ฉีเติ่งเสียนเดินทางออกจากเทียนจู่กั๋วพร้อมกันกับหลี่อวิ๋นหว่านเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศแถวๆนี้สักสองสามวันแล้วค่อยกลับเซียงชาน
ที่จริงแล้ว ฉีเติ่งเสียนและหลี่อวิ๋นหว่านไม่ได้มีเวลาที่จะได้เจอกันมากนัก เพราะทั้งสองคนต่างคนต่างอยู่กันฟ้าคนละฟาก ดังนั้นโดยปกติแล้วพวกจึงต้องอาศัยช่วงเวลานี้ชดเชยเสียหน่อย
แน่นอนว่าช่วงนี้ต้องกินหอยนางรมบ่อยๆมากๆ นั่นทำให้ฉีเติ่งเสียนเริ่มคิดถึงรสชาติของไตแพะเสียแล้ว
น่าเสียดายที่คนฝั่งตะวันตกไม่ค่อยนิยมกินเครื่องในสัตว์กันสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำได้แค่กินหอยนางรมไปก่อน
เขายังคงคิดถึงไตแพะที่เพิ่งออกมาจากเตาถ่านที่โรยด้วยผงพริก ใส่เข้าไปในปากก็ชุ่มไปด้วยน้ำมัน เต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติของเนื้อสัตว์
“ประเทศแทบตะวันตกนี่เขารักษาสไตล์ของพวกเขาไว้ได้ดีจริงๆนะ น่าอิจฉามากเลย!” หลังจากที่เดินเที่ยวตามจุดชมวิวเสร็จ หลี่อวิ๋นหว่านอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจและเปรยออกมา
“เห้อ ” หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว
ประเทศของเขาใช้เวลาในการพัฒนาประเทศที่สั้นมากๆ ด้วยความที่มีแต่ความต้องการที่จะมุ่งหน้าและฝ่าฟันอุปสรรค ก็เป็นธรรมดาที่อาจจะหลงลืมการรักษาความดั่งเดิมต่างๆในเมืองไป และไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนหรือสถาปัตยกรรมที่สวยงามเพียงใดก็คงไม่สู้การทุบอาคารพวกนั้นและสร้างเป็นอาคารพาณิชย์ต่างๆ
แต่ก็ด้วยความที่ในตอนนี้ เศรษฐกิจก็มีการพัฒนาไปอย่างมากแล้ว ก็ทำให้พวกเราเริ่มที่จะหันมาให้ความสนใจกับสถาปัตยกรรมดั่งเดิมแล้ว
ในฝั่งยุโรปนี้ รัฐบาลเขาให้ความสำคัญกับเกี่ยวรักษาสิ่งก่อสร้างและเมืองดั่งเดิมเอาไว้อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวชมที่นี่จึงสามารถสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์ต่างๆของที่นี่ที่ยังคงหลงเหลือไว้
ในระหว่างที่ฉีเติ่งเสียนท่องเที่ยวอยู่ในประเทศแทบๆเทียนจู่กั๋ว ก็โดนกลุ่มคนที่เคร่งศาสนาเดินเข้าขอถ่ายรูปกับเขา และถือโอกาสขอให้เขาให้พรกับพวกเขา
เมื่อเห็นดังนั้น ฉีเติ่งเสียนจึงเลียนแบบท่าทางของศาสดา และยกมือขึ้นมาแตะลงไปที่ศีรษะของแต่ละคนเบาๆ และก็บางอย่างออกมาที่คล้ายกับการอวยพรจากผู้ศักดิ์สิทธิ์
“ผมคิดหนึ่งหมี่นดอลลาร์แลกการให้พร คุณคิดว่าไง?” ฉีเติ่งเสียนหันไปถาม เขาคิดว่านี่เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย
หลี่อวิ๋นหว่านถึงกับกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก “คุณเรียกเงินตั้งหนึ่งหมื่นดอลลาร์?ฉันกลัวว่าพระเจ้าจะให้คำสาปกับคุณน่ะสิ!”
ฉีเติ่งเสียนมาคิดๆดูนั่นก็จริง ช่างเถอะ ว่าแต่เขาจะหาเงินยังไงล่ะ?
เขาหยิบบัตรธนาคารของตัวเองออกมาพรางถอนหายใจไปด้วย “เงินที่ผมเพิ่งหามา ตอนนี้มันเหลือแค่สี่ล้าน!”
“คุณรู้ไหมว่าสี่ล้านนี้มันเป็นเงินก้อนสุดท้ายของผมแล้ว!”
หลี่อวิ๋นหว่านอึ้งไปเล็กน้อย “อะไรของคุณเนี่ย?”
ฉีเติ่งเสียนพูดขึ้นเสียงดัง “ปีนี้เฉินเตาจ่ายใช้เงินยี่สิบหยวนแต่ได้กลับมาถึงสามสิบเจ็ดล้าน ส่วนผมฉีเติ่งเสียนก็สามารถใช้เงินสี่ล้านแต่ได้กลับมาถึงห้าพันล้าน ซึ่งสำหรับผมแล้วนั่นไม่ใช่ปัญหาเลย!”
“…..”
หลี่อวิ๋นหว่านพูดไม่ออกไปชั่วขณะ หลังจากนั้นสักพักเธอถึงพูดขึ้น “ฉันว่าถ้าคุณกลับไปที่เทียนอันจู่กั๋วคุณควรไปหานักบวขนะ มีอะไรเข้าสิงคุณหรือป่าว?”
ฉีเติ่งเสียนกลอกตาใส่เธอหนึ่งครั้ง แล้วพูดตอบ “ตอนนี้ผมเพียงแค่กังวลเรื่องเงินเท่านั้น ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องเงินเท่าไหร่นักหรอก แต่ตอนนี้ผมมีหนี้ ถึงได้รู้ว่าการหาเงินมันไม่ง่ายเลย!”
หลี่อวิ๋นหว่านอดไม่ได้ที่จะถามต่อ “คุณยังเป็นหนี้อีกเท่าไหร่?”
“ก่อนหน้านี้กูวินสกี้กับวิโนกราดอฟจ่ายคืนไปบ้างแล้ว เท่ากับตอนนี้ผมยังเป็นหนี้อยู่สามพันล้าน…” ฉีเติ่งเสียนรู้สึกยากที่จะพูดออกไป “เอิ่ม ดอลลาร์น่ะ”
หลี่อวิ๋นหว่านคิดว่านี่มันเป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย เลยได้แต่ส่ายหัวและตอบกลับ “ถ้าเป็นฉันในเมื่อกี้ได้ยินเงินจำนวนมากขนาดนี้ ถึงจะเป็นเงินหยวนฉันก็คงตายไปแล้ว เอาเถอะคุณสู้ๆละกัน ฉันอยากช่วยนะ แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเลย!”
“คงต้องหาวิธีหาเงินในเซียงชานและจิงเต่า ไม่งั้นหนี้ก้อนนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะใช้หนี้หมด!” ฉีเติ่งเสียนตอบกลับ
หลี่อวิ๋นหว่านยักไหล่ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นผีร้ายตนไหนที่มาทำให้ฉีเติ่งเสียนต้องเจอกับเคราะห์ร้ายเช่นนี้ แต่เรื่องการสูญเสียมันก็เป็นเรื่องที่หลักเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...