หลังจากที่ผู้บัญชาการอัศวินได้ฟังที่ฉีเติ่งเสียนพูดไป ถึงกลับมึนงงไปพักนึง
มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?
ใช้ปืนในการบังคับให้พระอัครสังฆราชท่านหนึ่งรับเงิน ให้พระอัครสังฆราชท่านนี้นำเงินไปเผยแพร่หลักธรรม?!
หลี่อวิ๋นหว่านกลับมองด้วยความตะลึง ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง ความหน้าด้านของฉีเติ่งเสียนผู้นี้เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และทักษะการโกงเงินก็ชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พูดวนกลับได้ไหลลื่น
“รวมถึงคุณโทคาเรฟสกีผู้นี้ก็ด้วย เขาเป็นผู้ศรัทธาที่บ้าคลั่ง เพื่อบังคับให้ผมรับเงินของเขา ถึงขนาดที่ไม่รักชีวิตตัวเองแล้วเอาชีวิตของตนเองมาข่มขู่ผม” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยใบหน้าเข้มขรึม
“ฉันเคารพในความศรัทธาของสุภาพบุรุษทั้งสองคนที่มีต่อศาสนาศักดิ์สิทธิ์ของเรา แต่ว่า วิธีที่พวกคุณแสดงความศรัทธานั้น ก็ควรที่จะระวังหน่อย”
“วิธีนี้ มันสุดโต่งเกินไป ซึ่งง่ายที่จะถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีต!”
“ดังนั้น ตอนนี้ เป็นมายังไงกันแน่?” ผู้บัญชาการอัศวินที่มองการแสดงของฉีเติ่งเสียนอยู่ด้านข้างนั้น ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
กลุ่มอัศวินศาสนาศักดิ์สิทธิ์ก็มองหน้ากันด้วยความงง ไม่รู้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องไหนแล้ว
“อ่า เนื่องจากผู้ทำบุญทั้งสอง ถุ๊ย......ผู้มีจิตศรัทธาทั้งสองศรัทธาในศาสนามาก เงินก้อนนี้ ผมเป็นตัวแทนพระอัครสังฆราชรับไว้ละกัน!”
“เมื่อผมไปสร้างมหาวิหารที่หนานหยางแล้ว จะทำการสลักชื่อของผู้มีจิตศรัทธาทั้งสอง ลงบนแผ่นหินอย่างแน่นอน”
ฉีเติ่งเสียนกล่าว พร้อมกับยื่นมือขวาไปทางแคปและโทคาเรฟสกี
ใบหน้าของโทคาเรฟสกีอดที่จะกระตุกไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ยอมประนีประนอมด้วย เนื่องจากเป็นตัวเองที่ไม่สมเหตุผล จึงได้แต่กัดฟันแล้วหยิบเช็คจากกระเป๋าออกมา เขียนเช็คหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์มาหนึ่งใบ
หลังจากที่ฉีเติ่งเสียนรับไว้แล้ว ก็ได้รีบพูดกับแคปที่ยังไม่ลงมือว่า“ผู้มีจิตศรัทธาแคปใจกว้างเสียจริง เพื่อเป็นการเผยแพร่พระกิตติคุณของพระเจ้า จึงพูดว่าจะให้เงินเป็นจำนวนห้าร้อยล้านดอลลาร์!”
แคปได้แต่ด่ามารดามันเถอะในใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นถึงเจ้าพ่อมาเฟีย อีกทั้งยังเป็นผู้ดูแลตระกูลพอตเตอร์ แต่การที่ให้เขาเสียเงินออกมามายมายขนาดนี้ในคราวเดียว มันอดที่จะปวดใจไม่ได้
เขาไม่ใช่โทคาเรฟสกี ที่มีอํานาจที่จะสามารถขูดไถกระเป๋าเงินของประชาชนได้ตามใจ......
เงินเหล่านั้นของเขา มาจากการขายของเถื่อนทีละห่อ อาวุธยุทโธปกรณ์ทีละชิ้น มันง่ายซะที่ไหน?
ผู้บัญชาการอัศวินอดที่จะตะลึงไม่ได้“แท้จริงแล้วคุณแคปช่างเป็นศาสนิกชนที่มีความศรัทธาถึงเพียงนี้ ช่างเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นผมจริงๆ!เมื่อครู่ผมเข้าใจผิดคิดว่าคุณแคปเป็นพวกนอกรีต ผมอยากจะกลับใจจากการกระทําของผมเสียจริง”
ฉีเติ่งเสียนรีบพูดขึ้นมาว่า“ผมก็ต้องกลับใจจากการกระทําของผมเช่นกัน เป็นผมที่เข้าใจผิดก่อนว่าเขาเป็นพวกนอกรีต......เป็นความผิดของผมเอง!”
แคปรู้ว่าฉีเติ่งเสียนกำลังข่มขู่ตนอยู่ หากตนไม่เอาเงินออกมาล่ะก็ ฉีเติ่งเสียนก็จะใช้โอกาสนี้ใส่เขาเข้าไปอยู่ในรายชื่อพวกนอกรีตอย่างแน่นอน จึงทำได้เพียงกัดฟันแล้วควักเช็คออกมาเขียน
หลักจากที่ฉีเติ่งเสียนได้รับเช็คมาสองใบแล้ว จึงดึงมือขวากลับมา จากนั้นได้ยื่นมือซ้ายออกไปอีกครั้ง
“???”
โทคาเรฟสกีและแคปมองเขาด้วยสีหน้าตะลึง นี่ยังไม่พออีกหรอ?
ไม่รู้ว่าฉีเติ่งเสียนไปเอาคทาออกมาตอนไหน มาถืออยู่ในมือข้างขวา พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า“พระเจ้าตรัสว่า เมื่อได้ยื่นมือขวาออกมาแล้ว จึงต้องยื่นมือซ้ายออกมาด้วย”
หลี่อวิ๋นหว่านตกตะลึง ไม่ใช่ว่า“ผู้อื่นตบเข้าไปที่หน้าด้านซ้ายของเธอ ดังนั้นเธอจึงต้องยื่นหน้าข้างขวาออกไปด้วย”แบบนี้หรอกหรือ มันกลายเป็นวิธีการพูดแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
“มารดามันเถอะ!” โทคาเรฟสกีก่นด่าในใจอย่างอดไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังกัดฟันฉีกเช็คออกมาหนึ่งใบ แล้วเขียนอีกหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์ให้เขา
ฉีเติ่งเสียนพูดกับแคปว่า“เมื่อครู่คุณเพิ่งบอกว่าคุณจะบริจาคโรงกลั่นเหล้าองุ่นนี้ให้กับพระเจ้า เพื่อที่จะได้ชงยอดสุราธาราหยกเพื่อนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ ความใจกว้างของคุณแคป เทียบไม่ได้กับรุ่นผมจริงๆ!”
แคปหน้ามืดครึ้มหันหน้าไปและสั่งให้คนรับใช้ของเขานําใบรับรองอสังหาริมทรัพย์มา แล้วส่งให้กับฉีเติ่งเสียน
“ขอให้สง่าราศีของพระเจ้าส่อง ประกายบนคุณสองคนเสมอ!อวาต้า......เอิ่ม......อามิต......อาเมน!” ฉีเติ่งเสียนมือถือคทา ใบหน้าเข้มขึม จากนั้นจึงเคาะคทาไปยังไหล่ของทั้งสอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...