"สำหรับปัญหานี้ กระหม่อมก็ได้คิดพิจารณาอย่างไตร่ตรองดีแล้ว ฝ่าบาทสามารถทำข้อตกลงกับพระสวามีได้ หากพระสวามีไม่สามารถทำให้ฝ่าบาทตั้งครรภ์ได้ เช่นนั้นก็ยกตำแหน่งพระสวามีให้กับองค์ชายของรัฐอี้"
กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี
"เจ้าหมายความว่า เจ้าจะให้ข้าคลุกคลีและอยู่แต่กับพระสวามีของข้าอย่างนั้นหรือ?"
"ไม่ใช่เช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกันเป็นการดี เช่นนั้นรัฐปิงของเราจะต้องมีทายาทสืบทอดบัลลังก์มากยิ่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ"
"เช่นนั้นท่านอ๋องเสวี่ย ข้าขอถามอะไรเจ้าสักหน่อยว่าผู้หญิงเป็นคนให้กำเนิดหรือว่าผู้ชายเป็นคนให้กำเนิด?"
"แน่นอนว่าเป็นผู้หญิงสิพ่ะย่ะค่ะ"
"อ้อ.....หากข้าปฏิบัติต่อทุกคนเท่าเทียมกัน และหากข้าตั้งครรภ์ขึ้นมา เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กที่ออกมาเป็นลูกของพระสวามีหรือของเยี่ยจิ่งหาน?"
"เอ่อ......"
ท่านอ๋องเสวี่ยตกตะลึง
เขาไม่เคยนึกถึงสิ่งนี้มาก่อนเลย
"ไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลยใช่หรือไม่? เช่นนั้นก็ดี เจ้ากลับไปคิดให้ดีแล้วค่อยกลับมาบอกข้า"
"ฝ่าบาท.....เช่นนั้น....เรื่องการแต่งงานล่ะพ่ะย่ะค่ะ?"
"รอให้เจ้าคิดออกว่าเมื่อองค์ชายของรัฐอี้มาแล้วเจ้าจะมอบตำแหน่งอะไรให้เขาแล้วค่อยว่ากันวันหลัง"
"เช่นนั้นกระหม่อมจะส่งสาส์นไปอีกฉบับเพื่อพูดคุยเจรจาถึงเรื่องนี้กับจักรพรรดิอี้อีกครั้งดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ.....ฝ่าบาท......"
ท่านอ๋องเสวี่ยยังพูดไม่จบก็ถูกไล่ออกไปก่อน
เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง
"หรือเป็นเพราะข้าจัดการไม่ดีก็เลยทำให้ฝ่าบาทโมโห? แต่ก็ถูก เรื่องตำแหน่งพระสวามีเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก สัญญาการแต่งงานระหว่างฝ่าบาทและพระสวามีก็เป็นเรื่องที่กำหนดไว้เมื่อยี่สิบปีก่อน พระสวามีก็ไม่ได้ทำอะไรผิด มีหรือจะยกเลิกตำแหน่งของเขาไปง่ายๆ ช่างเถอะ กลับไปคิดดูอีกทีดีกว่าว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี"
ภายในห้องตำราหลวง
หลิงเอ๋อร์กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ "ฝ่าบาท ท่านอ๋องเสวี่ยช่างไม่เฉียบแหลมเอาเสียเลย แต่สิ่งที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล หากฝ่าบาทผูกสัมพันธ์แต่งงานกับรัฐอี้ รัฐอี้ไม่ช้าก็เร็วต้องตกเป็นของรัฐปิงอย่างแน่นอน และยังสามารถจัดการปัญหาการขาดแคลนเสบียงอาหารของเราในตอนนี้ได้อีกด้วยเพคะ"
"เจ้าจะรู้ได้อย่างไร รัฐปิงอาจตกเป็นของรัฐอี้ก็ได้"
"เพราะพวกเขาแต่งงานเข้ามา เราไม่ได้แต่งออกไปนี่เพคะ รัฐปิงของเราจะตกเป็นของรัฐอี้อย่างง่ายดายได้อย่างไร"
"เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไร"
กู้ชูหน่วนจิบชาและลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน จากนั้นก็เตรียมจะหยิบโองการที่กราบทูลขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาโถมเข้าใส่ร่างกายของนางและเกือบทำให้กู้ชูหน่วนตกใจ
"ท่านพี่หญิง....."
