หลังจากจัดการเหล่าการ์ดไปอย่างสบายๆแล้ว นัยน์ตาสีนิลของเย่เทียนทอดมองมาที่กู้เฉียง หัวเราะเย็นๆพร้อมกล่าว “คุณชายกู้ใช่ไหม? นายคิดว่านายเป็นปูจริงๆเหรอ ถึงแทยงเดินได้?”
พอเห็นเย่เทียนจะเอาเรื่องกู้เฉียงต่อ ท้ายที่สุดหลู่ซีซานก็ระงับอารมร์ไม่ไหว รีบสะบัดแขนเรียวออกจากการจับกุมของเติ้งเหวิน และเอ่ยห้าม “เย่เทียน ยังไงซะฉันก็ไม่เป็นไร ให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะ”
ยังไงซะเย่เทียนก็ออกตัวให้เธอ เขาไม่รู้ว่ากู้เฉียงเป็นใครแต่มีหรือที่เธอไม่รู้ หากเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เธอเองก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน!
ในสายตาเย่เทียน กู้เฉียงเป็นเพียงเศษสวะ แต่ในเมื่อคนในเหตุการณ์อย่างหลู่ซีซานยังพูดแบบนี้ เย่เทียล้มเลิกความคิดจะเอาเรื่องกู้เฉียงต่อ เขายักไหล่ “ก็ได้ เห็นแก่หน้าเธอ ครั้งนี้ฉันจะปล่อยเขาไปก่อน”
ยังไงซะอีกฝ่ายก็มอบเหรียญตราเพชรม่วงมูลค่าห้าสิบล้านมาให้ เรื่องแค่นี้ต้องไว้หน้ากันบ้าง
เวลานั้น การ์ดของงานเลี้ยงมาถึงในที่สุด
“พวกนายมาพอดีเลย โยนเจ้าคนที่สร้างความวุ่นวายออกไปซะ คืนนี้ห้ามพวกเขาก้าวเข้ามาอีกแม้เพียงครึ่งก้าว!”
แม้เหล่าการ์ดจะไม่รู้ว่าเย่เทียนเป็นใคร แต่การเข้างานอย่างยิ่งใหญ่ของเย่เทียนพวกเขาก็เห็นอยู่ คนที่พี่น้องตระกูลเซวยอมเป็นตัวประกอบให้จะเป็นคนธรรมดาได้ยังไง?
แต่ การ์ดพวกนี้รู้ด้วยว่าทุกคนที่มางานในวันนี้ไม่ใช่คนที่พวกเขามีเรื่องด้วยได้ แต่ละคนมองหน้ากันตาปริบๆ ไม่กล้าขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า
เห็นสีหน้าลังเลของพวกการ์ดแล้ว เย่เทียนจะเดาไม่ออกได้ยังไงว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยปลอบ “วางใจเถอะ ฉันจะแจ้งด้านตระกูลเซวเอง ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงๆฉันจะรับผิดชอบให้ ไม่ส่งผลกระทบไปถึงพวกนายหรอก!”
พอได้รับคำสัญญาของเย่เทียน บรรดาการ์ดพยักหน้าในที่สุด ก้าวเท้าเดินไปหากู้เฉียง
กู้เฉียงพอจะฟื้นตัวจากความเจ็บปวดได้แล้ว เมื่อเห็นการ์ดเข้ามากันพร้อมหน้า จึงรีบโหวกเหวก “พวกนายกล้าแตะตัวฉันเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร? เชื่อไหมฉันจะทำให้พวกนายอยู่ในเมืองจินไม่ได้อีกต่อไป!”
น่าเสียดาย การ์ดที่ได้คำสัญญาจากเย่เทียนแล้วมีหรือจะสนคำขู่ของกู้เฉียง สองคนในนั้นเข้าคุมปีกกู้เฉียงซ้ายคนขวาคน ส่วนการ์ดที่เหลือลากการ์ดที่กองกับพื้นเดินออกไปเงียบๆ
“ไอ้สารเลว! นายรอก่อนนะ! ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่!”
กู้เฉียงจะยอมจากไปอย่างทุลักทุเลแบบนี้ได้ยังไง แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนเพียงใด ด้วยการกระชากของการ์ดถึงสองคนสุดท้ายเขาก็โดนลากออกไปช้าๆ
“ไปเลย! ปิ๊กาจู!”
เย่เทียนสนคำขู่ของกู้เฉียงที่ไหน เขายิ้มและทำท่าโบกมือลา
ส่งผลให้เติ้งเหวินด้านข้างขำพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว งามหยาดฟ้าเห็นทีคงเป็นแบบนี้แหละ ผู้ชายรอบด้านมองจนตาค้างกันหมด
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้เป็นเย่เทียนที่เห็นสาวสวยจนชิดแล้วยังใจเต้นอย่างอดไม่ได้ อุทานในใจว่าเติ้งเหวินสมกับฉายาหนึ่งในสามสาวสวยจริงๆ มีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์!
ที่เย่เทียนแปลกใจคือเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเซวหมานจื่อกลับยังไม่โผล่มา เห็นได้ชัดว่าไม่อยู่ในโถงงานเลี้ยง ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน
ไม่ว่ายังไง การปรากฏตัวของกู้เฉียงเป็นเพียงบทแทรกเล็กน้อย คล้อยหลังที่ร่างของพวกเขาหายลับไปแล้ว ในที่สุดเติ้งเหวินที่ยืนดูอยู่ข้างๆก็ก้าวออกมา มองเย่เทียนด้วยรอยยิ้มจางๆ “จะว่าไป ฉันต้องเรียกนายว่าคุณชายเย่ถึงจะถูกใช่ไหม?”
เย่เทียนผงะ ลูบจมูกด้วยสัญชาตญาณ ยิ้มเฝื่อนๆพลางยิ้ม “ช่างเถอะ คุณชายอะไรกัน ฉันเป็นแค่คนจนๆ ถ้าเธอไม่ถือสา เรียกฉันว่าเย่เทียนเลยก็ได้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่