“พ่อบ้านข่งครับ ให้คุณต่อยผมคนเดียว ผมก็เสียเปรียบสิครับ?”
เมื่อสัมผัสถึงแววตาอันยั่วยุของพ่อบ้านข่ง รอยยิ้มอันเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เทียน “ผมคิดว่า เรามาแลกกันคนละหมัด แล้วดูว่าหมัดใครจะแรงกว่ากันดีไหม?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เซวหมานจื่อและคนอื่นๆ ยังคงเฉยๆ แต่เหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังพ่อบ้านข่งถึงกับแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
อย่ามองว่าพ่อบ้านข่งคนนี้เป็นชายชราผมหงอก เพราะเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบ้านตระกูลเซว และบอดี้การ์ดกลุ่มนี้ก็เคยได้รับการฝึกฝนจากพ่อบ้านข่งแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ถึงความเก่งกาจของพ่อบ้านข่งคนนี้!
แม้พวกเขาจะรู้ว่าเย่เทียนเคยเอาชนะคุณอารองเซวมาแล้ว แต่นั่นเป็นกลอุบายที่ไม่น่ายกย่อง ยิ่งไปกว่านั้นคุณอารองเซวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพ่อบ้านข่งเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้วัยรุ่นอย่างเย่เทียนยังกล้าคิดที่จะต่อกรกับเขา ซึ่งเป็นการดูถูกเขามาก!
ในทางกลับกัน พวกของเซวหมานจื่อค่อนข้างกังวล เพราะไม่ว่าจะเป็นเย่เทียนหรือพ่อบ้านข่ง พวกเขาก็ไม่ต้องการเห็นใครคนใดคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ
พ่อบ้านข่งหรี่ตาลงเล็กน้อย และดวงตาขุ่นเคืองก็จ้องตรงไปที่เย่เทียน “คุณเย่ ถึงแม้คนแก่คนนี้จะแก่จนใกล้ฝั่งแล้ว แต่ในเมืองใหญ่อย่างเมืองจินนี้ คนที่มีสิทธิ์ที่จะต่อกรกับผมก็มีไม่ถึงยี่สิบคนหรอกนะ แล้วคุณแน่ใจแล้วหรือว่าจะลองวัดฝีมือกับผม?”
“ไม่อย่างนั้นล่ะ?”
เย่เทียนยักไหล่ “พ่อบ้านข่ง เราแค่จะไปเที่ยวสวนสนุกนะครับ จะให้พาบอดี้การ์ดไปเยอะขนาดนี้ก็ใช่เรื่อง แต่ถ้าคุณไม่ยอมให้พวกเราไปจริงๆ ผมก็จำเป็นต้องทำให้คุณยอมก่อน!”
พ่อบ้านข่งที่ได้ยินเช่นนี้ในใจก็เต็มไปด้วยความโกรธอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจินมานานแล้ว อย่าว่าแต่เขาเป็นเพียงพ่อบ้านตระกูลเซวเลย เพราะอยู่สังคมนอกบ้านหรือสังคมชนชั้นที่สอง ผู้คนต่างก็ต้องเรียกเขาว่าท่านข่งเลยด้วยซ้ำ!
แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เย่เทียนกำลังดูถูกเขาอยู่ พ่อบ้านข่งจึงอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อพูดขนาดนี้แล้ว งั้นคุณเย่เข้ามาเลย! แสดงให้ผมเห็นหน่อยว่าคุณจะทำให้ผมยอมคุณด้วยวิธีไหน!”
ในขณะที่พูด พ่อบ้านข่งก็ถอยออกไปสองก้าวและตั้งท่าต่อสู้
“เดี๋ยวก่อน! เดี๋ยวก่อน!”
เย่เทียนโบกมืออย่างรวดเร็วเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพ่อบ้านข่งก่อน “ก่อนที่เราจะเริ่มกัน ผมต้องบอกให้ชัดเจนก่อนว่าเราแค่ประลองฝีมือกัน มิตรภาพต้องมาก่อนการแข่งขันนะครับ ถ้าคุณแพ้ คุณก็ต้องทำตามคำพูดนะครับ!”
“คุณเย่ เรื่องนี้คุณไว้ใจได้”
พ่อบ้านข่งพูดอย่างเคร่งขรึม “ไม่ว่าจะยังไง คุณก็เป็นเพื่อนของคุณชายทั้งสอง ในเมื่อคุณมาเยือนบ้านตระกูลเซวของเราแล้ว คุณก็เป็นแขกของพวกเรา อีกอย่างผมก็แค่ลูกน้อง แล้วจะไม่ให้เกียรติแขกได้ยังไงครับ?”
เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาขาวใส่ ในใจยังแอบคิดว่านี่เป็นการให้เกียรติกันแล้วเหรอ? คำพูดยั่วยุเมื่อครู่นี้ถ้าอยู่ในสถานการณ์ทั่วไปคงมีเรื่องกันไปแล้ว?
แต่แน่นอน นั่นเป็นคำพูดที่เย่เทียนไม่สามารถพูดออกมาจากปากแน่นอน จากนั้นเขาไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระอีก ได้แต่ถอยกลับไปหาเซวหมานจื่อและคนอื่นๆ แล้วยิ้มพูดว่า “แล้วใครจะเริ่มก่อนครับ?”
พ่อบ้านข่งพูดอย่างเกรงใจว่า “ผมอาวุโสกว่าคุณ ให้คุณเริ่มก่อนก็ได้!”
เย่เทียนหัวเราะเบาๆ ในเมื่อคนอื่นก็พูดขนาดนี้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจอีก
“ได้สิ! งั้นผมขอเริ่มก่อนเลยนะ!”
ในขณะที่พูด เย่เทียนม้วนแขนเสื้อขึ้นและแสดงสีหน้ามั่นใจ
และใบหน้าของพ่อบ้านข่งก็กลายเป็นความเคร่งขรึม แต่เขาไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่เพื่อตั้งรับหมัดของเย่เทียน
เซวหมานจื่อและพรรคพวกต่างก็มองหน้ากัน และสามารถมองเห็นความคิดข้างในผ่านดวงตาของกันและกันได้
ไม่ว่าจะเป็นเย่เทียน หรือจะเป็นพ่อบ้านข่ง พวกเขารู้เพียงทั้งสองคนนี้ต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดา และใครจะเป็นผู้แพ้ผู้ชนะพวกเขาไม่รู้ แล้วจะไม่ตื่นเต้นกับผลลัพธ์ได้อย่างไร?
มีเพียงจี้เยียนหรันที่แสดงสีหน้ากังวลและพูดเบาๆ ว่า “เย่เทียน คุณใช้วิธีที่ดูดีกว่านี้มาจัดการจะดีกว่าไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่