“จะยืนอยู่อีกนานไหม..ไอรดา” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติเด็กสาวที่ยืนทำหน้างงอยู่ ร่างบางสมส่วนดูเป็นผู้ใหญ่ถึงจะอยู่ในชุดนักศึกษา ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปสติกสีส้มอมชมพู แก้มเนียนถูกปัดด้วยบรัชออนสีพีช ผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกดัดเป็นลอนและจัดทรงเข้ากับรูปหน้า รองเท้าส้นสูงขนาด5นิ้วโชว์เท้าเรียวเล็กเสริมลุคให้ดูเฉี่ยวและสะดุดสายตาคนมอง หนึ่งในนั้นก็รวมชายหนุ่มตรงหน้าด้วย
“ที่นี่บริษัทคุณหมอหรอกเหรอคะ” คำถามที่รู้คำตอบดีอยู่แล้วแต่สมองซีกซ้ายก็สั่งการให้เธอถามคำถามนั้นออกไป
“คราวหลังควรศึกษาประวัติเจ้าของบริษัทที่จะเข้าทำงานบ้างนะ”
“ค่ะ ขอโทษค่ะ” เสียงกระเง้ากระงอดตอบกลับ ใบหน้าง้ำงอก้มลงมองพื้น
“นั่นโต๊ะทำงานของคุณ ต่อไปเรียกผมว่ากองทัพอยู่ที่นี่ผมไม่ใช่หมอ” นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังโต๊ะทำงานตัวใหม่ที่กองทัพสั่งเอกเลขาคนสนิทจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวาน รวมถึงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องเล็กและไอแพดสีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดที่วางอยู่บนโต๊ะด้วย
“หนูต้องฝึกงานที่ห้องนี้เหรอคะ” รดาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยขณะที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้และเก็บกระเป๋าสะพายไว้ในลิ้นชักข้างโต๊ะให้เรียบร้อย
“ไม่อยากฝึกที่นี่” คิ้วดกดำเลิ่กขึ้นเชิงเป็นคำถามสีหน้าเรียบนิ่งขึ้นเล็กน้อย
“เปล่าค่ะ หนูแค่คิดว่าจะได้ฝึกงานแผนกการตลาด..แล้วหนูต้องทำอะไรบ้างคะถ้าฝึกงานที่ห้องนี้”
“ทำทุกอย่างที่ผมสั่ง” คิ้วเรียวเล็กขมวดเข้าหากันอีกครั้งเมื่อได้ยินคำตอบของชายหนุ่ม ดวงตากลมโตจ้องหน้าคนตรงหน้าเขม็งอย่างไม่เข้าใจตอบ
“ผู้ช่วยเลขา ผมให้คุณฝึกงานตำแหน่งผู้ช่วยเลขา เอกจะสอนงานคุณทุกอย่าง ย้ำว่าทุกอย่างที่เอกทำหรือจะเรียกง่ายๆ ว่าผมทำอะไรคุณต้องรู้และตามผมไปทุกที่ที่ผมไป..เพราะอนาคตข้างหน้าคุณต้องทำงานแทนเอก” กองทัพเน้นเสียงประโยคในช่วงท้าย
“ผู้ช่วยเลขา เด็กฝึกงานฝึกตำแหน่งนี้ได้ด้วยเหรอคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ผมเป็นเจ้าของบริษัทและผมก็พิจารณาคุณสมบัติคุณแล้ว คุณสามารถพูดได้3ภาษา ผลการเรียนได้เกรด Aทุกวิชา และที่สำคัญวันนั้นคุณทำข้อสอบของผมได้คะแนนสูงสุด ตรงไหนที่บอกคุณไม่มีความสามารถ” รดานั่งนิ่งในหัวตอนนี้ตีกันไปหมดไม่รู้ว่าจะดีใจหรือตกใจที่ได้มาฝึกงานตำแหน่งสำคัญแถมเป็นผู้ช่วยเลขาของคุณหมอหนุ่มนี่สิ
“แล้วทำไมโต๊ะหนูอยู่ข้างในล่ะคะ ปกติโต๊ะของเลขาต้องอยู่หน้าห้องไม่ใช่เหรอคะ”
“หน้าห้องไม่มีพื้นที่” เสียงทุ้มตอบออกไปข้างๆ คูๆ ปั้นหน้าเรียบนิ่งยกแก้วกาแฟที่เย็นเฉียบขึ้นดื่มจนหมดแก้วทั้งที่ปกติไม่ชอบดื่มกาแฟเย็น รดาแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเพราะกลัวจะโดนดุ มือเล็กจึงเปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กขึ้นและกดเปิดเครื่อง
