หลังจากออกมาจากห้องส่วนตัวแล้ว เฉินหวั่นชิงยังอึ้งอยู่
จนกระทั่งเข้ามานั่งอยู่ในรถแล้วเธอถึงได้สติกลับมา
“ทำไมคนพวกนั้นถึงไม่หยุดพวกเราไว้ล่ะ?”
พอได้ยินคำถามของเฉินหวั่นชิง เย่เทียนก็ยิ้มบางๆและปั้นน้ำเป็นตัว “อาจเพราะเห็นว่าฉันหล่อมั้ง”
เฉินหวั่นชิงไม่เชื่อคำอธิบายนี้อยู่แล้ว เธอชำเลืองมองเย่เทียนตามสัญชาตญาณ ห่างกันเพียงหนึ่งเดือน แต่เธอชักจะไม่รู้จักผู้ชายตรงหน้าซะแล้ว
แต่พอนึกถึงภาพที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เฉินหวั่นชิงก็ไม่พูดอะไรอีก
หวงเย่าโจวคนนั้นบังอาจทำกับเธอแบบนี้ สมควรโดนเย่เทียนอัด
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็ไม่ได้กลับไปที่บริษัท แต่ตรงกลับไปที่คฤหาสน์
ตกกลางคืน เย่เทียนยังคงทำอาหาร และเขาเตรียมอาหารเย็นไว้อย่างอุดมสมบูรณ์
เฉินหวั่นชิงรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะชอบอาหารที่เย่เทียนทำมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วยไม่ได้นี่ มันอร่อยเกินไป อร่อยยิ่งกว่าอาหารที่เชฟโรงแรมห้าดาวทำเสียอีก
ถ้าได้กินอาการที่เจ้านี่ทำทุกวัน ก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวเท่าไหร่
ในหัวของเฉินหวั่นชิงมีความคิดนี้แวบผ่านไปทำเอาเธอตกใจขึ้นมา รีบสลัดความคิดบ้าบอนี้ทิ้ง
และพลันนึกถึงเรื่องที่เย่เทียนมักจะเจ้าชู้ใส่คนอื่นแถมตัวเธอเองยังไปเจอถึงสองครั้งก็โมโหขึ้นมาในใจ
“ต่อให้เจ้านี่ทำอาหารอร่อยก็เปลี่ยนนิสัยหื่นกามเจ้าชู้ของเขาไม่ได้หรอก เฮอะ รอให้ฉันจัดการธุระเสร็จก่อนจะรีบไปหย่ากับเขา ไม่เห็นจะได้ไม่หงุดหงิด”
แน่นอนว่าเย่เทียนสังเกตเห็นว่าสีหน้าเฉินหวั่นชิงนั้นไม่ปกติ เขานึกแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไร เดี๋ยวสดใส เดี๋ยวอึมครึม
เย่เทียนส่ายหัว เดาใจเธอไม่ออกจึงเลิกสนใจ
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้วก็กลับห้องตัวเอง
ภายในคฤหาสน์หลังนี้มีเพียงเขาและเฉินหวั่นชิงอาศัยอยู่ ไม่ได้จ้างแม่บ้านด้วย เพราะฉะนั้นหลังจากเย่เทียนกลับห้อง เฉินหวั่นชิงก็เก็บจานและตะเกียบเพื่อเอาไปล้างที่ครัว
ความเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยนี้ดูเหมาะสมกันสุดๆ
ขณะเดียวกัน เย่เทียนกลับไปที่ห้อง หยิบเศษชิ้นส่วนออกมาจากกระเป๋า
เศษชิ้นส่วนนั้นกว้างราวๆสองนิ้ว ดูธรรมดามาก เขาดึงลงมาจากถังซานฉ่ายของปลอมนั้นเอง
หลังจากที่เขากำเศษชิ้นส่วนในมือ หน้าปกทองในทะเลจิตของเขาที่นิ่งงันมานานก็เกิดความผิดปกติขึ้น
อยู่ๆในใจของเย่เทียนก็เกิดความปรารถนาบางอย่างขึ้น อยากจะกินเศษชิ้นส่วนนี่เข้าไปให้ได้
“หน้าปกเป็นอะไรไป? หรือว่าของชิ้นนี้มีความลับวิเศษอะไรรึ?”
เย่เทียนขมวดคิ้วครุ่นคิด สุดท้ายก็นั่งขัดสมาธิกับเตียง ฝึกฝนโดยใช้วิชา
เพิ่งจะลำเลียงพลังตามคัมภีร์หวง เศษชิ้นส่วนในมือเขาก็พลันเปล่งประกาย
เย่เทียนรู้สึกเพียงว่าถูกแสงอันอบอุ่นห่อหุ้มไว้ทั้งตัว สบายถึงขีดสุด
ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้ต่อเนื่องมานานเท่าไหร่ ทันใดนั้นก็เกิดเสียงตู้มในทะเลจิต แผงกั้นที่มองไม่เห็นถูกทลายในบัดดล
พลังมหาศาลทะลักออกจากหน้าปกทอง ไหลเวียนอยู่ในชีพจรทั้งแปด
เย่เทียนลืมตาโพลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความทึ่ง “เกิดอะไรขึ้น ฉันเพิ่งบรรลุถึงฝึกพลังชั้นสามไม่ใช่หรอ นี่บรรลุอีกแล้วหรอ?”
ใจของเขานั้นตะลึงมาก คิดไม่ถึงว่าแค่การลองจะสร้างประโยชน์ให้ตัวเองมากขนาดนี้
เขาใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงฝึกฝนจนถึงฝึกพลังชั้นสามจากไม่มีอะไรเลย
ตามพัฒนาการของเขา อย่างน้อยต้องใช้เวลาสองเดือนจึงจะถึงปราการด่านต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่