เมื่อได้ยินเสียงและกลิ่นที่คุ้นเคย กู้ชูหน่วนก็ก้มลงมองและสิ่งมีชีวิตที่ดึงดูดสายตาของนางก็คืออาม่อ
รูปร่างหน้าตาของขเาเป็นสิ่งที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรได้ ความหล่อเหลาของเขานั้นช่างดึงดูดผู้คนให้จมลงสู่ห้วงลึกแห่งความเสน่หา
โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่มีสีแปลกแตกต่างกันชัดเจนราวกับหินออบซิเดียนแท้บริสุทธิ์
ทว่าร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรงและดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกลัว
"อาม่อ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?"
"อาม่อฝันร้าย"
กู้ชูหน่วนดึงเขามานั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรและลูบหลังของเขาเบาๆ เพื่อพยายามทำให้เขาสงบจิตใจและกล่าวอย่างอ่อนโยน
"บอกข้ามาว่าเจ้าฝันว่าอะไร"
"ข้าฝันว่ามีคนกระโดดลงไปให้หม้อปรุงกลั่นยาอายุวัฒนะ ข้างหลังของนางเหมือนกับท่านพี่หญิงอย่างมาก ท่านพี่หญิง.....อาม่อกลัวเหลือเกิน"
"เด็กโง่ ข้าจะกระโดดเข้าไปในหม้อปรุงกลั่นยาอายุวัฒนะได้อย่างไร เจ้าแค่ฝันร้ายไปเท่านั้นเอง"
"แค่ฝันร้ายจริงๆ หรือ? เช่นนั้นเหตุใดในหัวของข้าถึงมีแต่ภาพเหตุการณ์นั้นปรากฏขึ้นมาบ่อยครั้ง"
"คงเป็นเพราะช่วงนี้เจ้าเหน็ดเหนื่อยกับการช่วยเสี่ยวหูเตี๋ยและเยี่ยจิ่งหานหายาสมุนไพร ก็เลยเห็นภาพลวงตา ไม่เป็นไรนะ ไม่มีอะไร"
อาม่อกอดกู้ชูหน่วนแน่นเพราะเกรงว่าหากปล่อยมือออกไป กู้ชูหน่วนก็จะจากเขาไป
หลิงเอ๋อร์รีบเดินออกไปและปิดประตูลงเพื่อให้พวกเขาได้มีเวลาอยู่กันเพียงลำพัง
มือทั้งสองข้างของซือม่อเฟยคอยจับมือของกู้ชูหน่วนอย่างวิตกกังวล จับซะจนกู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
กู้ชูหน่วนกดมือของเขาและกล่าวออกมา "เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?"
อาม่อก้มหน้าลงอย่างเขินอายและมุดศีรษะเข้าไปในอ้อมกอดของนาง "รู้"
"รู้แล้วเจ้ายังจะจับ"
"พี่หญิง เราไปทำอะไรกันดีกว่า"
"ตุ่บ....."
กู้ชูหน่วนไม่ทันตั้งตัวและซือม่อเฟยก็โถมตัวลงมาที่บัลลังก์มังกร
ลมหายใจอันรุ่มร้อนของผู้ชายโชยผ่านมา จากนั้นเสียงหัวใจเต้นแรงก็ดังกึกก้องชัดกังวานในหูของนาง
เมื่อเห็นความรูปงามและความมีเสน่ห์อันเย้ายวนบนใบหน้าของเขา ทำให้กู้ชูหน่วนหัวใจเต้นแรง
"อาม่อ เจ้าลุกขึ้นเดี๋ยวนี้"
"พี่หญิง ท่านไม่ชอบข้าหรือ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...