3 เดือนผ่านไป
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นรดาก็เว้นระยะห่างกับกองทัพมากขึ้น วางตัวในฐานะเจ้านายกับลูกน้องอย่างเคร่งครัด กองทัพแสดงอาการไม่พอใจเวลาที่ถูกคนตัวเล็กสร้างกำแพงกั้นทุกครั้งที่ตนพยายามเดินเข้าหาแต่เด็กสาวพยายามถอยออก เหมือนขั้วบวกขั้วลบที่อีกคนออกแรงดึงแต่อีกคนออกแรงผลัก
รดาฝึกงานที่บริษัทGTในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาจบครบกำหนด3เดือนตามระเบียบของมหาวิทยาลัย และวันนี้เป็นวันทำงานวันสุดท้ายในฐานะนักศึกษาก่อนที่จะกลับไปนำเสนอวิทยานิพนธ์และทำเรื่องจบการศึกษา
“รดาเข้ามาหาผมหน่อย”
“ค่ะ” ร่างบางในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเปิดประตูเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าชายหนุ่มที่มีโต๊ะทำงานกั้นอยู่
“เอกสารผ่านฝึกงานของคุณผมเซ็นให้แล้ว” ซองสีน้ำตาลขนาดA4 ถูกยื่นมาตรงหน้าเด็กสาว
“ขอบคุณค่ะ” รดาหยิบซองเอกสารขึ้นมาถือไว้ในมือและกำลังเอี้ยวตัวหันหลังกลับก็มีเสียงเรียกเสียงดังขึ้น
“เดี๋ยว ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“คะ คุณมีอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ”
“เรื่องทำงานต่อที่นี่หลังเรียนจบ ผมจะจ้างคุณทำงานที่นี่ในตำแหน่งเลขาของผมทันทีที่คุณเรียนจบ เงินเดือนก็จ่ายให้ตามความสามารถเดือนละห้าหมื่นบาทพร้อมสวัสดิการต่างๆ ที่บริษัทจัดให้ คุณจะว่ายังไง” รดายืนนิ่งอึ้งไม่คิดว่าชายหนุ่มจะรับเธอเข้าทำงานต่อที่นี่จริงๆ เพราะตลอดระยะเวลาที่ฝึกงานที่นี่สามเดือนเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย จนมาวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอฝึกงานที่นี่และเป็นหนึ่งชั่วโมงสุดท้ายของวันนี้ด้วยซ้ำ ก่อนที่เธอจะก้าวขาเดินออกจากบริษัทนี้ไปและอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาเหยียบที่นี่อีก
“ไอรดา ผมรอคำตอบอยู่” กองทัพที่นั่งรอลุ้นคำตอบสีหน้าเคร่งเครียดเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อรดายังยืนนิ่งไม่ยอมให้คำตอบสักที
“ตกลงค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสหนู”
ไอรดา ธนากิจโรจน์ จากนักศึกษาฝึกงานวันนี้ก้าวเข้ามาเป็นพนักงานบริษัทGTในตำแหน่งเลขารองประธานบริษัท ความสามารถที่โดดเด่นทำให้เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายโดยไร้ข้อกังขา
“ยินดีต้อนรับค่ะน้องรดา” พนักงานแผนกต้อนรับกล่าวทักทายหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
“ขอบคุณค่ะพี่ส้ม”
วันแรกของการทำงานในฐานะพนักงานของบริษัท และวันแรกในรอบเกือบหนึ่งเดือนที่รดาไม่ได้มาเหยียบที่นี่ หลังจากที่ฝึกงานเสร็จวันนั้นเธอก็ต้องกลับไปที่มหาวิทยาลัยเพื่อนำเสนอวิทยานิพนธ์และทำเรื่องจบการศึกษา และเป็นไปตามคาดนางสาวไอรดา ธนากิจโรจน์ จบการศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง
ติ๊ง เสียงดังเตือนเมื่อลิฟต์ขึ้นมาถึงชั้นจุดหมาย
“คุณเอก สวัสดีค่ะ” รดายกมือไหว้เลขารุ่นพี่อย่างมีมารยาท
“ครับ คุณรดามาแล้วเหรอครับ เชิญนั่งรอด้านในก่อนครับผมขอเคลียร์งานด่วนตรงนี้สักครู่”
