ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 231

หลังจากที่ลู่ยุ๋นหลัวออกมาจากเรือนรับรองของท่านอ๋องเฉินแล้ว นางก็เดินตรงไปยังเรือนที่พักของนาง โชคดีที่เป็นเวลากลางคืน บนท้องถนนจึงไม่ค่อยมีคน

หลังจากกลับไป แน่นอนนางก็ทำให้หยินซวางและแม่นมโจวตกใจจนสะดุ้ง

ทำไมถึงออกไปได้ไม่ทันไรถึงกลายเป็นสภาพนี้ไปได้ ?

ทั้งสองบ่นจู้จี้จุกจิกและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางอีกครั้ง หลังจากจัดแจงแต่งหน้าทรงผมแล้ว นางก็รีบไปที่ภัตตาคารอาหารยอดเรือนตกใต้ทันที

แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่หยินซวาง แม้แต่แม่นมโจวก็ยังติดตามนางมาด้วย

ลู่ยุ๋นหลัวก็ปล่อยพวกนางทั้งสองตามไปด้วย

เมื่อมาถึงปากทางภัตตาคารอาหารยอดเรือนตกใต้ ลู่ยุ๋นหลัวก็เหลือบมองที่ป้ายร้านนั้นอยู่หลายครั้งอย่างหมดคำพูด

มีชื่อร้านแบบนี้จริง ๆ หรอเนี่ย

แม้ว่าชื่อร้านจะเขียนลักษณะเช่นนี้

แต่ก็ช่างแปลกเกินไป !

ไม่ใช่ว่าหลอกลวงคนหรอกเหรอ ?

แต่เมื่อคิดถึงในช่วงศตวรรษที่ 21 ที่มีชื่อร้านแปลก ๆ อยู่มากมายก็รู้สึกไม่แปลกอะไรอีก

เมื่อนางเข้าไป ท่านอ๋องเฉินก็อยู่ที่นั่นด้วย

ทั้งสองคนกำลังเจรจาพูดคุยกันอยู่

หลังจากที่ท่านอ๋องน้อยรุ่ยเห็นลู่ยุ๋นหลัวเข้ามา ท่านอ๋องน้อยรุยก็รีบตะโกนมา "มานี่สิ เสด็จพี่สะใภ้รอง มานั่งเร็ว ๆ"

เสียงอันทรงพลังเรียกเสด็จพี่สะใภ้รองอย่างคุ้นเคยก็ดังมา

ร่างกายของลู่ยุ๋นหลัวสั่นขึ้นมาอย่างแรง

นางยอมให้ชายคนนี้เรียกนางว่าไอ้ขันทียังเข้าหูกว่าเรียกเสด็จพี่สะใภ้รองตั้งเยอะ

คำว่าเสด็จพี่สะใภ้รอง มักจะทำให้ตรงหน้าของนางมีเงาของร่างจี้อู๋เจวี๋ยปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้สึกตัว

นางพยักหน้าตอบรับเล็กน้อยแล้วนั่งลง

หลังจากฉากสนทนาผ่านไปช่วงหนึ่ง

ท่านอ๋องน้อยรุยก็นำเหล้ามาขอขมาลู่ยุ๋นหลัว "เสด็จพี่สะใภ้รอง เรื่องคราวก่อนในห้องทรงตำราเป็นความผิดของข้าเอง ข้ามีตาแต่หามีแววไม่ หวังว่าเสด็จพี่สะใภ้รองคงจะไม่เอาเรื่องเล็กน้อยแค่นี้มาคิดและอภัยให้เสด็จน้องผู้นี้

ขณะพูด ท่านอ๋องน้อยรุ่ยก็ยกจอกขอขมาอย่างเหมาะสม

ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่รู้ว่าในน้ำเต้านั้นของท่านอ๋องน้อยรุ่ยมียาอะไรหรือเปล่า นางจึงไม่กล้าตอบรับคำส่งเดช

“เสด็จพี่สะใภ้รอง หลังจากนี้ ตราบใดที่เจ้าอยู่ในมณฑลซ่างหยวนของข้า ถ้าเจ้ามีเรื่องอะไรก็พูดออกมาได้เลย เสด็จน้องผู้นี้จะทำให้เจ้าทุกอย่าง อย่างไม่ปฏิเสธแน่นอน” จากนั้นก็ดื่มเหล้าลงท้องไปอีกจอก

