพี่น้องตระกูลเซว จี้เยียนหรัน และหยุนเหมิงหยาน ทั้งหกคนได้ทานอาหารเช้าอย่างพร้อมหน้ากัน แต่คุณอารองเซวที่เป็นคนทำอาหารเช้าเองกลับมีธุระก่อน ในฐานะตำแหน่งเจ้าบ้านชั่วคราว หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเขาก็รีบออกจากบ้านอย่างเร่งรีบเพื่อไปประชุมในช่วงเช้า
“เย่เทียน เดี๋ยวคุณมีธุระต่อไหม?”
จี้เยียนหรันพูดขึ้นอย่างกะทันหัน “ถ้าไม่มีอะไร เดี๋ยวเราไปเที่ยวสวนสนุกกันไหม?”
“ได้สิ” เย่เทียนถึงกับตกใจ แต่ก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
เดิมทีคิดว่าหลังทานอาหารเสร็จจะไปรับรางวัลการแข่งขันกับซ่านหงเลี่ยงที่เขตทหาร แต่ในเมื่อจี้เยียนหรันพูดขนาดนี้แล้ว เขาคงต้องปล่อยให้ซ่านหงเลี่ยงรอไปก่อน
อีกอย่างเมื่อคืนเขาคุยกับจี้เยียนหรันแล้วว่า หลังจากเสร็จธุระที่นี่ เขาอยากกลับไปที่เจียงหนัน และเขาก็รู้ดีว่าจี้เยียนหรันกำลังคิดอะไรอยู่
ถ้าพูดตรงๆ แล้ว เฉินหวั่นชิงเท่านั้นที่เป็นภรรยาของเย่เทียน และถ้ากลับไปที่เจียงหนันแล้ว ทั้งสองก็จะเปิดเผยความสัมพันธ์กันไม่ได้อีก ฉะนั้นเย่เทียนจะปฏิเสธคำขอเล็กๆ ของจี้เยียนหรันไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่