มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1024

สรุปบท บทที่ 1024 มือซ้ายขวา: มังกรผู้ทรงพลัง

อ่านสรุป บทที่ 1024 มือซ้ายขวา จาก มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู

บทที่ บทที่ 1024 มือซ้ายขวา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยายโรแมนติกในเมือง มังกรผู้ทรงพลัง ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จาง หลงหู อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หลังจากที่ผู้บัญชาการอัศวินได้ฟังที่ฉีเติ่งเสียนพูดไป ถึงกลับมึนงงไปพักนึง

มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?

ใช้ปืนในการบังคับให้พระอัครสังฆราชท่านหนึ่งรับเงิน ให้พระอัครสังฆราชท่านนี้นำเงินไปเผยแพร่หลักธรรม?!

หลี่อวิ๋นหว่านกลับมองด้วยความตะลึง ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง ความหน้าด้านของฉีเติ่งเสียนผู้นี้เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และทักษะการโกงเงินก็ชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พูดวนกลับได้ไหลลื่น

“รวมถึงคุณโทคาเรฟสกีผู้นี้ก็ด้วย เขาเป็นผู้ศรัทธาที่บ้าคลั่ง เพื่อบังคับให้ผมรับเงินของเขา ถึงขนาดที่ไม่รักชีวิตตัวเองแล้วเอาชีวิตของตนเองมาข่มขู่ผม” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยใบหน้าเข้มขรึม

“ฉันเคารพในความศรัทธาของสุภาพบุรุษทั้งสองคนที่มีต่อศาสนาศักดิ์สิทธิ์ของเรา แต่ว่า วิธีที่พวกคุณแสดงความศรัทธานั้น ก็ควรที่จะระวังหน่อย”

“วิธีนี้ มันสุดโต่งเกินไป ซึ่งง่ายที่จะถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต!”

“ดังนั้น ตอนนี้ เป็นมายังไงกันแน่?” ผู้บัญชาการอัศวินที่มองการแสดงของฉีเติ่งเสียนอยู่ด้านข้างนั้น ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

กลุ่มอัศวินศาสนาศักดิ์สิทธิ์ก็มองหน้ากันด้วยความงง ไม่รู้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องไหนแล้ว

“อ่า เนื่องจากผู้ทำบุญทั้งสอง ถุ๊ย......ผู้มีจิตศรัทธาทั้งสองศรัทธาในศาสนามาก เงินก้อนนี้ ผมเป็นตัวแทนพระอัครสังฆราชรับไว้ละกัน!”

“เมื่อผมไปสร้างมหาวิหารที่หนานหยางแล้ว จะทำการสลักชื่อของผู้มีจิตศรัทธาทั้งสอง ลงบนแผ่นหินอย่างแน่นอน”

ฉีเติ่งเสียนกล่าว พร้อมกับยื่นมือขวาไปทางแคปและโทคาเรฟสกี

ใบหน้าของโทคาเรฟสกีอดที่จะกระตุกไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ยอมประนีประนอมด้วย เนื่องจากเป็นตัวเองที่ไม่สมเหตุผล จึงได้แต่กัดฟันแล้วหยิบเช็คจากกระเป๋าออกมา เขียนเช็คหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์มาหนึ่งใบ

หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนรับไว้แล้ว ก็ได้รีบพูดกับแคปที่ยังไม่ลงมือว่า“ผู้มีจิตศรัทธาแคปใจกว้างเสียจริง เพื่อเป็นการเผยแพร่พระกิตติคุณของพระเจ้า จึงพูดว่าจะให้เงินเป็นจำนวนห้าร้อยล้านดอลลาร์!”

แคปได้แต่ด่ามารดามันเถอะในใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงเจ้าพ่อมาเฟีย อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลตระกูลพอตเตอร์ แต่การที่ให้เขาเสียเงินออกมามายมายขนาดนี้ในคราวเดียว มันอดที่จะปวดใจไม่ได้

เขาไม่ใช่โทคาเรฟสกี ที่มีอํานาจที่จะสามารถขูดไถกระเป๋าเงินของประชาชนได้ตามใจ......

เงินเหล่านั้นของเขา มาจากการขายของเถื่อนทีละห่อ อาวุธยุทโธปกรณ์ทีละชิ้น มันง่ายซะที่ไหน?

ผู้บัญชาการอัศวินอดที่จะตะลึงไม่ได้“แท้จริงแล้วคุณแคปช่างเป็นศาสนิกชนที่มีความศรัทธาถึงเพียงนี้ ช่างเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นผมจริงๆ!เมื่อครู่ผมเข้าใจผิดคิดว่าคุณแคปเป็นพวกนอกรีต ผมอยากจะกลับใจจากการกระทําของผมเสียจริง”

ฉีเติ่งเสียนรีบพูดขึ้นมาว่า“ผมก็ต้องกลับใจจากการกระทําของผมเช่นกัน เป็นผมที่เข้าใจผิดก่อนว่าเขาเป็นพวกนอกรีต......เป็นความผิดของผมเอง!”

แคปรู้ว่าฉีเติ่งเสียนกำลังข่มขู่ตนอยู่ หากตนไม่เอาเงินออกมาล่ะก็ ฉีเติ่งเสียนก็จะใช้โอกาสนี้ใส่เขาเข้าไปอยู่ในรายชื่อพวกนอกรีตอย่างแน่นอน จึงทำได้เพียงกัดฟันแล้วควักเช็คออกมาเขียน

หลักจากที่ฉีเติ่งเสียนได้รับเช็คมาสองใบแล้ว จึงดึงมือขวากลับมา จากนั้นได้ยื่นมือซ้ายออกไปอีกครั้ง

“???”