เขาดื่มไปจอกแล้วจอกเล่าโดยทั้งเป็นการขอขมาและความต้องการที่จะช่วยนาง

นางรู้สึกมาโดยตลอดว่าท่านอ๋องน้อยรุ่ยคนนี้ต้องมีบางอย่างที่จะขอจากนาง

แน่นอนว่าหลังจากท่านอ๋องน้อยรุ่ยดื่มเหล้าไปสองสามจอกแล้วก็เอ่ยขึ้น "เสด็จพี่สะใภ้รอง เจ้ามีความรู้มากที่สุด ดังนั้นโปรดช่วยข้าออกความคิดเห็นด้วย"

เขารู้สึกรำคาญกับเรื่องไร้สาระนี้มานานแล้วในช่วงนี้และไม่ได้นอนหลับสบายเลยสักครั้ง

เมื่อคิดว่าเสด็จพี่สะใภ้สองที่สามารถปรับราคาธัญพืชในมณฑลซ่างหยวนอย่างให้ลงได้อย่างง่ายดายในครั้งที่แล้ว เขาจึงเชิญลู่ยุ๋นหลัวมาช่วยเพื่อขอคำแนะนำ

ลู่ยุ๋นหลัวก็ไม่รู้ว่าท่านอ๋องน้อยรุ่ยกำลังพูดถึงเรื่องอะไรและนางก็ไม่ควรตอบรับคำไปก่อน นางจึงเอ่ยขึ้น "เจ้าพูดมาก่อนเถอะ"

“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ มีแม่หญิงใจร้ายอำมหิตคนหนึ่งชอบก่อกวนพัวพันข้าตลอดและยังบอกว่าอยู่ตลอดอยากเป็นพระชายาให้ข้า แต่ข้าไม่ได้อยากรีบอภิเษกเร็วขนาดนั้น เจ้าคิดว่าข้าควรทำยังไงดี ? ตอนนี้แม้แต่จวนอ๋องของข้าก็ยังไม่กล้ากลับไปเลย” ท่านอ๋องน้อยรุยช่างเป็นทุกข์นัก ไม่เพียงแต่เขาไม่สามารถกลับไปที่จวนอ๋องได้แล้ว เขายังต้องถ่อไปซ่อนตัวอยู่ในภูเขาลึกและป่าอันเก่าแก่เพื่อซ่อนตัวจากแม่หญิงคนนี้

จนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอำเภอไท่หลิงมีโรคระบาดแพร่กระจาย

ลู่ยุ๋นหลัวตอนแรกก็คิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เป็นเรื่องความรักนี่เอง

ถ้าเจ้าบอกว่าการไล่ตามใครสักคนว่าเป็นเรื่องยาก

แต่การปฏิเสธใครสักคนหนึ่งก็ไม่ง่ายเช่นกัน ?

โดยเฉพาะในยุคสมัยโบราณแห่งนี้

นางพูดโดยไม่แม้แต่จะต้องคิด "ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการให้นางเป็นพระชายาของเจ้าและนางยังคอยพัวพันเจ้าไม่ปล่อย งั้นเจ้าก็ควรพยายามทำเพื่อให้นางหมั้นหมายกับคนอื่นก็พอแล้วไม่ใช่หรือ พอนางได้เป็นภรรยาของผู้อื่นเดี๋ยวก็เลิกรังควานเจ้าเองไปโดยปริยาย”

แค่ใช้วิธีเดียวเท่านั้นสบายไปทั้งชาติ แสนจะเรียบง่าย !

ดวงตาของท่านอ๋องน้อยรุ่ยเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดนี้

จริงสิ ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้แบบนี้ ?

เขาเอาแต่คิดอยู่ตลอดว่าจะหลีกเลี่ยงนางอย่างไร อันที่จริงแค่เขาลงมือบุกและใช้วิธีการบางอย่างเพื่อให้แม่หญิงคนนั้นแต่งงานกับคนอื่น นางก็จะไม่มารังควานเขาอีกแล้วไปโดยปริยาย

เขานี่ในหัวสมองโง่เหมือนหมูเลยจริง ๆ !

ท่านอ๋องน้อยรุยพูดด้วยความยินดีทันที "เสด็จพี่สะใภ้สองช่างฉลาดมีไหวพริบเสียจริง !"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น