กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 968

สรุปบท บทที่ 968: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

บทที่ 968 – ตอนที่ต้องอ่านของ กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์

ตอนนี้ของ กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ โดย อี้หมิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 968 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

"ชิ้ว......"

นกพิราบตัวหนึ่งบินออกมา และน่าแปลกที่เท้าของนกพิราบตัวนั้นมีเลือดไหลออกมา เลือดได้หยดลงที่ผนังของประตูหิน ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

กู้ชูหน่วนกล่าว "เจ้านำนกพิราบติดตัวมาด้วยอย่างนั้นหรือ"

"เกรงว่าผนังประตูหินนี้ นอกจากเลือดของเจ้าแล้ว ใครก็ไม่สามารถเปิดออกได้กระมัง"

นิ้วมือของเหวินเส่าอี๋ชี้ออกไป และนกพิราบตัวนั้นก็เข้าใจและบินไปทางที่ออกมา

กู้ชูหน่วนหัวเราะยิ้มและกล่าวว่า "หรือว่า......พวกมันจะจดจำเฉพาะคนที่มาถึงเป็นคนแรก จึงได้ยอมรับเฉพาะเลือดของข้า"

"มู่หน่วน ทางที่ดีเจ้าควรจะอธิบายเหตุผลที่แท้จริงกับข้า"

"มันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก วังใต้ดินนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นคนสร้างขึ้นมา ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเลือดของข้าสามารถเปิดแผงควบคุมผนังประตูหินของเส้นทางลับได้ เจ้าจะเข้าไปหรือไม่ อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้อยากเข้าไปตั้งแต่แรก"

"เดินต่อไปข้างหน้า"

เหวินเส่าอี๋สงสัย ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรมาก และเพียงแค่บอกให้นางนำทางเดินต่อไปข้างหน้า และในขณะเดียวกันก็พยายามนึกถึงความเกี่ยวข้องระหว่างกู้ชูหน่วนและวังใต้ดินแห่งนี้

เดินไปเดินมาโดยที่ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าได้เดินมานานมากเท่าไร และความอดทนของเหวินเส่าอี๋ก็กำลังจะหมดไป

"เจ้ารู้ทางจริงหรือไม่"

"ใจเย็นๆ ที่นี่มีเส้นทางสลับซับซ้อน และดูเหมือนว่าเส้นทางจะไม่เหมือนกับที่ข้ามาในครั้งแรก ข้าก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"

กู้ชูหน่วนยกนิ้วขึ้นมาสาบาน

นางเดินวนไปวนมาจนสับสนไปหมดแล้ว

และทันใดนั้น เขาก็เริ่มเข้าใจซึ่งสาเหตุที่จักรพรรดินีผู้ซึ่งมีวรยุทธ์ถึงระดับเจ็ด กลับไม่สามารถไล่ตามนางและท่านผู้เฒ่าหนิงที่หลบหนีออกไปได้ทัน

หากเป็นเขา เขาก็คงไล่ตามจนปวดหัว

เดินต่อไปเป็นเวลานาน กู้ชูหน่วนอดไม่ได้และหันหลังกลับไปมองเหวินเส่าอี๋ "ที่นี่คงไม่มีค่ายกลอะไรแอบซ่อนอยู่ใช่หรือไม่ เหตุผลเราถึงได้เดินไปไม่ถึงเสียที"

"คงไม่มีค่ายกลอะไร แต่เป็นเพราะที่นี่มีขนาดใหญ่อย่างมาก อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่กว่าวังหลวงหลายเท่า หากข้าเดาไม่ผิด ตำแหน่งที่เรายืนอยู่ตอนนี้น่าจะเป็นบริเวณชานเมือง"

เหวินเส่าอี๋นั่งลงและหยิบปิ่นหยกสีขาวของตัวเองออกมา จากนั้นวาดอะไรบางอย่างลงไปที่พื้น

กู้ชูหน่วนขยับเข้าไปใกล้และตั้งใจดู จากนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง

"เสี่ยวหูเตี๋ย ความจำของเจ้าช่างดีเหลือเกิน เราเดินอยู่ภายในนี้มาตั้งนาน เจ้ายังสามารถจดจำทางแยกทุกทางได้อย่างแม่นยำ ไม่เลวเลยทีเดียว"

"ข้าไม่สามารถจำได้ทั้งหมด นี่เป็นเพียงการคาดการณ์"

"เพียงพอแล้ว ไปกันเถอะ เราเดินไปทางนี้กันเถอะ"

กู้ชูหน่วนชี้ไปทางหนึ่ง และคว้ามือของเหวินเส่าอี๋เดินตรงไป

เหวินเส่าอี๋ผละมือออกจากนางและรักษาระยะห่างระหว่างนางเอาไว้

"ทางที่ดีเจ้าควรจะตัดสินใจให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยเดินต่อไป อย่าทำให้เกิดข้อผิดพลาดอีก"

"วางใจได้ ไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน"

กู้ชูหน่วนเดินต่อไปตามทางแยกแล้วทางแยกเล่า

นางรู้สึกแปลกใจอย่างมาก นางและเหวินเส่าอี๋เดินเข้ามาไกลมากเช่นนี้แล้ว เหตุใดจักรพรรดินีตัวปลอมถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมา?

เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่รู้อะไรเลย

หรือว่าจักรพรรดินีตัวปลอมก็หลงทางเช่นเดียวกับนาง?

"ซือ......"

กู้ชูหน่วนปวดศีรษะ มีแสงปรากฏขึ้นที่หน้าผากของนางและดวงวิญญาณบนหน้าผากก็เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง

ร่างกายของเหวินเส่าอี๋สั่นสะท้านเล็กน้อย ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ดวงวิญญาณกำลังส่งสัญญาณถึงกันอย่างแน่นอน

ดวงวิญญาณดวงที่ห้าอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย

ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหกเขาจริงๆ ด้วย

"ดวงวิญญาณนั้นน่าจะอยู่ที่นั่น"

ไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี๋ลงมือตั้งแต่เมื่อไร มีแท่งน้ำแข็งรายล้อมไปยังแจกันดอกไม้และแท่งน้ำแข็งแท่งหนึ่งก็ได้สัมผัสไปโดนแจกัน ทว่าแจกันนั้นกลับไม่เป็นอะไร ดูไปแล้วคงไม่มีกับดักอะไรแอบซ่อนอยู่

หลังจากแน่ใจว่าไม่มีอันตรายใดๆ เหวินเส่าอี๋จึงได้ลงมือดูดแจกันเข้าไปในฝ่ามือ

มันสายเกินไปที่จะพูดออกมา และขณะที่เหวินเส่าอี๋กำลังจะลงมือนั้น ก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องและประตูหินในที่ลับก็ถูกระเบิดออก ผู้หญิงที่สวมชุดสีเหลืองลายมังกรเดินออกมาด้วยสายตาแห่งความชั่วร้าย

แม้ว่านางจะอายุมากแล้ว ทว่านางดูแลตัวเองเป็นอย่างดี และดูไม่ออกเลยว่านางอายุเท่าไร

หน้าตาของนางก็พอดูได้ ทว่ารัศมีความชั่วร้ายที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวนางนั้น ทำให้รู้สึกขนหัวลุกอย่างมาก

"จักรพรรดินี......" เหวินเส่าอี๋เปล่งเสียงออกมา และเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

กู้ชูหน่วนไม่ได้ระแวดระวังเหมือนอย่างเหวินเส่าอี๋ สำหรับจักรพรรดินีแล้วนั้น นางไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว นางรู้สึกเพียงรังเกียจและเกลียดแค้นเท่านั้น

สภาพการตายของท่านผู้เฒ่าหนิงยังคงตราตรึงอยู่ในหัวของนาง

และภาพที่ลั่วอิ่งถูกนางทรมานก็ยังตราตรึงอยู่ในหัวของนาง

นางจะไม่รังเกียจจักรพรรดินีได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนเก็บความโกรธแค้นเอาไว้และหัวเราะออกมาอย่างมีสติ "เหตุใดเจ้าถึงเพิ่งจะปรากฏตัวออกมาตอนนี้ ข้าก็คิดว่าเจ้าจะมอบดวงวิญญาณดวงนั้นให้พวกข้าเสียแล้วซะอีก แต่ไม่ว่าเจ้าจะให้หรือไม่ให้ บุรุษหนุ่มรูปหล่อข้างกายของข้าผู้นี้ก็จำเป็นต้องได้ดวงวิญญาณมาครอบครอง"

จักรพรรดินีค่อยๆ จัดระเบียบชุดลายมังกรของนางและจ้องมองเหวินเส่าอี๋ ชายหนุ่มรูปงามที่สวมหน้ากากผีเสื้อ จากนั้นได้กล่าวขึ้นมา "เจ้าช่างรู้ดี รู้ว่าควรจะมาด้วยตัวเอง อีกทั้งยังพาคุณชายรูปงามมาด้วยอีกหนึ่งคน"

"เจ้าช่วยเขารวบรวมดวงวิญญาณให้ครบ ไม่แน่เขาอาจจะยอมพลีกายให้กับเจ้า ไม่เชื่อเจ้าลองถามเขาดู"

เหวินเส่าอี๋รู้สึกรังเกียจจักรพรรดินี แต่ก็อยากจะได้ครอบครองดวงวิญญาณ มุมปากของเขาขยับและเขาได้หัวเราะออกมา "ไม่ทราบว่าฝ่าบาทจะทรงโปรดมอบดวงวิญญาณดวงนั้นให้กระหม่อมได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"

"ได้ เจ้าจะต้องอยู่คอยปรนนิบัติข้าเป็นอย่างดี"

กู้ชูหน่วนพูดแทรกขึ้นมา "เขาสมควรที่จะปรนนิบัติเจ้า เจ้าคิดจะแต่งงานกับเหวินเส่าอี๋มาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? นั่นไม่ใช่เขาหรอกหรือ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจเจ้าเลยแม้แต่นิดเดียว อีกทั้งยังคิดหาวิธีโค่นล้มเจ้าอีกด้วย"

เหวินเส่าอี๋ขมวดคิ้ว

ผู้หญิงคนนี้......

นางยืนอยู่ฝั่งไหนกันแน่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์