ค่ายกลรักษาเผ่าที่เหล่าผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนลงมือสร้างขึ้นมากับมือกลับถูกคนโง่คนหนึ่งทำลายเสียอย่างนั้นรึ?
สรุปแล้วเขาโง่หรือว่าพวกเขาโง่กันแน่?
นั่นเป็นค่ายกลที่แม้แต่ระดับเจ็ดยังมิอาจทำลายได้ และเป็นหนึ่งในค่ายกลรักษาเผ่าอันยิ่งใหญ่ที่เป็นที่ภาคภูมิใจของตระกูลไป๋หลี่ของพวกเขาด้วย กลับสูญสิ้นไปเช่นนี้
ทั้งยังสูญเสียผู้อาวุโสอีกยี่สิบสี่คนอีก
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่อยากกระอักเลือด
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดเองก็อยากกระอักเลือดเช่นกัน
หากมิใช่ว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญละก็ พวกเขาพุ่งออกไปตั้งนานแล้ว
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่เดือดดาล
บริเวณห่างออกไป พวกเขายังได้ยินเสียงร้องทรมานของคนในเผ่า รวมถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยมากับสายลม
ในเขตหวงห้ามมีผู้เฒ่าผมขาวนั่งขัดสมาธิ ดวงตาปิดลงเล็กน้อย ท่าทางสุขุมอยู่คนหนึ่ง
เขายกมุมปากขึ้นเบาๆ ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
“นำจิตในการรับรู้สำคัญที่สุด สงบนิ่ง”
หัวใจของผู้ดูแลลุกเป็นไฟ และกล่าวต่อไปอย่างเร่งรีบว่า “ผู้นำตระกูล ผู้อาวุโสสูงสุด กำลังเสริมยังมาไม่ถึงสักคน หากพวกท่านยังไม่ทำอะไรสักอย่าง เกรงว่า…เกรงว่าตระกูลไป๋หลี่จะถูกอสุรกายพวกนั้นทำลาย…เอื๊อก…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ และไม่รู้ว่าผู้เฒ่าผมขาวคนนั้นโจมตีอย่างไร ผู้ดูแลคนนั้นก็ได้พบกับราชาแห่งนรกเสียแล้ว
“น่ารำคาญ”
ผู้อาวุโสสูงสุดไป๋หลี่เฉิงหยวนยังคงกล่าวอย่างเย็นชา “แค่อสุรกายพรรค์นี้ยังสู้ไม่ได้ จะเก็บไว้ทำอะไร? ตระกูลไป๋หลี่จะถูกทำลายก็ตามแต่ เพียงแค่นำจิตในการรับรู้ของนางมาได้ยังกลัวว่าต่อไปตระกูลไป๋หลี่จะไม่สามารถรวมตัวและยืนอยู่จุดสูงสุดของดินอดนวิญญาณเยือกแข็งอีกอย่างนั้นหรือ?”
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดสงบนิ่งร่ายคาถาต่อไป เพื่อเอาจิตในการรับรู้นั่นมาโดยไวที่สุด
ผู้นำตระกูลไป๋หลี่รวมถึงผู้อาวุโสที่มาช่วยรักษาค่ายกลกับพวกเขาพอใจอย่างมาก
สามารถหาวิญญาณของระดับเจ็ดขั้นสูงสุดได้นั้นเป็นเรื่องสมควรปิติยินดีจริงๆ
เพราะผู้นำไป๋หลี่มีวิชาลับ สามารถดึงเอาจิตในการรับรู้ของคนที่ตายแล้วมาใช้ประโยชน์ได้
เพียงแค่สามารถนำจิตในการรับรู้ของนางออกมาได้ ยังต้องกลัวว่าจะไม่สามารถฝึกเป็นผู้ไร้เทียมทานได้อย่างนั้นหรือ
ผู้เฒ่าไป๋หลี่เฉิงหยวนและผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านี้ต่างก็มีอายุแล้ว
พวกเขาไม่สามารถทำลายได้โดยเร็ว อายุขัยของพวกเขาเองก็ใกล้จะถึงแล้ว
หากไม่ทำลายอีก พวกเขาคงต้องพบกับราชาแห่งนรกสถานเดียว
ดังนั้น พวกเขาจึงอยากต้องจิตในการรับรู้ขอวววิญญาณนั้น
สำหรับวัยของพวกเขานั้น อย่างอื่นล้วนเป็นเมฆหมอกเท่านั้น สามารถเพิ่มพูนอายุขัยและวรยุทธ์ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เพื่ออยากมีชีวิตต่ออีก พวกเขาไม่สนใจว่าจะต้องสูญเสียคนในตระกูลไป๋หลี่ไปเท่าใด
จิตใจเช่นนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน
ตระกูลไป๋หลี่ขึ้นอยู่กับผู้นำ
ช่วยพวกเขารักษาค่ายกลนั้นเป็นเรื่องใหญ่
ออกไปจัดการเรื่องใหญ่ก็เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน
เขาควรจะเลือกแบบไหนดี?
“จะสำเร็จแล้ว ทุกคนสงบนิ่งไว้ นำจิตในการรับรู้ออกมาสำคัญที่สุด”
“ขอรับ…”
ผู้คนส่วนใหญ่เห็นด้วย คนที่เหลือจึงทำได้เพียงเห็นด้วยตาม
นานแค่ไหนแล้ว กี่ร้อยปีแล้วสินะ
ทั้งดินแดนวิญญาณเยือกแข็งไม่เคยปรากฏคนที่อยู่ระดับเจ็ดมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ระดับเจ็ดขั้นสูงสุดเลย
พวกเขาจะทิ้งโอกาสนี้ไปได้อย่างไร
บริเวณไม่ไกลจากไปตรงนอกเขตหวงห้าม
กู้ชูหน่วนถูกค่ายกลอีกกลหนึ่งทำให้ลำบากเข้าแล้ว
ตระกูลไป๋หลี่มีค่ายกลมากเกินกว่าที่นางคิดไว้ ทั้งแต่ละกลแก้ยากกว่าแต่ละกลอีก
นางมองไปที่กำแพงหิน ในใจมีความรู้สึกหมดหนทาง
“ค่ายกลนี้ซับซ้อนนัก ข้าต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดวันในการทำลายมัน”
เจ็ดวันนั้นนานเกินไป
ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
กู้ชูหน่วนมองไปทางผู้คนที่ถูกเข่นฆ่าด้านนอก แล้วมองไปทางส่วนลึกของเขตหวงห้าม จากนั้นถามซือม่อเฟย “ค่ายกลนี้เจ้าทำลายได้หรือไม่?”
จอมมารตอบอย่างมึนงง “พี่หญิงอยากทำลาย อาม่อก็จะช่วยพี่หญิงทำลาย”
“ค่ายกลนี้ยากมาก หากไม่ระวังจะถึงแก่ชีวิตได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...
เมื่อไหร่จะอัพต่อค่ะ...