หลันกุ้ยเหรินคิดว่าลู่ยุ๋นหลัวจะต้องปฏิเสธนาง ดังนั้นนางจึงรีบหยิบแท่งทองหยวนเป่าส่องแสงเรืองรองออกมาจากบริเวณอกอย่างรวดเร็ว "เสด็จพี่ ข้าไม่มีทางมากินดื่มที่นี่โดยให้เสด็จพี่เสียเปล่าแน่นอน"
"ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เงินทอง..." ลู่ยุ๋นหลัวต้องการจะบอกว่าตำหนักเย็นของนางไม่มีห้องสำหรับรองรับแขก ถ้านางอยากจะอยู่ต่อ นางจะต้องเบียดนอนบนเตียงใหญ่ร่วมกับลู่ยุ๋นหลัว
“แกร็ก” เสียงของถุงสีทองแวววาวอีกถุงก็ถูกโยนออกมา
คำพูดของลู่ยุ๋นหลัวที่อยู่ตรงปากก็ถูกกลืนลงไปทันที
"เสด็จพี่ลองดูว่าพอมั๊ยเพคะ ? หากไม่พอเดี๋ยวข้าจะส่งคนกลับไปที่วังเพื่อยกมาให้อีกหีบ " หลันกุ้ยเหรินเห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวยังคงไม่พูดอะไรอยู่นานก็คิดว่าเป็นเพราะให้ทองไม่มากพอ
มุมปากของลู่ยุ๋นหลันกระตุกเล็กน้อย หลันกุ้ยเหรินที่แท้ก็อวดรวย !
คนที่บ้านมีเหมืองทองนั้นแตกต่างยิ่งนัก
แม้แต่หน่วยเรียกทองคำก็ยังเริ่มใช้สรรพนามที่คำว่าหีบ
“เสด็จพี่ ลองดูให้เสด็จน้องหน่อยเพคะ ว่าพอจะนอนที่นี่ได้รึไม่ ?” หลันกุ้ยเหรินถามอย่างกระตือรือร้น
ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มให้หลันกุ้ยเหรินด้วยอัธยาศัยที่เป็นกันเอง "แน่นอนว่าต้องอยู่ได้อยู่แล้ว !"
"หยินซวาง เจ้ารีบไปจัดแจงห้องของข้าให้หลันกุ้ยเหรินที"
ต่อให้คืนนี้นางต้องนอนบนพื้น นางก็ต้องดูแลเศรษฐีนีผู้นี้ให้ดีที่สุด
กลางดึก
พระจันทร์สีเงินลอยขึ้นสูง
เพื่อเป็นการดูแลเศรษฐีนีหลันกุ้ยเหรินผู้นี้ให้ดีที่สุด ลู่ยุ๋นหลัวตั้งใจสละห้องของนางเองและไปนอนที่ห้องของหยินซวางแทน
ในเวลานี้ ทุกคนก็หลับใหลเข้าสู่นิทรา
ลู่ยุ๋นหลัวเองก็หลับสนิทเช่นกัน
ทันใดนั้นก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาอย่างยิ่ง
ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้วและลุกขึ้น ทำไมเสียงร้องนี้ถึงเหมือนเสียงของหลันกุ้ยเหริน ?
นางรีบสวมเสื้อผ้าแล้วออกไปทันที
ตะเกียงของพระราชวังทั้งภายในและภายนอกห้องบรรทมถูกจุดสว่างทั้งหมด
ทันทีที่นางออกมาก็พบกับหยินซวางและแม่นมโจว
หลังจากทั้งสองเห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวปลอดภัยดี ทั้งสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ขบวนผู้คนที่ยาวเป็นแถวรีบไปที่ห้องของหลันกุ้ยเหริน
ที่ประตู มีชายคนหนึ่งสวมฉลองพระองค์สีม่วงครามทองลายมังกรยืนมองนางด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
ลู่ยุ๋นหลัวเมื่อเห็นผู้มาเยือนก็ผงะไปเล็กน้อย จี้อู๋เจวี๋ย?
