กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 934

สรุปบท บทที่ 934: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

สรุปตอน บทที่ 934 – จากเรื่อง กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ โดย อี้หมิง

ตอน บทที่ 934 ของนิยายInternetเรื่องดัง กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ โดยนักเขียน อี้หมิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ค่ายกลนี้ดูเหมือนเรียบง่ายธรรมดา ทว่ากลับมีอานุภาพแม้เพียงขยับผมเส้นเดียว

ภายในถ้ำมีทางแยกจำนวนมาก ซึ่งเรียงตามธาตุทั้งห้าได้แก่ ทอง ไม้ น้ำ ไฟและดิน

ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ล้วนต่างต้องสัมผัสไปโดนปุ่มควบคุม

หากสัมผัสโดนปุ่มควบคุมเข้าจะต้องตายอย่างไร้ข้อสงสัย แม้แต่ศพก็หาไม่พบ

เขากำลังรอ รอให้พวกเขาทำลายค่ายกลนี้ไปได้

ท่านผู้เฒ่าหนิงและผู้นำตระกูลซั่งกวนและคนอื่นๆ ได้เดินทางมาถึงภายนอกถ้ำตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

พวกเขายืนเรียงรายกันเป็นแถวยาวเหมือนหางว่าว

เพราะกู้ชูหน่วนอยู่ไม่ไกลออกไปจากปากทางเข้าถ้ำ สิ่งที่พวกเขาขีดเขียนและรวมไปถึงแผนที่ภายในถ้ำนั้น พวกเขาล้วนจดจำและสังเกตไว้ทั้งหมด

ตลอดชีวิตของพวกเขา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นค่ายกลเช่นนี้

ค่ายกลนี้ก่อตัวขึ้นในทุกเส้นทาง นับว่าไร้ที่ติและหาตัวจับได้ยาก

ค่ายกลที่โหดร้ายเช่นนี้ จะมีใครสามารถทำลายลงได้อย่างนั้นหรือ?

ถือได้ว่าตระกูลไป๋หลี่นับเป็นตระกูลแห่งค่ายกลและควบคุมสัตว์ร้าย

ตลอดทางที่กู้ชูหน่วนผ่านเข้าไปนั้น นางได้ทำลายค่ายกลของตระกูลไป๋หลี่ไปนับไม่ถ้วน ทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

ทุกครั้งพวกเขามักคิดเสมอว่ากู้ชูหน่วนไม่สามารถทำลายลงได้ ทว่านางกลับทำลายได้ในทุกๆ ครั้ง

และครั้งนี้ พวกเขาหวังว่ากู้ชูหน่วนสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นได้อีกครั้ง ทว่าปาฏิหาริย์นี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้ว

สายตาของท่านผู้เฒ่าหนิงและผู้นำตระกูลซั่งกวนจับจ้องไปยังจอมมาร ในแววตาของพวกเขาเผยให้เห็นเจตนาสังหารที่แผ่ออกมา

ปีศาจร้ายที่มีดวงตาคนละสี จะต้องฆ่าสังหารทิ้งอย่างไร้ข้อสงสัย

ไกลออกไปบริเวณยอดเขาสูง หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีแววตาโกรธเกรี้ยวมองไปยังเขตหวงห้าม มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย และเล่นกับกล่องเล็กๆ หลากสีในมือ ราวกับว่าดวงจิตวิญญาณที่อยู่ในเขตหวงห้ามนั้นได้ตกไปอยู่ในมือของนางเรียบร้อยแล้ว

ภายในเขตหวงห้าม

จอมมารเอามือทั้งสองเท้าคางไว้และขมวดคิ้วอยู่เป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไร

เจ้าสิงโตตัวน้อยกล่าวอย่างร้อนรนกระวนกระวายใจ "เป็นอย่างไรบ้าง สามารถทำลายลงได้หรือไม่?"

กู้ชูหน่วนส่ายหน้าอย่างหมดความหวัง

เจ้าสิงโตตัวน้อยคำรามด้วยความโกรธ "มนุษย์อย่างพวกท่านช่างมีกลอุบายมากมาย วิธีทำลายค่ายกลอะไรกันช่างยุ่งยากเหลือเกิน เอ่อ......ข้า......ข้าไม่ได้หมายถึงพวกท่าน ข้าหมายถึงคนชั่วอย่างตระกูลไป๋หลี่พวกนั้นต่างหาก"

ปีศาจหมูที่มีวรยุทธ์ระดับสามโมโหจนกระทืบเท้าไปมา มันพุ่งเข้าไปข้างในและกล่าวว่า "ข้าไม่เชื่อหรอกว่าค่ายกลนี้จะทรงพลังมากเช่นนั้น ดูนะว่าข้าจะทำลายมันอย่างไร"

"เอ่อ......"

กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆ คิดอยากจะเข้าไปขัดขวางแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว

หลังจากที่สัตว์ร้ายวรยุทธ์ระดับสามเข้าไปในค่ายกลก็ได้ตายลงทันที และมองไปเห็นแม้แต่หัว เห็นเพียงเลือดที่ไหลนอง

เจ้าสิงโตตัวน้อยกระทืบเท้าไม่หยุด

"ช่างโง่เขลาเสียจริง ไม่ดูก่อนเลยว่าเป็นอย่างไร แต่กลับกล้าพุ่งเข้าไปเช่นนี้"

กู้ชูหน่วนกล่าว "ทุกคนสงบลงหน่อย อย่าได้ใจร้อน จะได้ไม่เกิดการสูญเสียขึ้นอีก อาม่อ เจ้ารู้จักค่ายกลครอบจักรวาลหรือไม่?"

"เหมือนจะรู้จักเล็กน้อย"

"ดี เช่นนั้นข้าจะเข้าไป เจ้าดูรูปที่ข้าวาดด้วยฝีเท้า จากนั้นหาวิธีการทำลายค่ายกล"

หลังจากที่เหล่าสัตว์ร้ายได้ยินก็ต่างพากันรีบกล่าวออกมาด้วยความร้อนใจ "ค่ายกลยังไม่ถูกทำลาย จะเข้าไปได้อย่างไร? ท่านคงไม่เสียสติไปหรอกนะ"

"ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลอะไรล้วนต่างมีวิธีการทำลายค่ายกล เพียงแต่ว่าเราสามารถค้นหาจุดศูนย์กลางของค่ายกลนั้นได้หรือไม่ก็เท่านั้น หากไม่เข้าไป เช่นนั้นคงไม่สามารถค้นหาค่ายกลได้ไปตลอด"

"แต่ยังไม่ทันเข้าไปก็ถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว จะเข้าไปได้อย่างไร"

กู้ชูหน่วนไม่ตอบ และสั่งให้ซือม่อเฟยทำตามที่นางบอก

จอมมารกล่าว "หากต้องการทำลายค่ายกล เช่นนั้นก็ต้องเข้าไปในค่ายกลเสียก่อน ทว่าค่ายกลนี้แบ่งออกเป็นสองขั้วได้แก่ขั้วบวกและขั้วลบ ซึ่งเชื่อมต่อเข้าด้วยกันแน่น การเข้าไปเพียงคนเดียวนั้นไร้ประโยชน์ นอกจากว่าเข้าไปพร้อมกันสองคนและกดปุ่มควบคุมพร้อมกัน"

เจ้าเสือน้อยคำรามออกมา "นายท่าน ข้าเข้าไปกับท่านเอง"

"อาม่อ เจ้ากลัวหรือไม่?

"ไม่กลัว"

"เช่นนั้นเราสองคนเข้าไปพร้อมกัน เรามาต่อสู้ไปด้วยกัน"

เมื่อจอมมารได้ยินคำว่าต่อสู้ไปด้วยกันก็ยิ้มออกมา และพยักหน้าตอบรับ

กู้ชูหน่วนจูงมือของเขาและค่อยๆ เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง

นางนับทุกก้าวที่เดิน และกล่าวออกมา

"ข้าเดินไปข้างหน้าสองก้าว เจ้าขยับไปทางซ้ายเล็กน้อยแล้วค่อยเดินหนึ่งก้าว"

"ได้" จอมมารเดินตามที่นางสั่งโดยไม่มีความหวาดกลัวให้เห็นเลยสักนิด ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มปรากฏ

ทว่ากู้ชูหน่วนกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดและกวาดสายตาไปบริเวณโดยรอบ อีกทั้งหูของนางยังคงจดจ่อกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบทิศ

"หยุด ขยับเท้าซ้ายไปข้างหลังหนึ่งก้าว ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าสองก้าว"

"หยุด ก้าวเท้าซ้ายและเท้าขวาไปข้างหนึ่งก้าว"

ซี๊ด......

