ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น นิยาย บท 128

หลันกุ้ยเหรินคิดว่าลู่ยุ๋นหลัวจะต้องปฏิเสธนาง ดังนั้นนางจึงรีบหยิบแท่งทองหยวนเป่าส่องแสงเรืองรองออกมาจากบริเวณอกอย่างรวดเร็ว "เสด็จพี่ ข้าไม่มีทางมากินดื่มที่นี่โดยให้เสด็จพี่เสียเปล่าแน่นอน"

"ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่เงินทอง..." ลู่ยุ๋นหลัวต้องการจะบอกว่าตำหนักเย็นของนางไม่มีห้องสำหรับรองรับแขก ถ้านางอยากจะอยู่ต่อ นางจะต้องเบียดนอนบนเตียงใหญ่ร่วมกับลู่ยุ๋นหลัว

“แกร็ก” เสียงของถุงสีทองแวววาวอีกถุงก็ถูกโยนออกมา

คำพูดของลู่ยุ๋นหลัวที่อยู่ตรงปากก็ถูกกลืนลงไปทันที

"เสด็จพี่ลองดูว่าพอมั๊ยเพคะ ? หากไม่พอเดี๋ยวข้าจะส่งคนกลับไปที่วังเพื่อยกมาให้อีกหีบ " หลันกุ้ยเหรินเห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวยังคงไม่พูดอะไรอยู่นานก็คิดว่าเป็นเพราะให้ทองไม่มากพอ

มุมปากของลู่ยุ๋นหลันกระตุกเล็กน้อย หลันกุ้ยเหรินที่แท้ก็อวดรวย !

คนที่บ้านมีเหมืองทองนั้นแตกต่างยิ่งนัก

แม้แต่หน่วยเรียกทองคำก็ยังเริ่มใช้สรรพนามที่คำว่าหีบ

“เสด็จพี่ ลองดูให้เสด็จน้องหน่อยเพคะ ว่าพอจะนอนที่นี่ได้รึไม่ ?” หลันกุ้ยเหรินถามอย่างกระตือรือร้น

ลู่ยุ๋นหลัวยิ้มให้หลันกุ้ยเหรินด้วยอัธยาศัยที่เป็นกันเอง "แน่นอนว่าต้องอยู่ได้อยู่แล้ว !"

"หยินซวาง เจ้ารีบไปจัดแจงห้องของข้าให้หลันกุ้ยเหรินที"

ต่อให้คืนนี้นางต้องนอนบนพื้น นางก็ต้องดูแลเศรษฐีนีผู้นี้ให้ดีที่สุด

กลางดึก

พระจันทร์สีเงินลอยขึ้นสูง

เพื่อเป็นการดูแลเศรษฐีนีหลันกุ้ยเหรินผู้นี้ให้ดีที่สุด ลู่ยุ๋นหลัวตั้งใจสละห้องของนางเองและไปนอนที่ห้องของหยินซวางแทน

ในเวลานี้ ทุกคนก็หลับใหลเข้าสู่นิทรา

ลู่ยุ๋นหลัวเองก็หลับสนิทเช่นกัน

ทันใดนั้นก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาอย่างยิ่ง

ลู่ยุ๋นหลัวขมวดคิ้วและลุกขึ้น ทำไมเสียงร้องนี้ถึงเหมือนเสียงของหลันกุ้ยเหริน ?

นางรีบสวมเสื้อผ้าแล้วออกไปทันที

ตะเกียงของพระราชวังทั้งภายในและภายนอกห้องบรรทมถูกจุดสว่างทั้งหมด

ทันทีที่นางออกมาก็พบกับหยินซวางและแม่นมโจว

หลังจากทั้งสองเห็นว่าลู่ยุ๋นหลัวปลอดภัยดี ทั้งสองก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ขบวนผู้คนที่ยาวเป็นแถวรีบไปที่ห้องของหลันกุ้ยเหริน

ที่ประตู มีชายคนหนึ่งสวมฉลองพระองค์สีม่วงครามทองลายมังกรยืนมองนางด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง

ลู่ยุ๋นหลัวเมื่อเห็นผู้มาเยือนก็ผงะไปเล็กน้อย จี้อู๋เจวี๋ย?