"ช่วยด้วย ฮือ ฮือ ฮือ... มีใครอยู่บ้าง ? ช่วยข้าด้วย "
เสียงร้องขอความช่วยเหลืออันแสนเศร้าอ้างว้างของหลันกุ้ยเหรินที่ผสมก็เสียงร้องห่มร้องไห้ดังมาจากไกล
สายตาของผู้คนต่างจับจ้องไปที่จี้อู๋เจวี๋ย
"ฝ่าบาท หลันกุ้ยเหริน นาง..." ลู่ยุ๋นหลัวมองจี้อู๋เจวี๋ยที่พระพักตร์ขณะนี้ช่างไม่เป็นมิตร พร้อมกับทูลถามอย่างระมัดระวัง
“นางถูกข้าจับโยนลงแม่น้ำ”
จี้อู๋เจวี๋ยทรงตรัสด้วยน้ำเสียงด้วยความพิโรธที่เห็นได้ชัด สายพระเนตรที่ทรงมองลู่ยุ๋นหลัวกลับทรงไม่เป็นมิตรยิ่งกว่า
ลู่ยุ๋นหลัวสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
ชายคนนี้ดึกดื่นเที่ยงคืนยามสามมาที่ตำหนักเย็นและจับหลันกุ้ยเหรินโยนลงแม่น้ำ ?
ถ้านางจำไม่ผิด หลันกุ้ยเหรินผู้นี้นอนอยู่ในห้องนอนของนางไม่ใช่เหรอ ?
เชี่ย !
เป็นไปได้ไหมว่าจี้อู๋เจวี๋ยคนนี้ต้องการจับลู่ยุ๋นหลัวเองโยนลงแม่น้ำ ?
หรือว่าหลันกุ้ยเหรินก็แค่ดวงตกเท่านั้น ?
มารับเคราะห์แทนนาง ?
ลู่ยุ๋นหลัวยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยที่จ้องมองนางจนตัวสั่นขนลุกขนชันไปทั้งตัว
ราวกับว่านางได้ทำอะไรผิดลิขิตฟ้าที่ยิ่งใหญ่อันมหันต์
นางคิดดูแล้ว ช่วงไม่กี่วันนี้นางก็ไม่ได้ไปยุแหย่อะไรเขาเลย ?
นางคุ้มค่าถึงขนาดที่ต้องจับนางโยนลงในช่วงกลางคืนดึกดื่นยามสามเลยเหรอ ?
ลู่ยุ๋นหลัวคิดไม่ตก แต่อย่างน้อยนางก็คิดได้ว่าในตอนนี้ นางควรจะปกป้องรักษาชีวิตน้อย ๆ ของนางให้ดี
นางรีบยิ้มประจบสอพลอในทันที "ฝ่าบาท ผ่าบาททรงยืนมานานคงเหนื่อยแล้วกระมังคะ เชิญเสด็จเข้ามาก่อนสิเพคะ หยินซวาง เจ้ารีบไปชงชาดี ๆ สักกามาถวายฝ่าบาท"
ลู่ยุ๋นหลัวก็ยังเรียกคนอีกสองสามคนไปที่สระบัวด้านหลังเพื่อช่วยเหลือหลันกุ้ยเหรินทันที ขณะที่นางกำลังจะไปพร้อมกับคนอื่น ๆ จี้อู๋เจวี๋ยก็ทรงเรียกหยุดนางเอาไว้
"กลับมา เจ้าไม่ต้องไป" จี้อู๋เจวี๋ยทรงมองอย่างเย็นชาไปที่ร่างเงานั้นที่กำลังแอบย่องจากไปอย่างเงียบเชียบ ซึ่งน้ำเสียงของพระองค์ก็ยากที่นางจะปฏิเสธได้
ลู่ยุ๋นหลัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันกลับมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าของนาง "เพคะ ฝ่าบาท"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น
รออัพค่าาาา...
รออัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ มาส่องทุกวัน รอทุกวันค่ะ...
อยากให้ท่านอ๋องเฉินเป็นพระเอกจัง ส่วนฮ่องเต้นั่น ก็คู่สนมเหยาเถอะ โปรดปราณกันจนาดนั้น...
ฝ่าบาทผีอะไรเข้าสิงมาอี้กกกก...
555555...
รวยๆๆๆๆๆ...
เอาแล้วววว 55555...
555555...
มาต่อหน่อยค่า...
รบกวนอัพต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ...