"ชิ้ว......"
นกพิราบตัวหนึ่งบินออกมา และน่าแปลกที่เท้าของนกพิราบตัวนั้นมีเลือดไหลออกมา เลือดได้หยดลงที่ผนังของประตูหิน ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กู้ชูหน่วนกล่าว "เจ้านำนกพิราบติดตัวมาด้วยอย่างนั้นหรือ"
"เกรงว่าผนังประตูหินนี้ นอกจากเลือดของเจ้าแล้ว ใครก็ไม่สามารถเปิดออกได้กระมัง"
นิ้วมือของเหวินเส่าอี๋ชี้ออกไป และนกพิราบตัวนั้นก็เข้าใจและบินไปทางที่ออกมา
กู้ชูหน่วนหัวเราะยิ้มและกล่าวว่า "หรือว่า......พวกมันจะจดจำเฉพาะคนที่มาถึงเป็นคนแรก จึงได้ยอมรับเฉพาะเลือดของข้า"
"มู่หน่วน ทางที่ดีเจ้าควรจะอธิบายเหตุผลที่แท้จริงกับข้า"
"มันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก วังใต้ดินนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นคนสร้างขึ้นมา ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเลือดของข้าสามารถเปิดแผงควบคุมผนังประตูหินของเส้นทางลับได้ เจ้าจะเข้าไปหรือไม่ อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้อยากเข้าไปตั้งแต่แรก"
"เดินต่อไปข้างหน้า"
เหวินเส่าอี๋สงสัย ทว่าก็ไม่ได้ถามอะไรมาก และเพียงแค่บอกให้นางนำทางเดินต่อไปข้างหน้า และในขณะเดียวกันก็พยายามนึกถึงความเกี่ยวข้องระหว่างกู้ชูหน่วนและวังใต้ดินแห่งนี้
เดินไปเดินมาโดยที่ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าได้เดินมานานมากเท่าไร และความอดทนของเหวินเส่าอี๋ก็กำลังจะหมดไป
"เจ้ารู้ทางจริงหรือไม่"
"ใจเย็นๆ ที่นี่มีเส้นทางสลับซับซ้อน และดูเหมือนว่าเส้นทางจะไม่เหมือนกับที่ข้ามาในครั้งแรก ข้าก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย"
กู้ชูหน่วนยกนิ้วขึ้นมาสาบาน
นางเดินวนไปวนมาจนสับสนไปหมดแล้ว
และทันใดนั้น เขาก็เริ่มเข้าใจซึ่งสาเหตุที่จักรพรรดินีผู้ซึ่งมีวรยุทธ์ถึงระดับเจ็ด กลับไม่สามารถไล่ตามนางและท่านผู้เฒ่าหนิงที่หลบหนีออกไปได้ทัน
หากเป็นเขา เขาก็คงไล่ตามจนปวดหัว
เดินต่อไปเป็นเวลานาน กู้ชูหน่วนอดไม่ได้และหันหลังกลับไปมองเหวินเส่าอี๋ "ที่นี่คงไม่มีค่ายกลอะไรแอบซ่อนอยู่ใช่หรือไม่ เหตุผลเราถึงได้เดินไปไม่ถึงเสียที"
"คงไม่มีค่ายกลอะไร แต่เป็นเพราะที่นี่มีขนาดใหญ่อย่างมาก อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่กว่าวังหลวงหลายเท่า หากข้าเดาไม่ผิด ตำแหน่งที่เรายืนอยู่ตอนนี้น่าจะเป็นบริเวณชานเมือง"
เหวินเส่าอี๋นั่งลงและหยิบปิ่นหยกสีขาวของตัวเองออกมา จากนั้นวาดอะไรบางอย่างลงไปที่พื้น
กู้ชูหน่วนขยับเข้าไปใกล้และตั้งใจดู จากนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
"เสี่ยวหูเตี๋ย ความจำของเจ้าช่างดีเหลือเกิน เราเดินอยู่ภายในนี้มาตั้งนาน เจ้ายังสามารถจดจำทางแยกทุกทางได้อย่างแม่นยำ ไม่เลวเลยทีเดียว"
"ข้าไม่สามารถจำได้ทั้งหมด นี่เป็นเพียงการคาดการณ์"
"เพียงพอแล้ว ไปกันเถอะ เราเดินไปทางนี้กันเถอะ"
กู้ชูหน่วนชี้ไปทางหนึ่ง และคว้ามือของเหวินเส่าอี๋เดินตรงไป
เหวินเส่าอี๋ผละมือออกจากนางและรักษาระยะห่างระหว่างนางเอาไว้
"ทางที่ดีเจ้าควรจะตัดสินใจให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยเดินต่อไป อย่าทำให้เกิดข้อผิดพลาดอีก"
"วางใจได้ ไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน"
กู้ชูหน่วนเดินต่อไปตามทางแยกแล้วทางแยกเล่า
นางรู้สึกแปลกใจอย่างมาก นางและเหวินเส่าอี๋เดินเข้ามาไกลมากเช่นนี้แล้ว เหตุใดจักรพรรดินีตัวปลอมถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมา?
เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่รู้อะไรเลย
หรือว่าจักรพรรดินีตัวปลอมก็หลงทางเช่นเดียวกับนาง?
"ซือ......"
กู้ชูหน่วนปวดศีรษะ มีแสงปรากฏขึ้นที่หน้าผากของนางและดวงวิญญาณบนหน้าผากก็เคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
ร่างกายของเหวินเส่าอี๋สั่นสะท้านเล็กน้อย ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ดวงวิญญาณกำลังส่งสัญญาณถึงกันอย่างแน่นอน
ดวงวิญญาณดวงที่ห้าอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย
ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้โกหกเขาจริงๆ ด้วย
"ดวงวิญญาณนั้นน่าจะอยู่ที่นั่น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์
ไม่อัพจบเหรอคะ...
เป็นนางเอกที่นิสัยแย่ที่สุดตั้งแต่เคยอ่านมา...
คือตัวเองไม่มีเงิน แต่คิดจะเอาทุกอย่างด้วยราคาสูงเสียดฟ้า แล้วก็หาคำพูดให้คนอื่นจ่ายแทน ตัวเองหาประโยชน์จากคนใกล้ตัวแต่กลับเอาใจให้คนอื่นตลอดเนี่ยนะ...
แม่นางกู้เกินเยียวยาแล้วเด้อ 555...
เยี่ยเฟิงเป็นคนดีมาก แต่เขาทนงตัวเกินไป ชีวิตที่ผู้อื่นฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงลมหายใจเขาไว้ แต่เขาก็ดิ้นรนกลับไปหาความตายอยู่เรื่อย...
ท่านอาจารย์พูดให้คิดดีมากเลย แต่อาหน่วนจะเข้าใจไหม นางดูมั่นหน้า มั่นใจเกิตเหตุแบบไม่สนสี่สนแปดใดใดเลย...
อยากให้กลับมาอัพเดทไวๆนะคะ ขอบคุณมากค่ะ...
สรุปเรื่องนี้มีตอนจบมั้ยค่ะ...
รอตอนจบอยู่นะคะ ใจบางไม่ไหวแล้วทรมาน...
รออัพเดทอยู่นะคะ...