ในขณะที่ชาร์ลีนึกถึงตอนที่เขาพบจัสมินครั้งแรกอยู่นั้น เขาก็ยังรู้สึกด้วยว่า นี่เป็นประสบการณ์ที่ชวนให้รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
ในครั้งนั้น ถ้าเขาไม่ได้ไปที่ร้านขายของเก่า เดอลุคซ์กับพ่อตา เขาก็คงจะไม่มีโอกาสได้รับคัมภีร์เล่มนั้น
ถ้าไม่มีคัมภีร์เล่มนั้น เขาก็คงเป็นได้แค่นายเวด ไม่ใช่ปรมาจารย์เวดอย่างทุกวันนี้
ถ้านำมาเปรียบเทียบกันแล้ว เขายังพอใจกับคำนำหน้าว่าปรามาจารย์เวด ซึ่งต้องแลกมาด้วยพละกำลังและความสามารถของเขา ส่วนคำว่านายเวดนั้น ไม่ได้บ่งบอกอะไรนอกจากนามสกุลของเขาเท่านั้น เบื้องหลังคำนำหน้าชื่อว่านายเวดนั้นไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถของตัวเองเลย มีแต่บ่งบอกถึงความสามารถของตระกูลเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดนั้น เป็นสิ่งที่ถูกลิขิตให้เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว
เขาถูกลิขิตให้รู้จักกับจัสมิน และยังถูกลิขิตให้ครอบครองคัมภีร์เล่มนั้นด้วย
เขาหันไปหาจัสมิน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "พูดตามตรงนะครับ เวลาที่คนคนหนึ่งได้พบกับอีกคนหนึ่งนั้น เป็นการพบกันที่พรหมลิขิตได้กำหนดเอาไว้ บางทีหลายสิ่งหลายอย่างก็ถูกลิขิตให้เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้มาก่อน"
จัสมินหน้าแดงด้วยความเขินอาย แล้วถามขึ้นในโทนเสียงต่ำ ๆ ว่า "คุณกำลังบอกว่าเราลิขิตให้พบกันเหรอคะ? นี่เป็นพรหมลิขิตจริง ๆ หรือคะ?”
“ใช่แล้วครับ" ชาร์ลีตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น "ต้องใช้เวลานับร้อย ๆ ปีในการสวดมนต์ภาวนา กว่าจะได้นั่งเรือข้ามแม่น้ำกับใครสักคนหนึ่ง แต่นั่นเป็นเพียงโชคชะตาของคนคุ้นเคยกันที่ได้นั่งเรือลำเดียวกัน ซึ่งกว่าจะเปลี่ยนจากคนรู้จักให้กลายเป็นเพื่อนได้ ก็ต้องรอพรหมลิขิตอีกสองหรือสามร้อยปีเลย คุณว่าอย่างนั้นไหม?”
จัสมินพยักหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ปรมาจารย์เวดคะ คุณชอบพูดอะไรที่ฟังดูลึกลับอยู่เรื่อยเลย คนที่มีจิตใจดีเช่นคุณเชื่อในเรื่องโชคชะตาและพรหมลิขิตด้วยเหรอคะ?”
ชาร์ลียิ้มแล้วพูดว่า "เมื่อก่อนผมไม่เคยเชื่อในเรื่องนี้เลย แต่หลังจากที่ผมเจออะไรบางอย่างเข้า ผมก็ค่อย ๆ มีความเชื่อในเรื่องนี้"
จากนั้นเขาก็โบกไม้โบกมือแล้วโพล่งออกมาว่า "หยุดคุยกันเรื่องนี้เถอะครับ มันออกจะน่าเบื่อ มาคุยเรื่องของคุณกันดีกว่า ตอนนี้คุณได้เป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลมัวร์แล้ว คุณมีแผนที่จะทำอะไรต่อไปครับ?”
จัสมินเปลี่ยนน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังขึ้น แล้วพูดว่า "ฉันเชื่อว่าตอนนี้หลาย ๆ คนต้องรู้สึกไม่พอใจที่ฉันได้เป็นหัวหน้าครอบครัว ฉันจึงต้องการเวลาสักพักในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งที่ได้รับ และนำพาครอบครัวให้ก้าวเดินไปข้างหน้า ถ้าหากอาณาจักรธุรกิจของเรามีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้การดำเนินงานของฉัน และสามารถสร้างรายได้ให้กับสมาชิกครอบครัวคนอื่น ๆ ได้มากขึ้น ฉันก็แน่ใจว่านั่นจะทำให้พวกเขาเกิดความเชื่อมั่นในความสามารถของฉัน และหันมาสนับสนุนฉันในที่สุด"
ชาร์ลีพยักหน้าเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังสบาย ๆ ว่า "คุณคิดได้ตรงประเด็นมาก สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาแค่ต้องการทำเงินให้ได้มากขึ้นเท่านั้น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ
รออ่านตอน 1601 อยู่นะครับ...จะมีไม่ครับ?...
นอกจากแปลมั้วแล้วลงไม่สุดอีกตายๆ...
ตกลงจะเอาสกุลเงินบาทหรือดอลลาร์กันแน่ครับแปลมั้วไปหมด...
เมื่อไหร่ยัยเอเลนจะตายครับรู้สึกรำคาณชิบหาย...
จะมีให้อ่านต่อ 1600+ ไหมคับ...