“ใช้สารพันธุกรรมเหรอ?”
เย่เทียน ตกตะลึงกับข้อเสนอของเฉินหวั่นชิงแต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาหยิบสารพันธุกรรมมาด้วยสายตาแน่วแน่และกลืนมันเข้าไปทั้งหมด
นี่แทบไม่จำเป็นต้องคิดเลยสักนิด ถ้าไม่ใช้ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าใช้มันอย่างน้อยๆก็ยังพอมีโอกาสรอด!
ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะเฉินหวั่นชิง เธอรู้ดีถึงผลลัพธ์ของสารพันธุกรรม จนถึงตอนนี้ ในการทดลองยังกลืนไปเพียงอันเดียว แต่นี่เย่เทียนเล่นกลืนมันทั้งห้าลงไปพร้อมกัน แล้วเธอจะไม่ตื่นตระหนกได้อย่างไร
“เสี่ยวเทียน นายประมาทมากไปแล้ว นี่เป็นสารพันธุกรรม ไม่ใช่วิตามิน นายกลืนมันไปห้าเม็ดพร้อมกันได้อย่างไร?”
คุณย่าเย่เองก็รู้สึกกระวนกระวายแล้ว หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเย่เทียนจริง เธอไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ
"ไม่เป็นไร ร่างกายของผมแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ มาก นี่ก็แค่สารพันธุกรรมเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น ไม่มีปัญหาอะไร"
เย่เทียนเองก็ตกใจไปด้วยเช่นกัน แต่เขาแอบรับรู้มันอย่างลับๆ และพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
หากจะมีปัญหาอะไร คงจำเป็นรสชาติของยานั้นหวานมากและคล้ายกับรสชาติแคนตาลูปเล็กน้อย
แม้ว่าเย่เทียนจะดูคล้ายไม่มีปัญหาอะไร แต่เฉินหวั่นชิงก็อดกังวลไม่ได้และถามอย่างประหม่าว่า "เย่เทียน นายรู้สึกอย่างไรบ้าง?"
"ไม่!"
เย่เทียนสังเกตตนเองอย่างระมัดระวังอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เขายิ้มให้เฉินหวั่นชิงและถามว่า “ภรรยา เธอแน่ใจนะว่าเจ้านี่มีประโยชน์? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันเหมือนน้ำหวาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด!”
ระหว่างพูด เย่เทียนก็รู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ เขาหยิบรางวัลยาเสริมพลังที่ได้มาจากการทดลองครั้งก่อนออกมาและกลืนมันโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ไม่ใช่ว่าเขาประมาท ของสิ่งนี้เขาเก็บเอาไว้หลายวันแล้วและไม่มีโอกาสได้ใช้มันสักที ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่ดี แต่ถ้าเขาไม่ใช้ เกรงว่าสุดท้ายมารโลหิตอาจจะได้มันไปแทน
เฉินหวั่นชิงขมวดคิ้วแน่น สารพันธุกรรมนั้นผลิตด้วยมือของเธอเองตั้งแต่ต้นจนจบ เธอรู้แน่ชัดถึงผลของมันมากที่สุด มันไม่มีทางไม่ได้ผล นับประสาอะไรกับการที่เย่เทียนกลืนมันทั้งห้าลงไปพร้อมกัน
คุณย่าเย่และพวกจี้เยียนหรันซึ่งอยู่ใกล้ๆ ต่างก็กังวลขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ของเย่เทียนเป็นอย่างไรกันแน่
ทันทีที่ยาเสริมพลังลงท้องไป เย่เทียนก็รู้สึกได้ทันทีว่าร่างกายของเขาร้อนผ่าวขึ้นมา อีกทั้งยังไม่ใช่ความร้อนธรรมดา มันราวกับว่าทั้งตัวของเขาตกลงไปในลาวาก็ไม่ปาน แม้กระทั่งตัวเขาที่แต่ไหนแต่ไรเด็ดเดี่ยวหนักแน่นอยู่เสมอ หลังจากทนไปได้ไม่กี่วินาทีก็ยังต้องอุทานออกมา
"ดู... ดูเหมือนว่าจะได้ผลแล้ว..."
จากนั้น ท่ามกลางสายตาของฝูงชน ทั้งตัวของเย่เทียนก็กลายเป็นสีแดงทันที ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ หลอดเลือดของเขาปูดโปนขึ้นมาอย่างแรง ราวกับว่ามีบางอย่างวิ่งไปมาในเส้นเลือดของเขาและพยายามจะระเบิดมัน!
ฉากนี้ทำให้เฉินหวั่นชิงตกตะลึงในทันที เธอเกือบจะเผลอเอื้อมมือไปแตะเย่เทียน แต่ทันทีที่มือหยกของเธอเพิ่งสัมผัสที่ผิวของเขา เธอก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
"ร้อนมาก!"
เมื่อมองไปที่มือหยกของเฉินหวั่นชิง ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีรอยไหม้อยู่ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเย่เทียนมีอุณหภูมิสูงแค่ไหนในเวลานี้ กลัวว่าถ้าวางไข่ลงไปก็คงจะสุกได้ในพริบตา!
เย่เทียนเองก็แอบรู้สึกถึงความผิดปกติร่างกายของตน เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าเลือดลมไหลเวียนอย่างรวดเร็วในร่างกายของเขา และแม้แต่หัวใจของเขาก็ยังเต้นเร็วขึ้นหลายเท่า ราวกับว่ามันแทบจะกระโดดออกมา
“เวรกรรม! รู้อย่างนี้ไม่กินซี้ซั้วแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปไม่แน่คงต้องระเบิดตาย!”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เย่เทียนก็รู้สึกเศร้าใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ได้ตายในเงื้อมมือของมารโลหิต แต่กลับถูกสารพันธุกรรมเล่นงานจนตายแทน
"มัวยืนอึ้งทำไมกัน? รีบใช้พลังเร็วเข้า! ฉันช่วยนาย!"
ในเวลานี้ เซ่เจียซึ่งที่ผ่านมานิ่งเงียบอยู่ด้านข้างในที่สุดก็ยืนขึ้นและตะโกนใส่เย่เทียนด้วยท่าทางกังวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่