ห้องพักในโรงแรมสักแห่ง
ชายแว่นตายืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างสูงถึงเพดานด้วยสีหน้าเย็นชา มองภาพทิวทัศน์คึกคักรุ่งเรืองของเมืองจินด้านนอกหน้าต่าง
เขาเป็นคนตั้งเงื่อนไขให้ตัวเองสูงมาก ไม่ว่าจะด้านประพฤติตัวหรือการทำงาน เขาตั้งมาตรฐานให้ตัวเองไว้ทั้งหมด แต่ในเรื่องของเย่เทียน เขารู้สึกพ่ายแพ้เหลือเกิน
ครั้งนี้ เขาเตรียมตัวมาอย่างดี ต้องสำเร็จภารกิจให้ได้!
“หัวหน้าเผิง สืบมาหมดแล้วครับ งานเลี้ยงของตระกูลเซวจัดที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น!”
ลูกน้องคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังชายแว่นตา รายงานข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาด้วยความนอบน้อม
“ตอนนี้พวกเรามีกำลังพลที่ใช้ได้เท่าไหร่”
ชายแว่นตาที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าเผิงพยักหน้า หลังรู้ว่าเย่เทียนอยู่ที่ตระกูลเซว และตระกูลเซวจะจัดงานเลี้ยงแล้ว เขาเกิดไอเดียทันที
“ตอนนี้หน่วยเรายังเหลือเจ้าหน้าที่หัวกะทิสามคน เจ้าหน้าที่ธรรมดาสิบห้าคน เจ้าหน้าที่ฝึกงานประมาณยี่สิบสามคน”
หัวหน้าเผิงผงะ คิ้วขมวดเป็นปมในบัดดล “มีแค่นี้เองเหรอ?”
แม้ว่าการสังหารคราวก่อนล้มเหลวไป แต่อย่างน้อยเขาก็รู้แล้วว่าเย่เทียนเป็นนักบู๊ เกรงว่ามาแค่นี้จะไม่พอให้กำราบเย่เทียน!
คิดมาถึงนี่ หัวหน้าเผิงนึกอยากขอความช่วยเหลือจากผู้จัดการขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
แน่นอน ไม่มีทางที่เขาจะเผยความคิดนี้ต่อหน้าลูกน้อง เขาสั่งโดยไม่หันไปมอง “ก่อนหกโมงเย็นคืนนี้ เปลี่ยนพนักงานในโรงแรมเป็นคนของเราให้หมด!”
ลูกน้องชะงัก และตอบอย่างลำบากใจ “หัวหน้าเผิง ทั้งหมดเลยเหรอครับ? เกรงว่าคนของเราจะไม่พอ”
“ยังไงก็ส่งคนของเราไปให้หมด อย่างน้อยต้องให้พนักงานที่ดูแลเรื่องงานเลี้ยงเป็นคนของเรา!”
หัวหน้าเผิงพูดเสียงดังฟังชัด “ภารกิจครั้งนี้ สำเร็จได้อย่างเดียว ล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด!”
ลูกน้องได้ยินดังนั้น จะไม่รู้ได้ยังไงว่าภารกิจครั้งนี้ผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด รีบส่งเสียงทักทายและรีบเร่งถอยออกไปเพื่อจัดการ
หลังจากประตูห้องปิดอีกครั้ง หัวหน้าเผิงถึงหยิบมือถือออกจากกระเป๋า และโทรหาผู้จัดการ
“ผู้จัดการครับ ด้านผมมีโอกาสแล้ว ไม่ทราบว่ากำลังสนับสนุนของคุณถึงไหนแล้วครับ?”
“ใกล้แล้ว อย่างช้าอีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงที่นายอยู่”
ผู้จัดการเตือนเสียงเข้ม “จำไว้ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของนาย ถ้าล้มเหลวอีกนายก็ไม่ต้องกลับมาแล้ว!”
“ผมเข้าใจครับ!”
หัวหน้าเผิงส่ายหัวอย่างขมขื่น ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียน เขาจะกลายเป็นแบบนี้ได้ไง?
วางสายไปแล้ว เขาหัวเราะเย็นๆในใจ เขาไม่เชื่อหรอกว่าหนนี้เขาพาทั้งหน่วยออกมาปฏิบัติการ ซ้ำยังมีกำลังสนับสนุนจากผู้จัดการ จะจัดการเย่เทียนไม่ได้อีก!
ขณะเดียวกัน สนามบินนานาชาติเมืองจิน
สองเงาของชายหนึ่งหญิงหนึ่งเดินออกจากประตูทางออก ทั้งคู่ใส่แว่นดำใหญ่ๆ ปิดหน้าไปกว่าครึ่ง จนผู้อื่นมองเห็นใบหน้าของพวกเขาไม่ชัด
ทั้งสองคนไวมาก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เพิ่งมาครั้งแรก แต่พวกเขาต่างจากผู้คนรอบๆที่เดินทางด้วยความเร่งรีบ พวกเขาระมัดระวังกันเต็มที่ ราวกับระแวงใครอยู่
ถ้าเย่เทียนอยู่ที่นี่ ต้องจำได้ในแวบแรกว่าชายหญิงคู่นี้คือพ่อลูกตระกูลฟู่ หัวหน้าอันดับสองของสมาพันธ์ทหารรับจ้าง ฟู่โก๋หาวและฟู่เซิ่งหนาน
ทันใดนั้น ฟู่เซิ่งหนานส่งเสียงทลายความเงียบ “พ่อคะ อยู่ๆลากหนูมาเมืองจินทำไมคะ คงไม่ใช่ว่าอยากมาหาเย่เทียนหรอกนะ?”
“ลูกสาว ลูกคงไม่ได้หลงไอ้หนุ่มนั่นหรอกนะ”
ตอนแรกเขาได้รับแจ้งเตือนด่วนจึงออกมาจากสามเหลี่ยมทมิฬ คิดไม่ถึงว่าผ่านมาแค่ไม่กี่วันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ระหว่างที่ทำความเข้าใจกับฟู่โก๋เฉียง เขายิ่งรู้สึกได้ถึงท่าทีที่ฟู่เซิ่งหนานมีต่อเย่เทียน!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่