กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 449

เพียงแค่คำพูดเดียวก็ทำให้ความเมตตาที่ยากที่จะเกิดขึ้นของผู้นำกองธงกล้วยไม้หายไปทันที

เขากล่าวอย่างพิโรธว่า “ไอ้สารเลวเลี้ยงไม่เชื่อง เช่นนั้นก็ตายไปซะ”

เขาฟาดฝ่ามือลงไปโดยตรง

เยี่ยเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนที่แรงฝ่ามือจะกระทบนั้นเขาก็กรีดสายรัดเอวให้ขาดและปล่อยให้ร่างของตนกลิ้งลงสู่ทะเลโลหิต

น้ำเสียงเย็นชาของเขาเสียงดังชัดเจนอยู่ในหุบเขา

“ถึงแม้นข้าจะต้องตาย ก็จะไม่ตายด้วยน้ำมือของเจ้า หากชาติหน้ามีจริง แม้นจะต้องเปลี่ยนทั้งโลกให้เป็นนรก ข้าก็จักล้างแค้นให้ถึงที่สุด แต่หากชาติหน้าไม่มีจริง ข้าจะกลายเป็นวิญญาณตามหลอกหลอนเจ้าชั่วกัปชั่วกัลป์”

ทุกครั้งที่เยี่ยเฟิงพูด สีหน้าของผู้นำกองธงกล้วยไม้ก็แย่ลงทุกครั้ง

หัวใจของเขาว่างเปล่าและไม่สบอารมณ์ แต่ทว่าดวงตากลมคู่นั้นของเยี่ยเฟิงกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความแค้น

“เยี่ยเฟิง….”

กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง ความโกรธเริ่มปะทุออกมา นางยอมรับมิได้ที่คนดีคนหนึ่งจะตายต่อหน้านางไปเสียอย่างนี้

ในช่วงเวลาสั้น ๆ นางก็ได้ยินเสียงกระซิบจากเยี่ยเฟิง

“ได้รู้จักท่านและเซี่ยวอวี่เซวียนเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดในชีวิตนี้ของเยี่ยเฟิง ขอบใจที่ท่านทำให้ข้ารู้จักคำว่าศักดิ์ศรี คามเชื่อใจ และ…ความสุข ขอโทษ…ที่ข้ามิสามารถช่วยท่านตามหาไข่มุกมังกรที่เหลือได้แล้ว….”

“อ๊าก….”

กู้ชูหน่วนตะโกนเสียงดัง อยากจะกระโดดลงไปช่วยเยี่ยเฟิงกลับมา

แต่นางรู้ดี แม้นนางจะกระโดดลงไป เยี่ยเฟิงก็มิอาจกลับคืนมาได้แล้ว

ตกลงไปในทะเลโลหิตหลายพันองศา ไม่มีโอกาสที่จะรอดเลย

“สะอึก….”

กลิ่นอายสังหารของนางปะทุขึ้น ดวงตาที่เฉียบคมราวกับคมดาบจ้องไปทางผู้นำกองธงกล้วยไม้ ทั้งร่างกายของนางเปล่งประกายด้วยกลิ่นอายผู้ทรงเกียรติที่ทรงพลังมีพลานุภาพกวาดล้างไปทั่วทิศมุมโลก

ผู้นำธงกล้วยไม้ตกใจ

เป็นกลิ่นอายสังหารที่รุนแรง

และพลังที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ

หญิงสาวตรงหน้านี้เป็นเพียงผู้อ่อนแอระดับหนึ่งขั้นกลางจริง ๆ อย่างนั้นรึ?

อี้เฉินเฟยที่กำลังจะสิ้นชีพ สายตาที่หม่องมัวดูเหมือนจะเห็นกู้ชูหน่วนในอดีตที่กำเนิดขึ้นบนโลกและกวาดล้างเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิคนนั้น

เพียงแค่นางปลดปล่อยพลังออกมาครั้งเดียว ทั้งท้องฟ้าและพื้นดินก็เปลี่ยนสี ดวงดาวหมุนเวียนยอดฝีมือทั้งหลายบนโลกต่างก็อดมิได้ที่จะยอมจำนนต่อนาง

อี้เฉินเฟยพยายามลืมตาขึ้นมา แต่เพราะเปลือกตาของเขาหนักหน่วงยิ่งนักไม่ว่าเขาจะพยายามมากเพียงใดก็มิอาจลืมตาขึ้นได้ ทำได้เพียงเห็นพลังของกู้ชูหน่วนปะทุออกอย่างไม่เลือนลาง ทุกกระบวนท่าล้วนมีพลังทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ผู้นำกองธงกล้วยไม้มิอาจสู้ได้ราวกับถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว

“เอื๊อก ๆ ๆ….”

ผู้นำกองธงกล้วยไม้กระอักเลือดอย่างไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งฟันหน้าของเขาก็ถูกกู้ชูหน่วนตีจนหลุดออกมา

อี้เฉินเฟยหัวเราะอย่างอ้างว้างและเป็นห่วง

อาหน่วนของเขา….ดูเหมือน….จะกลับมาแล้ว….

“อ๊าก….”

เปลือกตาของอี้เฉินเฟยหนักเกินไป ทุกอย่างตรงหน้าและเสียงทุกเสียง เขาก็ไม่ได้ยินและเห็นมันอีกแล้ว เขาสลบและตายไปในที่สุด

เสียงของกู้ชูหน่วนเมื่อครู่เสียงดังทรงพลังจนผู้คนในหุบเขาโลหิตหูหลูได้ยินกันทั่ว

สีหน้าของน่าหลานหลิงลั่วที่กำลังสู้กับผู้นำกองธงโบตั๋นอย่างดุเดือดเปลี่ยนไป เขาใช้วิธีหลอกเพื่อกำจัดผู้นำกองธงโบตั๋นออกและวิ่งไปทางกู้ชูหน่วน

เยี่ยจิ่งหานผู้กำลังรักษาถึงจุดสำคัญแล้วมิสนใจการฟื้นฟูวรยุทธ์ของตน ยื่นมือขวาออกไปหยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งและหายไปราวกับลมพัด

“นายท่าน พิษในตัวของท่านยังเหลือเพียงน้อยนิดก็จะกำจัดออกหมดแล้ว พลังของท่านก็ยังมิฟื้นฟูกลับมา ข้าน้อยไปหาพระชายาก็เพียงพอแล้วขอรับ”

“ออกไปเดี๋ยวนี้ วันนี้ใครกล้าขัดขวางข้า อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน”

หัวใจของเยี่ยจิ่งหานเต้นถี่ ๆ แม้นว่าจะเร่งฝีเท้าจนถึงขั้นสูงสุด เขาก็ยังคงรู้สึกช้าอยู่ดี

เสียงแหลมและเศร้ารันทดปานนั้น เขามิอาจนึกถึงได้ว่ากำลังเกิดอันใดขึ้นกับกู้ชูหน่วน

พวกเขาคิดว่ากู้ชูหน่วนคงเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งผู้ไม่มีใครเทียบได้และคู่ต่อสู้ที่มิเคยสู้ด้วยมาก่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์