"ช่วยด้วย ฮือ ฮือ ฮือ... มีใครอยู่บ้าง ? ช่วยข้าด้วย "

เสียงร้องขอความช่วยเหลืออันแสนเศร้าอ้างว้างของหลันกุ้ยเหรินที่ผสมก็เสียงร้องห่มร้องไห้ดังมาจากไกล

สายตาของผู้คนต่างจับจ้องไปที่จี้อู๋เจวี๋ย

"ฝ่าบาท หลันกุ้ยเหริน นาง..." ลู่ยุ๋นหลัวมองจี้อู๋เจวี๋ยที่พระพักตร์ขณะนี้ช่างไม่เป็นมิตร พร้อมกับทูลถามอย่างระมัดระวัง

“นางถูกข้าจับโยนลงแม่น้ำ”

จี้อู๋เจวี๋ยทรงตรัสด้วยน้ำเสียงด้วยความพิโรธที่เห็นได้ชัด สายพระเนตรที่ทรงมองลู่ยุ๋นหลัวกลับทรงไม่เป็นมิตรยิ่งกว่า

ลู่ยุ๋นหลัวสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

ชายคนนี้ดึกดื่นเที่ยงคืนยามสามมาที่ตำหนักเย็นและจับหลันกุ้ยเหรินโยนลงแม่น้ำ ?

ถ้านางจำไม่ผิด หลันกุ้ยเหรินผู้นี้นอนอยู่ในห้องนอนของนางไม่ใช่เหรอ ?

เชี่ย !

เป็นไปได้ไหมว่าจี้อู๋เจวี๋ยคนนี้ต้องการจับลู่ยุ๋นหลัวเองโยนลงแม่น้ำ ?

หรือว่าหลันกุ้ยเหรินก็แค่ดวงตกเท่านั้น ?

มารับเคราะห์แทนนาง ?

ลู่ยุ๋นหลัวยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเนตรของจี้อู๋เจวี๋ยที่จ้องมองนางจนตัวสั่นขนลุกขนชันไปทั้งตัว

ราวกับว่านางได้ทำอะไรผิดลิขิตฟ้าที่ยิ่งใหญ่อันมหันต์

นางคิดดูแล้ว ช่วงไม่กี่วันนี้นางก็ไม่ได้ไปยุแหย่อะไรเขาเลย ?

นางคุ้มค่าถึงขนาดที่ต้องจับนางโยนลงในช่วงกลางคืนดึกดื่นยามสามเลยเหรอ ?

ลู่ยุ๋นหลัวคิดไม่ตก แต่อย่างน้อยนางก็คิดได้ว่าในตอนนี้ นางควรจะปกป้องรักษาชีวิตน้อย ๆ ของนางให้ดี

นางรีบยิ้มประจบสอพลอในทันที "ฝ่าบาท  ผ่าบาททรงยืนมานานคงเหนื่อยแล้วกระมังคะ เชิญเสด็จเข้ามาก่อนสิเพคะ หยินซวาง เจ้ารีบไปชงชาดี ๆ สักกามาถวายฝ่าบาท"

ลู่ยุ๋นหลัวก็ยังเรียกคนอีกสองสามคนไปที่สระบัวด้านหลังเพื่อช่วยเหลือหลันกุ้ยเหรินทันที ขณะที่นางกำลังจะไปพร้อมกับคนอื่น ๆ จี้อู๋เจวี๋ยก็ทรงเรียกหยุดนางเอาไว้

"กลับมา เจ้าไม่ต้องไป" จี้อู๋เจวี๋ยทรงมองอย่างเย็นชาไปที่ร่างเงานั้นที่กำลังแอบย่องจากไปอย่างเงียบเชียบ ซึ่งน้ำเสียงของพระองค์ก็ยากที่นางจะปฏิเสธได้

ลู่ยุ๋นหลัวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันกลับมาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าของนาง "เพคะ ฝ่าบาท"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ายุ่งอยู่กับทํานาในตำหนักเย็น