กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 542

สิ่งเดียวที่น่าปีติยินดีก็คือ เยี่ยจิ่งหานกับจอมมารยังรู้จักแยกแยะ รู้ว่าควรประชันฝีมือตรงมุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นมุมที่ห่างไกลออกไป
พวกสีชิ่นกับไป๋จิ่นมองเยี่ยจิ่งหานกับจอมมารต่อสู้กันแบบห้ามไม่อยู่ นัยน์ตาพลันสะท้อนแสงการครุ่นคิด
การชุมนุมกลั่นยาเริ่มขึ้น เพราะคนของตันหุยกู่เกรงว่าจะมีคนแอบฝึกวิชากลั่นยา จึงทำผนังขวางกั้น สามารถมองเห็นเพียงกระถางสำริดสามขา ไม่เห็นวิธีกลั่นยา
เท่ากับว่า.......ต้องนั่งรอให้กลั่นยาเสร็จ
แม้นทุกคนจะชะเง้อหน้ามอง เพื่ออยากรู้ว่านักกลั่นโอสถใช้วิธีการใด ซึ่งหากได้ความรู้จุดนี้ไป ย่อมต้องกลายเป็นคนเลื่องชื่อในปฐพี
"ผู้อาวุโสหก ผู้อาวุโสเจ็ดและผู้อาวุโสไป๋เฉ่ามาถึงแล้ว......."
ประโยคเดียวทำเอาดึงดูดสายตาผู้คนยิ่งนัก
โดยเฉพาะเผ่าเพลิงฟ้า
คนเผ่าเพลิงฟ้าได้ยินคำว่าเผ่าหยกสองพยางค์ ดวงตาพลันลุกโชนไปด้วยไอสังหาร
แม้นรองหัวหน้าเผ่าซือคงจะกลบเกลื่อนเพียงใด ทว่าก็ไม่อาจกลบเกลื่อนกลิ่นอายสังหารที่แผ่ซ่านออกมาเรือนร่างได้
คนเผ่าน้ำแข็งเลิกคิ้ว มองเผ่าหยกในตำนานอย่างสนใจ
หออันดับหนึ่งในใต้หล้าก็เช่นกัน
เพราะเผ่าหยกหายสาบสูญไปนาน
นานจนเกือบคิดว่าเผ่าหยกดับสูญแล้ว
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานรู้สึกครื้นเครง รีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วไปต้อนรับโดยพลัน "อุ๊ย ผู้อาวุโสหก ผู้อาวุโสเจ็ด ผู้อาวุโสไป๋เฉ่า พวกท่านมาเยือนนับเป็นเกียรติของพวกข้าตันหุยกู่ยิ่ง"
ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเจ็ดดื่มสุราเพียงใด ตอนนี้จึงอยู่ในอาการเมามาย หากไม่มีชาวเผ่าหยกช่วยประคอง คาดว่าคงล้มลงตั้งนานแล้ว
ผู้อาวุโสหกกล่าว "มีธุระระหว่างทางเล็กน้อย ทำให้มาสาย ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานโปรดให้อภัย......."
ผู้อาวุโสหกพูดไปพลาง กวาดสายตามองทั่วงานไปพลาง ทันใดนั้นก็เห็นคนเผ่าเพลิงฟ้า ท่าเขาจึงแปรเปลี่ยนไป
"ทำไมเผ่าเพลิงฟ้าจึงอยู่ที่นี่?"
รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็กล่าวว่า "ไยเผ่าหยกจึงอยู่ที่นี่?"
ชิว ๆ ๆ ๆ.......
คนเผ่าหยกเว้นเสียแต่เหวินเส่าอี๋แล้ว นอกนั้นก็ยืนขึ้นชักดาบปะทะกับเผ่าหยกกันหมด
ผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานรู้สึกปวดหัวอีกครั้ง
ลือกันว่าเผ่าเพลิงฟ้ากับเผ่าหยกมีบุญคุณความแค้นต่อกัน ไม่อาจร่วมโลกได้ ยามนี้เห็นทีคงเป็นคำร่ำลือ
ตอนที่พวกเขาส่งเทียบเชิญไปให้เผ่าหยก คิดไม่ถึงว่าเผ่าหยกจะมาจริง ๆ เพราะพวกเขาส่งทุกวัน ทว่าเผ่าหยกก็ไม่ได้มาทุกปี และเผ่าเพลิงฟ้าก็ลักษณะเดียวกัน
วันนี้กลับพลิกผัน เผ่าเพลิงฟ้ามา เผ่าหยกก็มาเช่นกัน เขาจะจัดการเรื่องนี้เช่นไรดี?
เมื่อศัตรูเจอหน้ากันก็จะเดือดดาลยิ่ง โดยเฉพาะผู้อาวุโสหกกับรองหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าล้วนเป็นคนใจร้อนด้วยกันทั้งคู่ จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่ไว้หน้าผู้นำแห่งหุบเขาน่าหลานเลยสักนิด
วันนี้กล้าออกมาแล้วรึ ฮ่า ๆ ๆ
ผู้อาวุโสหกยิ้มเย็นพร้อมกับกล่าวว่า "สามหาว วันนี้หากไม่ตัดหัวเจ้าออกจากบ่า ข้าก็ไม่ใช่ผู้อาวุโสหกแห่งเผ่าหยกแล้ว"
"ปังปังปัง"
เห็นเพียงเงาคนวูบไหว ท้องฟ้าพลันเปลี่ยนสีในบัดดล จากที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งกลายเป็นมืดสลัว เกิดฟ้าแลบเปรี้ยง ๆหลายสายกลางอากาศ ช่างเป็นภาพที่อกสั่นขวัญแขวนเสียจริง
คนในงานไม่น้อยต่างพากันลุกขึ้นด้วยความตกใจ
วรยุทธผู้อาวุโสหกแห่งเผ่าหยกเลิศล้ำเกินไปหรือเปล่า
ถึงกับทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี
สามารถปะทะกับเผ่าเพลิงฟ้า พวกเขาต้องไม่ธรรมดาแน่
ทว่าแววตาผู้อาวุโสไป๋เฉ่ากลับเปี่ยมไปด้วยความวิตกกังวล
ถึงแม้วรยุทธผู้อาวุโสหกจะสูงส่ง แต่เมื่อสู้กับรองหัวหน้าเผ่าซือคง ย่อมตกเป็นรองแน่แท้
เขาวางผู้อาวุโสเจ็ดลง พลางกำชับหนึ่งประโยคว่า "ผู้อาวุโสเจ็ด ท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ครู่เดียวข้าก็จะกลับมา"
เขากระโดดขึ้นจากพสุธาแล้วไปร่วมต่อสู้ด้วย
โครม ๆ ๆ
เพราะมีคนมาเสริม จึงสะเทือนท้องฟ้าไปหลายตลบ
ลูกศิษย์เผ่าเพลิงฟ้าก็อยากเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วย มือเรียวยาวของทว่าเหวินเส่าอี๋กลับยกขึ้นโบก แจ้งให้พวกเขารู้ว่าอย่าทำอะไรผลีผลาม
เกิดเสียงซุบซิบอื้ออึงด้านข้าง "เผ่าเพลิงฟ้ากับเผ่าหยกมีความแค้นต่อกันหรือไม่ ไยเจอหน้าก็จะสู้กัน?"
"เอ่อ......ข้าก็ไม่ทราบ"
ผู้อาวุโสเจ็ดได้ยินคำว่าเผ่าเพลิงฟ้าก็สร่างเมาทันควัน
"เผ่าเพลิงฟ้า? เผ่าเพลิงฟ้าอยู่ไหน?"
ผู้อาวุโสเจ็ดเงยหน้ามอง สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาคือ เหวินเส่าอี๋ผู้อ่อนโยน ซึ่งกำลังสวมหน้ากากผีเสื้ออยู่
"ฮ่า ๆ คือคนเสเพลของเผ่าเพลิงฟ้านี่เอง"
"ไอ้ตาเฒ่า อย่าได้เสียมารยาทกับนายน้อยของพวกข้า"
"ไอ้ลูกผสม ไม่มีคนสอนให้เจ้าเคารพผู้ใหญ่ถนอมเด็กน้อยรึ?"
ผู้อาวุโสเจ็ดกวาดสายตามองไปยังผู้อาวุโสหก ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าและรองหัวหน้าเผ่าซือคงบนลานประลอง และยังมองกู้ชูหน่วนชั่วอึดใจ ก่อนจะกล่าวสัพยอก
"ท่านเป็นผู้ใหญ่แต่ไม่รู้จักสำรวม จะคู่ควรให้พวกข้าเคารพได้เยี่ยงใด น่าขบขันยิ่งนัก"
"ผัวะ ผัวะ ผัวะ......"
บัดนี้โดนตบไปสิบกว่าฉาด หากไม่ใช่เหวินเส่าอี๋ทนดูต่อไปไม่ได้ รีบเข้ามาหักห้าม
ถึงกระนั้น ฟันของลูกศิษย์ผู้นี้ก็ร่วงหล่นไปหลายซี่ เห็นได้ว่าผู้อาวุโสเจ็ดลงมือหนักปานใด
ผู้คนพากันประหวั่นพรั่นพรึง
พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือ ทว่ากลับมองไม่เห็นว่าผู้อาวุโสเจ็ดลงมือตอนไหน
เกรงว่าวรยุทธของผู้อาวุโสเจ็ดจะเหนือชั้นกว่าผู้อาวุโสหกกระมัง
ท่าทางผู้อาวุโสเจ็ดสง่าผ่าเผย ถึงแม้ปากจะด่าทอลูกศิษย์คนนั้น ทว่าสายตากลับจ้องไปยังเหวินเส่าอี๋
ๆ เสีย หาไม่แล้วชีวิตจะดับสิ้นสักวัน จำไว้ว่าต้องเคารพผู้ใหญ่ โอบอ้อมอารีต่อเด็ก
เงียบสงัดไปทั้งงาน
ชายชราท่านนี้แม้นปากจะด่าคนนี้ ทว่ากลับมีเป้าหมายด่าคนอื่น?
เหวินเส่าอี๋คือนายน้อยแห่งเผ่าเพลิงฟ้า และที่สำคัญ วรยุทธของเขาสูงส่ง สามารถเทียบเทียมเยี่ยจิ่งหานกับจอมมารได้เลย
เรียกได้ว่าไร้คู่ต่อสู้ทั่วทั้งใต้หล้า
เขากระทำเช่นนี้เป็นการไม่ไว้หน้าเหวินเส่าอี๋เลย
กู้ชูหน่วนกลั่นยาไปพลาง สังเกตสถานการณ์ไปพลาง
สายตานางเย็นยะเยือกประหนึ่งน้ำแข็งพันปี
[ร้อน] อ่านนวนิยาย กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 542
นวนิยาย กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ได้อัปเดต บทที่ 542 ด้วยเหตุการณ์ใหม่ที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจทำให้ผู้อ่านได้รับประสบการณ์ที่น่าสนใจ ความรักของนักแสดงนำชายและหญิงจะพัฒนาไปอย่างไรที่ บทที่ 542? ให้อ่าน บทที่ 542 และบทต่อไปของ กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ทางออนไลน์ที่ novelones.com