เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเวินจี้หู่กำลังมองมา หัวใจของเย่เทียนก็สั่นสะท้านทันที รู้สึกเหมือนถูกเขามองทะลุ
“เชื่อว่าทุกท่านคงเหนื่อยกันแล้ว รีบจับสลากแล้วกลับไปพักผ่อนกันเถอะ!”
โชคดีที่เวินจี้หู่รีบเบนสายตาออกไป ไม่เช่นนั้นเย่เทียนอาจไม่สามารถหยุดยั้งความคิดที่จะโจมตีเขาไม่ได้
เพราะพวกเขาเพิ่งผ่านประสบการณ์มาเมื่อวานนี้ ผู้เข้าแข่งขันแปดคนสุดท้ายบนเวทีไม่มีอะไรต้องเขินอาย ทยอยเดินขึ้นไปจับฉลากทันที
เมื่อเห็นว่าแปดคนสุดท้ายก้าวเข้าไปจับหมายเลขของแต่ะละคนแล้ว เวินจี้หู่ก็เร่งรัด “ยังมัวยืนรออะไรอยู่ รีบอ่านออกออกมาสิ พวกคุณจับได้หมายเลขอะไรบ้าง!”
กัวหมิงเลี่ยงก้าวออกมาก่อนคนแรก “คุณอาเวิน ผมจับได้หมายเลขสี่”
เสวียนเฉิงเองก็รีบเข้ามายืนทางด้านหลัง “ผู้อาวุโสเวิน ของฉันหมายเลขหนึ่ง”
“…”
เย่เทียนจับได้หมายเลขหนึ่ง วูสิงหมายเลขสี่ จิ่วเจี้ยกับเจียงซี่หลิงเป็นเบอร์สอง เทพธิดาเตี๋ยอู่อู่กับช่ายเหมยเป่าเป็นหมายเลขสาม
“รอบแรกของการแข่งขันคัดเลือกสี่คนสุดท้ายของวันพรุ่งนี้ เย่เทียนต่อสู้กับเสวียนเฉิง คู่ที่สองจิ่วเจี้ยต่อสู้กับเจียงซี่หลิง คู่ที่สามกับเทพธิดาเตี๋ยอู่ต่อสู้กับช่ายเหมยเป่า คู่ที่สี่คือกัวหมิงเลี่ยงกับวูสิง”
เวินจี้หู่ประกาศผลเสียงดัง ขณะที่ปรมาจารย์ไร้เจตสิกข้างๆ ถือปากกาจดบันทึกอยู่ จากนั้นจึงสั่งการให้คนไปแปะบนกระดานประกาศที่อยู่ข้างเวที
แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าจะพบกันโดยบังเอิญ แต่เมื่อมั่นใจแล้วว่าคู่ต่อสู้ในวันพรุ่งนี้คือเสวียนเฉิง เย่เทียนก็อดชะงักไปไม่ได้
ทันใดนั้น เย่เทียนรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เฉียบคม เขาหันหน้าไปมองอย่างไม่รู้ตัว นอกจากเสวียนเฉิงแล้ว มันจะเป็นใครไปได้อีก?
เมื่อเห็นจิตวิญญาณการต่อสู้อันแข็งแกร่งบนใบหน้าของเสวียนเฉิง เย่เทียนก็ทำได้เพียงส่งรอยยิ้มให้
เมื่อเสวียนเฉิงเห็นดังนั้น ก็ส่งรอยยิ้มกลับมาอย่างสุภาพและเบนสายตามองไปทางอื่น
เย่เทียนใช้โอกาสนี้มองไปรอบๆ ผู้เข้าแข่งขันแปดคนสุดท้าย กัวหมิงเลี่ยงยังคงสงบนิ่ง ราวกับว่าเขาไม่เห็นการแข่งขันในวันพรุ่งนี้อยู่ในสายตา
จิ่วเจี้ยก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ เมื่อสังเกตเห็นสายตาของเย่เทียนมองมา บุ้ยปากใส่เทพธิดาเตี๋ยอู่และช่ายเหมยเป่า เผยรอยยิ้มที่มีความนัยออกมา
เย่เทียนที่รู้จักนิสัยของจิ่วเจี้ยในระดับหนึ่งนั้นพูดไม่ออกเลย เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมปรมาจารย์ไร้เจตสิกผู้มีคุณธรรมและบารมีเช่นนี้ ถึงได้ยอมรับศิษย์ชั้นยอดเช่นนี้?
บางทีอาจสังเกตเห็นการจ้องมองของเย่เทียน ช่ายเหมยเป่าเลยมองมาที่เขา พลางแลบลิ้นอย่างสนุกสนาน ดูมีชีวิตชีวาและน่ารัก
แต่จากที่เย่เทียนได้เห็นธาตุแท้จิตใจที่ชั่วร้ายของช่ายเหมยเป่ามากับตา มีหรือเขาจะปล่อยให้เธอมาหลอกได้ง่ายๆ ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ช่ายเหมยเป่าสวยราวกับดอกไม้กินคน สวยน่ะสวยอยู่ แต่ถ้าไม่ระวังก็อาจกัดกินคนจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก!
พวกเขาไม่ได้คุยกันทั้งคืน
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เทียนมาที่สถานที่จัดงานแต่เช้าพร้อมกับสมาชิกตระกูลหลู่ รอการแข่งขันเริ่มขึ้นอย่างเงียบๆ
บรรดาเจ้าสำนักทยอยมาถึงทีละคน พอเวลาเก้านาฬิกา การแข่งขันชิงสี่คนสุดท้ายก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
จากประสบการณ์เย่เทียนกระโดดขึ้นไปบนสังเวียนต่อสู้อย่างไม่ลังเล ปลดปล่อยพลังของผู้แข็งแกร่งระดับฟ้าออกมาอย่างเต็มที่
หลังจากการต่อสู้กับเหยียนเฟิง ทุกคนต่างก็รู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเขา ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป
เสวียนเฉิงก็เดินขึ้นสังเวียนเช่นกัน พลางกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ศิษย์พี่เย่ ผมรู้ว่าผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่ แต่ผมอยากรู้ความแตกต่างระหว่างพี่กับผม หวังว่าพี่จะไม่ออมมือ”
“ตกลง! ฉันจะไม่ออมมือ”
เย่เทียนพยักหน้า แต่ก็ไม่กล้าที่จะประมาทเช่นกัน
แม้ว่าการฝึกของเสวียนเฉิง จะอยู่ในระดับดินตอนปลายเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นศิษย์ของนักพรตเต๋าชิงเฟิงอยู่วันยังค่ำ ใครจะรู้ว่าเขามีไพ่ไม้ตายอะไร เย่เทียนไม่อยากตกหลุมพราง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่