โทคาเรฟสกีและแคปมองเขาด้วยสีหน้าตะลึง นี่ยังไม่พออีกหรอ?

ไม่รู้ว่าฉีเติ่งเสียนไปเอาคทาออกมาตอนไหน มาถืออยู่ในมือข้างขวา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า“พระเจ้าตรัสว่า เมื่อได้ยื่นมือขวาออกมาแล้ว จึงต้องยื่นมือซ้ายออกมาด้วย”

หลี่อวิ๋นหว่านตกตะลึง ไม่ใช่ว่า“ผู้อื่นตบเข้าไปที่หน้าด้านซ้ายของเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องยื่นหน้าข้างขวาออกไปด้วย”แบบนี้หรอกหรือ มันกลายเป็นวิธีการพูดแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!

“มารดามันเถอะ!” โทคาเรฟสกีก่นด่าในใจอย่างอดไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังกัดฟันฉีกเช็คออกมาหนึ่งใบ แล้วเขียนอีกหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ให้เขา

ฉีเติ่งเสียนพูดกับแคปว่า“เมื่อครู่คุณเพิ่งบอกว่าคุณจะบริจาคโรงกลั่นเหล้าองุ่นนี้ให้กับพระเจ้า เพื่อที่จะได้ชงยอดสุราธาราหยกเพื่อนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ ความใจกว้างของคุณแคป เทียบไม่ได้กับรุ่นผมจริงๆ!”

แคปหน้ามืดครึ้มหันหน้าไปและสั่งให้คนรับใช้ของเขานําใบรับรองอสังหาริมทรัพย์มา แล้วส่งให้กับฉีเติ่งเสียน

“ขอให้สง่าราศีของพระเจ้าส่อง ประกายบนคุณสองคนเสมอ!อวาต้า......เอิ่ม......อามิต......อาเมน!” ฉีเติ่งเสียนมือถือคทา ใบหน้าเข้มขึม จากนั้นจึงเคาะคทาไปยังไหล่ของทั้งสอง

หลังจากที่โทคาเรฟสกีได้ออกจากโรงกลั่นไป ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ

เขาเคยขาดทุนหนักๆแบบนี้ซะเมื่อไหร่?แม้แต่ในการต่อสู้กับรัฐบาลกับประเทศเสวี่ย เขาก็อยู่ในฝั่งที่ได้เปรียบ แต่วันนี้ กลับได้รับความอับอายมากมายถึงขนาดนี้

“เด็กเวรนี่ สักวันหนึ่ง ฉันจะลงมือฆ่าแกเอง!” โทคาเรฟสกีขบฟันพูด พร้อมกับเดินหัวเสียออกไป

“คุณโทคาเรฟสกี โรงกลั่นของผมต้องให้เขายึดไปทั้งอย่างนั้น......ข้อตกลงระหว่างเราเหล่านั้น” แคปถาม

“เรื่องทำไม่สำเร็จ ยังจะมาถามถึงข้อตกลงอย่างนั้นหรอ?!” โทคาเรฟสกีหันกลับมา ถามด้วยความเย็นชา

เมื่อแคปได้ฟัง ภายในใจมีคำว่ามารดามันเถอะเป็นหมื่นคำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกัดฟันข่มอารมณ์โกรธเอาไว้

ได้ อดทนก็ได้ ใครใช้ให้โทคาเรฟสกีเก่งขนาดนี้ ถึงขนาดที่สานสัมพันธ์กับรัฐบาลอิตาลีได้ เขาคงหาเรื่องด้วยไม่ได้

ช่วยไม่ได้ มาเฟียที่บริหารโดยแคปนั้น ในบรรดามาเฟียจํานวนมากในอิตาลี เขาเป็นได้แค่อันดับสองเท่านั้น

ถ้าเป็นมาเฟียอันดับหนึ่งล่ะก็ แน่นอนว่าต้องได้สานสัมพันธ์กับรัฐบาลอย่างเป็นแน่ ต่อให้โทคาเรฟสกีจะเก่งขนาดไหน ก็ไม่มีทางที่จะไม่ให้หน้าแม้แต่นิดเดียวแน่นอน

ฉีเติ่งเสียนก็เป็นคนใจป้ำ เขาตรงไปที่ห้องเก็บไวน์จากนั้นหยิบไวน์แดงวินเทจจํานวนมาก และแจกจ่ายให้กับอัศวินทั้งหลาย

ผู้บัญชาการอัศวินกล่าวด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“แบบนี้ไม่ดีมั้ง?”

“ไม่ดีตรงไหน?พวกคุณภักดีต่อพระเจ้า ดื่มสักสองแก้วจะเป็นไรไป?” ฉีเติ่งเสียนกล่าว

อัศวินทั้งหลายมองหน้ากันไปมา สุดท้าย ก็รับน้ำใจของฉีเติ่งเสียนเอาไว้

ฉีเติ่งเสียนส่ายหัว คนตะวันตกพวกนี้ ความฉลาดทางอารมณ์ต่ำจริงๆ ยังไงวัฒนธรรมการสื่อสารของหัวกั๋วก็ลึกซึ้งกว่าอยู่ดี!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง