ฝึบๆ!
มองเห็นธนูแหลมคมด้านหน้าที่ยิงมาอย่างหนาแน่น สีหน้าเย่เทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แทบจะใช้งานคัมภีร์หวงโดยจิตใต้สำนึก ตบฝ่ามือที่แฝงด้วยกำลังอันเรียบง่ายแต่มีพลังเข้าไปแล้ว
ตั้งแต่เข้ามาเมืองเถาหยวนพื้นที่แห่งนี้ เขาก็ไม่ได้ใช้การชี่ทิพย์แต่อย่างใด เลี่ยงที่ความขัดแย้งของพลังงานสองส่วนในร่างกายจะเพิ่มขึ้น ปัจจุบันนี้ภายใต้ประสิทธิผลของเหล้าปีศาจ เขาพบว่าพลังงานบางส่วนในร่างกายประสานกันเป็นหนึ่งเดียวในช่วงสั้นๆ ไม่มีความรู้สึกติดขัดสักนิดเดียว
กริ๊งกริ๊ง!
ภายใต้การพัดผ่านของลมแรง ลูกธนูแหลมที่ยิงมาตรงหน้าเคลื่อนไปด้านข้างทั้งหมด จากนั้นค่อยๆ ร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงดังแสบแก้วหู
“เมื่อกี้อาหญิงข่งบอกว่าด่านสองกับด่านสามเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน งั้นด่านนี้คงไม่ใช่ด่านสองหรอกมั้ง? คาดเดาตามอันนี้ งั้นด่านสามน่าจะมีผู้คุมด่านอะไรถึงจะถูกสิ”
เย่เทียนแอบบ่นพึมพำอยู่ในใจ ถึงแม้จะค่อนข้างดูถูกอุบายนี้ระดับหนึ่ง กลับยังเพิ่มความตั้งใจขึ้นมาก เลี่ยงว่าตรงที่มั่นใจจะเกิดปัญหาขึ้น
ประมาณว่าเดินไปข้างหน้าได้สักห้านาที ทางผ่านที่เดิมทีแคบๆ กลับค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นมาหน่อย ยังไม่รอให้เย่เทียนได้สติเข้ามา ด้านหน้าก็เป็นทางแยกอีกอันหนึ่ง
“เอ๋? นี่ควรไปทางไหนกันล่ะ?”
มองทางผ่านสามอันที่มืดสนิทเหมือนกันตรงหน้า เย่เทียนมึนงงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย นึกไม่ถึงจะเป็นสถานการณ์แบบนี้
ถึงจะพูดเช่นนี้ พอนึกถึงการบอกเป็นนัยอย่างบ้าคลั่งของจิงไห่เชียนก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้สับสนเกินควร ไม่มองทางผ่านด้านซ้ายและตรงกลางสองทางนี้สักแวบเดียว เลือกทางผ่านของด้านขวาอีกครั้งตามคาด
นี่ไม่เพียงสาเหตุแค่ว่าจิงไห่เชียนบอกเป็นนัยก่อนหน้านี้ ยิ่งพิจารณาถึงกระบวนการต่อไปด้วย ถ้าเกิดถึงตอนนั้นมีทางแยกปรากฏขึ้นอีก อ้อมมากเย่เทียนก็กลัวหลงทาง ถึงตอนนั้นจะขายหน้ายกใหญ่เอาแล้ว!
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เย่เทียนที่ออกเดินอีกครั้งกลับพบว่าทางผ่านเส้นนี้ไม่ได้ราบเรียบเหมือนทางผ่านก่อนหน้า เทียบกันแล้วมีก้อนหินเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย
สิ่งที่ทำให้คนตกใจคือ ก้อนหินพวกนี้ยังไม่ใช่ก้อนหินธรรมดาประเภทนั้นด้วย แต่ละก้อนเปล่งประกายแสงเย็นเฉียบเป็นตะปุ่มตะป่ำ ราวกับเป็นคมมีดที่แหลมคม
“สรุปมันอะไรกันเนี่ย?”
สถานการณ์นี้ทำให้เย่เทียนยิ่งระแวงขึ้นมากกว่าเดิม เดิมทีไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
กึกๆ!
และพอเดินไปได้สักประมาณสองนาที ในทางผ่านที่เดิมทีเงียบงันกลับมีเสียงดังเล็กน้อยดังขึ้น ก้อนหินพวกนั้นที่เดิมทีนิ่งเฉยไม่ขยับ แต่ละก้อนลอยขึ้นมาอย่างประหลาด
“เชี่ย! มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”
เย่เทียนตกใจยกใหญ่อย่างคาดไม่ถึง มองก้อนหินที่ลอยขึ้นมามากมายรอบด้าน รู้สึกเพียงว่าหนังศีรษะชา
ฮืดๆ!
วินาทีต่อมา ก้อนหินส่งเสียงคำรามมาเป็นระลอก กระหน่ำยิงเข้ามายังเย่เทียนจากทั่วสารทิศ ดูจากลักษณะนั้นแล้ว ต่อให้ไม่ตายก็คงจะเจ็บหนัก!
เย่เทียนกล้าลังเลสักนิดที่ไหนกัน ขณะเดียวกันก็ขยับฝีเท้าพิงกำแพงไว้ รีบเรียกโล่ทิพย์ป้องกันกายออกมาทันที ต้านทานก้อนหินที่ลอยมาจากทั่วทิศเอาไว้
ปังๆ!
ก้อนหินราวกับหยาดฝนกระแทกบนโล่ทิพย์ป้องกันกายอย่างคลุ้มคลั่ง ในที่สุดก้อนหินหยุดลงมาแล้ว มองก้อนหินแทบเท้าที่กองถึงส่วนหัวเข่า เย่เทียนกลั้นไม่อยู่พ่นลมหายใจลึกๆ
ในใจแอบมีความรู้สึกรอดตายหลังประสบภัยพิบัติ ถ้าเพิ่มเวลามากขึ้นอีกสักสองสามนาที โล่ทิพย์ป้องกันกายของเขาต้องยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแน่
ต้องรู้ว่า หินแต่ละก้อนนี้อย่างมากก็ขนาดเท่าไข่ไก่ ดันกองมาถึงส่วนหัวเข่าเขาอีก เห็นได้ว่าจำนวนก้อนหินที่ขว้างเข้ามาสยองขวัญมากแค่ไหน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่