“เอกสารรายละเอียดงานทั้งหมดของบริษัทเอกเซฟลงเครื่องให้เรียบร้อยแล้ว อ่านและทำความเข้าใจถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถาม” โฟลเดอร์ขนาดไฟล์หลาย MB ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ นิ้วเรียวเล็กคลิกเมาส์เพื่อเปิดโฟลเดอร์ เมื่อกดเข้าไปก็เจอกับ pdf.file หลายสิบไฟล์ล้วนเป็นข้อมูลสำคัญของบริษัททั้งนั้น รดานั่งอ่านและศึกษาข้อมูลอย่างตั้งใจและจดแลคเชอร์ลงไอแพดตรงข้อมูลจุดที่สำคัญเพื่ออ่านทบทวนอีกครั้ง
สายตาคมเข้มของชายหนุ่มเจ้าของห้อง เหลือบมองเด็กสาวเป็นระยะสลับกับอ่านเอกสารในมือที่บางแผ่นต้องอ่านซ้ำถึงสามรอบเพราะไม่มีสมาธิเนื่องจากในห้องมีสิ่งที่รบกวนสมาธิค่อนข้างมากพอสมควร
“คุณกองทัพคะ แล้วถ้ารถลูกค้ามีปัญหาเราสามารถซ่อมให้ลูกค้าที่เมืองไทยได้เลยไหมคะหรือต้องส่งไปบริษัทผู้ผลิตที่ต่างประเทศ” รดาละสายตาจากหน้าจอตรงหน้า เอี้ยวหมุนตัวไปทางชายหนุ่มเมื่ออ่านเอกสารแผนกช่างเซอร์วิสแล้วมีคำถามสงสัยจึงเอ่ยถามออกไป
“รถที่เราขายให้ลูกค้าทุกคันเราสามารถซ่อมและดูแลให้ลูกค้าได้ที่นี่เพราะบริษัทของเรามีทีมวิศวกรที่มีความรู้ความชำนาญเรื่องเครื่องยนต์ของรถแต่ละยี่ห้อ บริษัทของเราได้ส่งทีมวิศวกรไปเรียนระบบเครื่องยนต์จากผู้ผลิตของรถทุกรุ่นก่อนที่จะนำเข้ามาจำหน่ายที่ประเทศไทยและทุกสาขาทั่วเอเชีย” เมื่อได้ฟังคำตอบของกองทัพรดาก็อดชื่นชมไม่ได้ บริษัทมีการจัดการและวางแผนธุรกิจอย่างดีเยี่ยม ซึ่งต่างจากหลายๆ ที่ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถหรูหลายรุ่นรวมถึงซูเปอร์คาร์ระดับแนวหน้าของโลกที่นำเข้ามาจำหน่ายแต่ไม่มีเซอร์วิสให้ลูกค้า เมื่อไหร่ที่รถเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหายหรือเครื่องยนต์มีปัญหาก็ต้องส่งรถไปเช็กและซ่อมที่ศูนย์ผู้ผลิตที่ต่างประเทศซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบริษัทของชายหนุ่มถึงเติบโตได้เร็วขนาดนี้ทั้งที่พึ่งเปิดดำเนินกิจการได้ไม่กี่ปี
12:00 น.
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นเมื่อนาฬิกาบนฝาผนังเข็มสั้นและเข็มยาวชี้ที่เลข12
“อาหารกลางวันครับนาย” เอกเลขาคนสนิทของชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับแม่บ้านถือถาดอาหารในมือวางลงโต๊ะกระจกหน้าโซฟารับแขกที่วันนี้เปลี่ยนเป็นโต๊ะอาหารกลางวัน
“ขอบใจ งานที่โรงพยาบาลเรียบร้อยใช่ไหม” วันนี้ตามตารางงานแล้วกองทัพต้องเข้าไปทำงานที่โรงพยาบาล แต่ด้วยความที่วันนี้รดามาฝึกงานที่นี่วันแรกเขาจึงต้องอยู่ต้อนรับเด็กสาวด้วยตัวเองทั้งที่ความเป็นจริงให้เอกอยู่ทำงานที่นี่แทนแล้วตัวเขาเข้าไปเคลียร์งานที่โรงพยาบาลเองก็ได้ แต่กองทัพก็เลือกที่จะอยู่ทำงานที่นี่มากกว่าให้เลขาอยู่
“เรียบร้อยครับ ใบเสนอราคาของบริษัทผู้ผลิตยารายใหม่ผมส่งให้คุณกองทัพทางอีเมลแล้วนะครับ”
เมื่อแม่บ้านจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เดินกลับออกไป ภายในห้องเหลือเพียงชายหนุ่มเจ้าของห้องและเด็กฝึกงานเพียงสองคนแค่นั้น
“จะไปไหน” เท้าเล็กหยุดชะงักทันทีเมื่อเสียงเรียบตะโกนถามขณะที่เท้าเล็กกำลังเดินมุ่งหน้าผ่านโซฟาไปทางประตูหน้าห้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอที่รัก