“เสี่ยวเย่ สิ่งที่แกทำในแก๊งหวงจี๋เมื่อคืนย่ารู้หมดแล้ว”
บนโต๊ะอาหาร จ้องมองเย่เทียนที่กำลังเอาอาหารยัดเข้าปากอย่างมูมมามด้วยสีหน้าที่กรุณา และได้พูดออกมาอย่างกะทันหันว่า “ความจริง แกไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้ แค่ย่าพูดคำเดียว ก็มีคนมากมายเต็มใจที่จะทำให้แล้ว”
“หืม?!”
เย่เทียนตกใจ จึงรีบกลืนอาหารในปากลงไป ส่ายหน้าแล้วพูดไปว่า “คุณย่าเย่ ย่าเองก็น่าจะรู้ว่าผมไม่อยากมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลเย่นัก การที่ผมยอมพักอยู่ที่นี่ มันก็เป็นเพราะความดึงดันของหวั่นชิงทั้งนั้น”
คุณย่าเย่ถอนหายใจออกมายาวๆ “เสี่ยวเทียน แกจะปล่อยวางไม่ได้เลยใช่มั้ย?”
“เรื่องบางเรื่อง มันเคยเกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว ไม่ได้อยู่ที่ว่าเวลาว่านานไม่นานแล้วจะลืมได้รึเปล่า”
เย่เทียนส่ายหน้า “ตอนนั้นที่ผมถูกขับออกจากตระกูลเย่ ผมได้สาบานไว้แล้ว ว่าผมจะไม่มีทางกลับไปที่ตระกูลเย่อีก!”
“แกยังพูดเลยว่ามันเป็นเรื่องเมื่อตอนนั้น นั่นมันก็ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?”
คุณย่าเย่ถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ เกลี้ยกล่อมอย่างไม่ตายใจ “ฉันรู้ว่าหวั่นชิงกำลังคิดค้นยาสำหรับยีนอยู่ บวกกับการช่วยเหลือจากฉัน ขอแค่แกต้องการ ฉันเชื่อว่ามันจะสามารถทำให้คนอื่นในตระกูลเย่ยอมให้แกกลับคืนสู่ตระกูลเย่เเน่นอน”
“ถ้าเป็นคนอื่น ฉันเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะยอมรับคุณสมบัติของแก แต่…..”
เย่เทียนปฏิเสธไปทันที แล้วพูดอย่างแน่วแน่ว่า “ในนี้มันต้องไม่มีผม ผมยอมรับว่าการมีฐานะเป็นคนของตระกูลเย่นั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ง่ายขึ้นเยอะ แต่ว่า ผมมันอยู่อย่างอิสรเสรีจนชินไปแล้ว กับตระกูลเย่ที่แก่งแย่งชิงดีกันแม้แต่คนในตระกูลด้วยกันเองนั้นมันไม่เหมาะกับผมหรอกครับ”
คิ้วของคุณย่าเย่ขมวดเข้าหากันทันที แล้วพูดอ้อนไปว่า “เสี่ยวเทียน ฉันยังสามารถทำให้แกขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลเย่…..”
“คุณย่าเย่ ย่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมไม่มีทางเอาด้วยเด็ดขาดครับ”
ไม่ทันที่เธอจะได้พูดจบ เย่เทียนก็พูดขัดทันที ส่ายหน้าแล้วพูดไปว่า “วันนี้ผมยังมีธุระต้องไปทำอีก พอพรุ่งนี้ทางหวั่นชิงเสร็จเรื่อง เราก็จะไปจากเมืองจินครับ!”
พูดจบ เย่เทียนก็ไม่ได้สนใจการตอบสนองของคุณย่าเย่ ถึงขั้นไม่หันมองคุณย่าเย่อีกด้วยซ้ำ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย
ระหว่างที่มองดูแผ่นหลังของเย่เทียน คุณย่าเย่ก็พูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจยาวๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
นั่งกลับไปที่เดิม พูดได้เลยว่ามีเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำแล้วเสียใจ เห็นได้ชัดว่าเรื่องของเย่เทียนนั้นเป็นสิ่งที่เธอเสียใจมากที่สุดในชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย!
อย่างไรก็ตาม เย่เทียนก็ได้ออกจากบ้านหลังเล็กของตระกูลเย่อย่างรวดเร็ว มาถึงที่ โรงแรมโฟร์ซีซั่น
ทันทีที่เขาเดินเข้าไป ก็ชนเข้ากับร่างของหญิงสาวอันงดงามที่เดินสวนมา พอมองไป นอกจากฟู่เซิ่งหนานแล้วยังจะเป็นใครได้อีก?
สำหรับฟู่เซิ่งหนาน ยังไงเย่เทียนก็รู้สึกแค้นบ้าง แม่สาวคนนี้ ก่อนหน้านี้ริอ่านมาหลอกกันซะได้ ในเมื่อตอนนี้ได้เจอแล้ว ยังไงก็ต้องจัดการเธอซะให้เข็ด ทำให้เธอรู้ว่าพูดโกหกมันจะมีผลอะไรตามมา!
“ฟู่เซิ่งหนาน ผมอุตส่าห์เห็นว่าคุณเป็นเพื่อน ไม่นึกเลยว่าคุณจะมาหลอกกันซะได้!”
พอคิดได้อย่างนั้น สีหน้าของเย่เทียนก็ดูโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
ฟู่เซิ่งหนานที่ได้ยินอย่างนั้น เธอก็ได้หดหัวลงไปตามสัญชาตญาณ แลบลิ้นออกมาอย่างเขินอาย แล้วปฏิเสธไปว่า “ใครบอกว่าฉันหลอกคุณ? คุณต่างหากที่ไม่ได้ถามฉันทั้งหมดเอง!”
“แหม๋ นี่คุณยังจะเล่นลิ้นอีกใช่มั้ย?”
เย่เทียนรู้สึกสนุกขึ้นมา ถูๆ กำปั้นแล้วอยากลงไม้ลงมือกับฟู่เซิ่งหนาน
แต่ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ได้วิ่งออกมาจากในโรงแรม ดูจากเหงื่อที่เต็มหัวของเขาแล้ว คิดว่าน่าจะตามฟู่เซิ่งหนานมานี่แหละ
“คุณฟู่ ไม่ทราบว่าคนนี้คือ?”
ตามคาด ชายหนุ่มได้มาหยุดอยู่ข้างๆ ของฟู่เซิ่งหนานด้วยความรีบร้อน แล้วมองเย่เทียนด้วยสีหน้าที่สงสัย ฟู่เซิ่งหนานขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ดวงตาสีดำคู่นั้นแสดงแววตาที่ดุร้ายออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่