ทุกครั้งที่จอมมารและกู้ชูหน่วนก้าวไปข้างหน้า บรรดาเหล่าสัตว์ร้ายต่างพากันลุ้นและถอนหายใจ และคิดอยากเข้าไปห้าม

และที่ตรงนี้เมื่อสักครู่ปีศาจหมูวรยุทธ์ระดับสามพุ่งมาถึงตรงนี้ จากนั้นก็กลายเป็นเป็นกองเลือดที่เอ่อนอง

โชคดี......

ทุกคนต่างคิดเพียงว่าจอมมารนั้นเป็นคนโง่เขลา คำพูดที่พูดออกมานั้นก็คือคำพูดเรื่อยเปื่อยไร้สาระ สัตว์ร้ายทั้งหลายล้วนต่างไม่เชื่อ

มีเพียงกู้ชูหน่วนที่เชื่อและสังเกตมองไปรอบๆ และเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

"อ๊า ดาวน้อยดวงนี้สวยงามเหลือเกิน"

แววตาของเจ้าเสือน้อยเป็นประกายและกางกรงเล็บออก จากนั้นกดไปที่ทับทิมเม็ดหนึ่งที่กำแพงหิน

กู้ชูหน่วนตกตะลึงและคิดอยากห้ามเขา แต่กลับสายไปเสียแล้ว

หลังจากที่กดทับทิมลงไป ทางแยกเหล่านั้นก็การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง

ความเร็วนั้นรวดเร็วจนพวกเขามองไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ทันใดนั้นจู่ๆ กู้ชูหน่วนก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเริ่มเลือนราง

บนกำแพงปรากฏภาพที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยแต่กลับแปลกตา

ภายในภาพที่ปรากฏขึ้น มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาเหมือนนาง

ผู้หญิงคนนั้นตื่นขึ้นมาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า และยังแต่งงานกับชายหนุ่มคนนั้น เพียงแต่นางมองไม่เห็นว่าชายหนุ่มคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร เห็นเพียงแค่ขาของเขาพิการทั้งสองข้าง

ภายในภาพที่ปรากฏขึ้น มีชายคนหนึ่งผู้ซึ่งสง่างามและมักเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน และยังจับมือนางบุกเข้าไปยังเผ่าปีศาจและสุดท้ายก็กระโดดลงไปในหม้อต้มปรุงกลั่นยาเพื่อเป็นการเสียสละชีพ

ภายในภาพที่ปรากฏขึ้น มีชายหนุ่มสวมชุดสีแดงคนหนึ่งมักจะคอยตามตื๊อนาง และยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อนาง เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีหงอกภายในชั่วข้ามคืนและใบหน้าเหี่ยวชราลง

ภายในภาพที่ปรากฏขึ้น มีชายรูปงามคนหนึ่งกำลังร้องไห้โอดครวญอย่างเจ็บปวด รอบๆ เขาเต็มไปด้วยซากศพและดวงไฟที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

ภาพนั้นปรากฏขึ้นต่อๆ กัน

แต่ละภาพนั้นเลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เร็วจนกู้ชูหน่วนตาพร่ามัวและปวดหัวอย่างมาก

นางพยายามสูดลมหายใจ ราวกับเหมือนมีใครกำลังตะโกนอะไรอยู่ข้างๆ จากนั้นนางจึงลืมตาขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก

หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาแล้วนั้น สิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับกลายเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวขจี

มีเหล่าสัตว์ร้ายจำนวนมากอยู่รอบตัวนาง ทั้งในน้ำ บนพื้นดินและบนท้องฟ้า ดูเหมือนพวกเขากำลังตะโกนอะไรออกมาอย่างร้อนรนกระวนกระวายใจ

พวกเขาล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส

และยังมีจอมมารนอนใบหน้าซีดเผือดอยู่ข้างกายของนาง

"อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น? อาม่อเป็นอะไรหรือ?"

ศีรษะของเจ้าเสือน้อยเป็นรอยไหม้อยู่จุดหนึ่ง มันทั้งเจ็บและหวาดกลัวจากนั้นโผลเข้าไปในอ้อมกอดของกู้ชูหน่วน

"นายท่าน ในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว เมื่อสักครู่พวกเราทั้งหมดเกือบตายลงอยู่ในค่ายกลนั้นแล้ว เป็นเพราะข้าเอง ข้าไม่ควรไปสัมผัสทับทิมนั้นเลย"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์