“ค่ะ” เมื่อรดาเปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอกับบรรยากาศที่คุ้นตา ทุกอย่างยังถูกจัดวางอยู่ที่เดิมรวมทั้งโต๊ะทำงานของเธอด้วย แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือแจกันที่มีดอกไม้สีขาวเสียบอยู่หนึ่งช่อ ดอกแกลดิโอลัสสีขาวสดวางอยู่มุมขวาของโต๊ะทำให้บรรยากาศในห้องดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณรดาครับ นี่เป็นเอกสารที่ค้างอยู่คุณกองทัพให้ผมส่งให้คุณทำต่อครับ ลองอ่านรายละเอียดดูถ้าติดตรงไหนถามผมได้ครับ” แฟ้มเอกสารสีดำสี่แฟ้มถูกวางลงตรงหน้าหญิงสาว รดาหยิบมาเปิดอ่านทีละแฟ้มอย่างตั้งใจจนเวลาผ่านไปเกือบ10โมง
“ทำไมยังไม่มาทำงานอีกนะ วันนี้วันอังคารปกติก็ต้องเข้าบริษัทนี่” รดาบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อยังไม่เห็นชายหนุ่มเจ้าของห้อง
“เอ่อ..คุณเอกคะ”
“ว่าไงครับ ไม่เข้าใจตรงจุดไหนเหรอครับ”
“อ้อ..เปล่าคะ คือวันนี้คุณกองทัพไม่เข้าบริษัทเหรอคะ” หลังจากที่นั่งคิดอยู่สักพักว่าจะโทรหาชายหนุ่มดีหรือไม่ ถ้าโทรไปจะถามเขาว่าอะไร สุดท้ายก็ต้องวางโทรศัพท์ลงที่เดิมและเดินออกจากห้องมาถามเอกที่น่าจะให้คำตอบกับเธอได้
“วันนี้คุณกองทัพติดประชุมสำคัญที่โรงพยาบาลครับ น่าจะเข้ามาช่วงบ่ายครับ” เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการแล้วรดาก็กลับไปนั่งทำงานต่อที่โต๊ะจนถึงเที่ยง
“ตัวแสบ มาทำงานไม่บอกพี่เลยนะ”
“พี่ทัพบก รดาคิดถึงจังเลยค่ะ” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มตัวสูงที่ยืนอ้าแขนรออยู่ก่อน
“เอาตัวรอดเก่ง เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันพี่มีร้านใหม่จะแนะนำ รับรองว่าอร่อยมาก” วงแขนแกร่งพาดบนไหล่มนเดินออกจากห้องตรงไปยังลิฟต์ ระหว่างนั้นประตูลิฟต์ก็เปิดออก กองทัพหิ้วของพะรุงพะรังเต็มสองมือ
“จะไปกินข้าวกันเหรอ” กองทัพถามขึ้นพอเป็นพิธี ไม่ได้ตั้งใจเจาะจงเอาคำตอบ สายตายังมองบุคคลทั้งสองตรงหน้าดูสนิทสนมกันถึงขั้นกอดคอ มือสองข้างกำถุงในมือแน่นรีบสาวเท้าเดินตรงเข้าห้องทำงาน
ปั๊ก! ถุงข้าวและขนมที่ซื้อมาหวังจะมาทานมื้อกลางวันกับเด็กสาวถูกวางกองไว้โต๊ะกระจกตรงโซฟาอย่างไม่ใยดี
1 ชั่วโมงก่อน
“ศาสตราจารย์จะทานมื้อกลางวันที่นี่ไหมครับ ผมจะได้ให้คนเตรียมไว้” ศิตผู้ช่วยอีกคนถามขึ้นเมื่อการประชุมแล้วเสร็จขณะที่กองทัพกำลังเดินออกจากห้องประชุม
“ไม่ครับ เดี๋ยวผมแวะทานข้างนอก ผมมีเอกสารสำคัญต้องรีบเข้าไปเซ็น” เมื่อคว้ากุญแจรถยนต์คันหรูได้ก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปชั้นล่าง เมื่อลงมาถึงลานจอดรถก็สตาร์ตขับออกไปด้วยความเร็ว
ระหว่างทาง
“ฮัลโหลไอ้นที ตอนนี้มึงอยู่ที่ร้านไหม”
“อยู่มึงมีอะไร ทำเสียงหอบๆ แล้วตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน”
“กูพึ่งประชุมที่โรงพยาบาลเสร็จกำลังจะเข้าบริษัท มึงช่วยบอกเชฟทำอาหารให้กูสองสามอย่างสิ อีกครึ่งชั่วโมงกูจะแวะเข้าไปเอา”
“สั่งอาหารไปทำไมตั้งหลายอย่าง สั่งไปเผื่อพี่ชายมึงด้วยหรือไง” นทีถามกลับกวนๆ
“เผื่อมันทำไม ไอ้ทัพบกมันโตแล้ว มันหากินเองได้”
“แล้วมึงสั่งไปเผื่อใครวะ หรือมึงมีนัดกับสาวที่ไหน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณหมอที่รัก