กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ นิยาย บท 988

ขณะพูด จักรพรรดินีก็ยกมือขึ้นมาจับคางของเหวินเส่าอี๋

เหวินเส่าอี๋หันไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงมือหมูเค็มของนางและยิ้มอย่างสง่า "พิธีการยังไม่เสร็จสิ้น ฝ่าบาทอย่าได้รีบร้อนไปหน่อยเลย"

จักรพรรดินีขยับเข้าใกล้เหวินเส่าอี๋และให้เสียงหัวเราะที่มีเขาคนเดียวที่ได้ยิน "ดูสิ ต่อให้เจ้าไม่ชอบข้า แต่เจ้าก็ยังต้องเป็นพระสวามีของข้าอย่างง่ายดาย"

"กลัวว่าฝ่าบาทจะไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าเรือนหอ"

"ไม่ต้องกังวลไป ข้าเตรียมการเอาไว้นานแล้ว รับรองได้ว่าเจ้าจะต้องมีความสุขอย่างมากแน่"

ขณะพูด จักรพรรดินีก็เป่าลมไปที่ข้างหูของเขา

เพียงแค่ได้ยืนคู่กันกับจักรพรรดินี เหวินเส่าอี๋ก็รู้สึกสะอิดสะเอียนรังเกียจอย่างมาก นับประสาอะไรกับกลิ่นของนาง

แต่ไม่ว่าอย่างไร เหวินเส่าอี๋ก็แอบซ่อนความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี

เขาไม่ต้องการแต่งงาน แต่เพราะจักรพรรดินีบีบบังคับซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเผ่าเพลิงฟ้าเองก็มีภารกิจการแต่งงานกับจักรพรรดินีที่ต้องปฏิบัติ ทำให้เขาจำเป็นต้องทำตาม

รวมถึงพวกเขาได้ไกล่เกลี่ยแล้วว่าจะใช้ดวงวิญญาณดวงนั้นของกู้ชูหน่วนเป็นสินสอดทองหมั้น

ทำให้เหวินเส่าอี๋ยอมตกลงแต่งงาน

เพราะไม่ว่าจะได้ดวงวิญญาณนั้นมาครอบครองหรือไม่ เพียงแค่เขายังเป็นหัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า ก็จำเป็นต้องแต่งงานกับจักรพรรดินี เช่นนั้น......ตอบตกลงไปไม่ดีกว่าหรือ

เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ รอบบริเวณงานพิธีต่างเต็มไปด้วยองครักษ์ที่มืออาวุธติดมือเต็มไปหมด โดยกระจัดกระจายกันออกไป เห็นได้ชัดว่าได้ปิดล้อมบริเวณงานพิธีเอาไว้อย่างไร้ร่องรอย

นอกจากนี้ก็มียอดฝีมือที่แอบซุ่มโจมตีอยู่บนหลังคาเต็มไปทั่วทุกหนแห่ง

"ฝ่าบาทจัดวางกองกำลังไว้ที่นี่อย่างหนาแน่น เช่นนั้นแล้วที่อื่นล่ะ ที่อื่นก็จัดกองกำลังหนาแน่นเช่นนี้หรือ"

หลังจากที่เหวินเส่าอี๋พูดจบ ขันทีคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามากราบทูลรายงานอย่างตื่นตระหนก

"ฝ่า.....ฝ่าบาท กลุ่ม......กลุ่มกบฏได้บุกโจมตีมายังเมืองหลวงแล้ว และมุ่งหน้ามายังวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ"

ซี๊ด......

เมื่อประโยคนี้ดังออกมา ทุกคนต่างพากันเบิกตากว้าง

แม้แต่ทหารและเหล่าขุนนางก็อดไม่ได้และลุกขึ้นยืน

"บุก......บุกจู่โจมวังหลวง? เป็นไปได้อย่างไร เสวี่ยเจียนโยว่ยังอยู่ที่เมืองว่านจีไม่ใช่หรือ? ต่อให้ขี่ม้าเร็วข้ามคืนข้ามวันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจะเดินทางมาถึงเมืองหลวงได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ อีกอย่างพวกเขายังมีกองกำลังทหารติดตามจำนวนมาก"

"ใช่ เมืองว่าจีอยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวงกว่าร้อยลี้ นอกเสียจากพวกเขาจะมีเวทมนตร์วิเศษ ไม่เช่นนั้นไม่มีทางเดินทางมาถึงเมืองหลวงได้อย่างแน่นอน"

"ต่อให้เดินทางมาถึงเมืองหลวง แต่ก็ไม่มีทางบุกโจมตีเข้ามาถึงเมืองชั้นในได้เร็วเช่นนั้นหรอก"

ขันทีที่เข้ามารายงานยังคงเหนื่อยหอบ "จริง......จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ......มี......มีกลุ่มกองทัพมดได้เปิดประตูเมืองให้พวกเขาเข้ามา"

"เจ้าพูดล้อเล่นหรือไม่? มดจะเปิดประตูเมืองได้อย่างไร"

"มีมดอยู่เต็มไปหมด มันมีขนาดใหญ่และมีพิษ บรรดาทหารที่เฝ้าประตูเมืองต่างถูกพวกมันกัดก็ล้มลงหมดสติ และประตู......ประตูเมืองก็ถูกพวกมันกัดแทะจนไม่เหลือชิ้นดี กลุ่มกบฏ......กลุ่มกบฏได้มุ่งหน้าเขามายังวังหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

ทุกคนที่ต่างข้างล่างต่างวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

มีทั้งผู้คนที่วิตกกังวล มีทั้งตื่นตระหนก

มีทั้งตื่นเต้นดีใจจนแอบอดไม่ได้อยากให้ท่านอ๋องเสวี่ยรีบบุกโจมตีเข้ามายังวังหลวงโดยเร็ว

"ฝ่าบาท ได้โปรดให้กระหม่อมกำกองกำลังออกไปขัดขวาง กระหม่อมจะจัดการกลุ่มกบฏเหล่านี้ให้ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ"

"ฝ่าบาท กระหม่อมขอทำการออกศึกในครั้งนี้พ่ะย่ะค่ะ"

"ฝ่าบาท กระหม่อมก็ขอทำการออกศึกในครั้งนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

อดพูดไม่ได้ว่า แม้ว่าจักรพรรดินีจะมีความโหดเหี้ยม ทว่ากลับยังมีขุนนางน้ำดีที่ยังอยู่ข้างนาง

จักรพรรดินีหัวเราะ หัวเราะจนทำให้ผู้คนรู้สึกขนหัวลุกไปตามๆ กัน

ทุกคนคิดว่า จักรพรรดินีคงต้องส่งกองกำลังทหารออกไปต่อต้านท่านอ๋องเสวี่ย

คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดินีกลับไม่แยแสต่อข่าวที่รายงานมา จากนั้นสะบัดแขนเสื้อและตะโกนออกมา "ดนตรีบรรเลงต่อได้"

"ซี๊ด......"

ทุกคนต่างพากันตกตะลึง

คิดว่าตัวเองคงหูฝาดไป

ไม่นาน น้ำเสียงของจักรพรรดินีก็ดังขึ้นอีกครั้ง

"มัวแต่ชักช้า จัดการตัดศีรษะของนักดนตรีในพิธีทิ้งให้หมด"

"ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิต"

บรรดาขุนนางต่างนั่งตัวตรงและไม่กล้าพูดอะไร เพราะเกรงว่าฝ่าบาทจะเหวี่ยงความโกรธเคืองมาที่พวกเขา มีขุนนางที่จงรักภักดีไม่กี่คนที่ยังกล้าเสนอความคิดเห็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์