ภายในห้องสวีดประธานาธิบดีโรงแรมแชงกรีล่า
ก๊อกก๊อก!
เซ่เจียนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความว้าวุ่นใจ เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นฉับพลันส่งผลให้เธอได้สติ นัยน์ตาคู่สวยฉายแววซับซ้อน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูช้าๆ
คนที่ยืนอยู่หน้าประตู ไม่ใช่เย่เทียนแล้วจะเป็นใคร
แต่ต่างจากจินตนาการของเซ่เจีย เย่เทียนในตอนนี้สะบักสะบอมถึงขีดสุด เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งทั้งตัว ส่วนไหล่ซ้ายที่มือขวากุมอยู่มีเลือดไหลออกมาเป็นสาย
“เย่เทียน เกิดอะไรขึ้นกับนาย?”
เซ่เจียร้องเสียงหลงอย่างอดไม่ได้ รีบพยุงเย่เทียนเข้ามาในห้องสวีท
เย่เทียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น “อธิบายยาก เธอน่าจะมีกล่องพยาบาลใช่ไหม ขอฉันจัดการแผลก่อน”
“มีๆ” เซ่เจียได้สติ รีบไปหยิบกล่องพยาบาล
เดิมเย่เทียนเป็นหมออยู่แล้ว จึงจัดการบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกโดยยังนึกกลัวอยู่
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เซ่เจียที่เงียบอยู่อีกด้านถึงไถ่ถาม “เย่เทียน ทำไมนายถึงสะบักสะบอมขนาดนี้ ครั้งนี้เจอเรื่องอันตรายเข้าอีกแล้วเหรอ?”
เย่เทียนฝืนยิ้ม บอกไปตรงๆโดยไม่ปิดบังเซ่เจีย “เมื่อกี้ฉันเจอผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าระหว่างทางมา ถ้าไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดปลิดชีพ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ได้มาพบเธอแล้วจริงๆ”
แม้จะเจอกับเซ่เจียแค่ไม่กี่ครั้ง แต่เย่เทียนเชื่อว่าเซ่เจียไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เรื่องนี้ดูจากครั้งนังงูสาวที่ออกหน้าให้เซ่เจียโดยคิดจะฆ่าเขาก็พอเดาได้
ยังไงซะคนแบบไหนก็มักจะมีเพื่อนแบบนั้นไม่ใช่หรือ?
แน่นอน เรื่องพวกนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเย่เทียน เพื่อความมั่นใจ เย่เทียนเพียงแต่พูดคำว่าผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า เพื่อหยั่งเชิงเซ่เจีย
“ผู้แข็งแกร่งระดับฟ้า!”
เป็นไปตามคาด สีหน้าเซ่เจียเปลี่ยนไปอย่างแรง เธอขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เย่เทียน นายไปทำอะไรที่เป็นที่ชิงชังขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมถึงโดนการดำรงอยู่สยดสยองเช่นนี้หมายหัวเอาได้ล่ะ?”
“ถ้าฉันรู้ก็ดีสิ”
เย่เทียนส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ในใจขมขื่นถึงขีดสุด เลือดปีศาจไม่มีทางยอมเลิกราง่ายๆ คืนนี้แค่ยอมถอยเพราะตกใจกับอาจารย์ที่ตัวเองกุเรื่องขึ้นมา รอตอนที่เขาโผล่มาอีกครั้ง เกรงว่าคงเป็นเวลาที่ตัวเองต้องจบชีวิต!
สิ่งที่เย่เทียนสับสนคือ อีกไม่กี่วันในปากเลือดปีศาจคือกี่วัน? เขามีเวลาเตรียมตัวอีกนานเท่าไหร่?
ลองไตร่ตรองดูดีๆ เย่เทียนอดนึกถึงวันที่ส่งยากรรมพันธุ์ไม่ได้!
ยังไงซะนอกจากเจ้าสิ่งนี้แล้ว เกรงว่าไม่น่ามีอะไรดึงดูดความสนใจจากผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าอย่างเลือดปีศาจได้แล้วมั้ง
นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล โดนการดำรงอยู่สยดสยองเช่นนี้หมายหัว หากไม่ระบายกับใครสักคน เย่เทียนเกรงว่าไม่ต้องรอให้ถึงตอนที่เลือดปีศาจลงมือหรอก เขาคงพังทลายเพราะความกดดันมหาศาลเสียก่อน
แน่นอนว่าในใจเย่เทียนตั้งความหวังกับเซ่เจียอยู่บ้าง หวังว่าเธอจะมีวิธีจัดการตัวปัญหาใหญ่อย่างเลือดปีศาจได้!
พูดให้ถูกคือ เขาหวังว่าเบื้องหลังเซ่เจียจะมีผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าอยู่เช่นกัน และเซ่เจียยินดีเรียกมาจัดการเลือดปีศาจ!
ถึงจะเข้าใจว่าความเป็นไปได้มีไม่มาก แต่คนเราต้องมีความหวังไม่ใช่เหรอ? จะให้เขายอมเขียนพินัยกรรมและรอความตายแต่โดยดีคงไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่