“คุณทำได้ไหม”
ซุนอิ่งซูอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามฉีเติ่งเสียนและยื่นมือออกมาดึงแขนเสื้อของเขาด้วยท่าทางระมัดระวัง กลัวว่าตนจะทำลายความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขา
ใบหน้าของฉีเติ่งเสียนแทบจะบิดเบี้ยวด้วยความโมโหเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอเห็นช่วงเวลาสำคัญของเขาไปตั้งมากมายขนาดนั้น แต่ยังถามคำถามโง่ๆ แบบนี้เหรอ
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ทำไม่ได้!”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ม้าอีกตัวในสนามก็ตื่นกลัวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้และวิ่งตรงมาหาซุนอิ่งซู
รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่เสวียนเจิน
แต่ฉีเติ่งเสียนกลับขมวดคิ้วมุ่น มันเป็นเรื่องปกติที่ม้าสักตัวจะตื่นกลัว แต่นี่อีกตัวก็แตกตื่นและพุ่งเข้ามาเหมือนกัน แบบนี้มันน่าเหลือเชื่อไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ม้าตัวแรกวิ่งชนหลี่เสวียนเจิน ส่วนม้าตัวที่สองกำลังวิ่งเข้าหาซุนอิ่งซู
สิ่งนี้ทำให้ยากที่จะไม่สงสัยว่านี่เป็นความผิดของหลี่เสวียนเจิน
ถ้าซุนอิ่งซูถูกม้าชนจนบาดเจ็บ หลี่เสวียนเจินก็จะบอกได้ว่าเธอเองก็เกือบจะโดนม้าชนและมันเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น
เมื่อซุนอิ่งซูเห็นม้าพยศที่กำลังวิ่งควบเข้ามา สมองของเธอก็สับสนไปชั่วขณะและเธอก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่
ม้าที่แข็งแกร่งเช่นนี้กำลังควบเข้ามาหาและกำลังของมันก็น่ากลัวมาก!
ฉีเติ่งเสียนก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
หันเจิ้งหมิงที่อยู่ด้านข้างหรี่ตามองด้วยความอยากรู้ว่าเขาจะหยุดม้าพยศตัวนี้อย่างไร
แต่ฉีเติ่งเสียนไม่ได้ทำอะไร เขาเพียงแค่ยืนเฉยๆ แต่ร่างกายของเขากลับเปล่งรัศมีความอาฆาตอันเยือกเย็นออกมา มีเพียงผู้ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมเท่านั้นที่จะสัมผัสกลิ่นอายนี้ได้
ประสาทสัมผัสของสัตว์นั้นคมชัดกว่าของมนุษย์มาก
เมื่อสุนัขหมาป่าดุร้ายบางตัวเห็นคนขายเนื้อในตลาดก็จะวิ่งหนีจนหางจุกตูด แล้วความฉลาดของม้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสุนัข
ฉีเติ่งเสียนยืนอยู่ตรงนั้นราวกับเทพเจ้าแห่งความตายที่ไร้เทียมทาน รังสีอาฆาตรอบตัวเขาทำให้ม้าตัวนี้รู้สึกถึงอันตรายอย่างใหญ่หลวงจนมันเกิดสัญชาตญาณแปลกๆ ที่บอกว่าถ้าไปชนเข้า ตัวของมันจะแหลกสลาย!
ดังนั้นมันจึงลดความเร็วลง กีบหน้าของมันย่องกุบกับบนพื้นและกีบหลังก็ถูครูดไปกับพื้นเพื่อชะลอความเร็ว
สุดท้ายม้าตัวใหญ่ก็หยุดอยู่ตรงหน้าฉีเติ่งเสียนประมาณหนึ่งเมตร
ซุนอิ่งซูถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างอดไม่ได้ อย่างน้อยม้าก็ไม่ได้ชน...
“กลับไปเถอะ” ฉีเติ่งเสียนเอื้อมมือไปลูบหัวม้าแล้วพูดอย่างใจเย็น
ม้าตัวใหญ่หายใจอย่างรุนแรงและสงบลงได้ แต่มันกลับคุกเข่าลงตรงหน้าฉีเติ่งเสียนและเอียงหัวไปด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อสื่อให้เขาขี่หลังมัน
อู๋กั๋วฮั่ว ปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยเคยประเมินฉีเติ่งเสียนครั้งหนึ่ง กล่าวว่าด้วยคุณงามความดีในปัจจุบันของเขา ถ้าไปอยู่ในสมัยโบราณเขาจะเป็นเหมือนพระพุทธเจ้าหรือนักพรตเต๋าอะไรแบบนั้น ม้ามีจิตวิญญาณและดูเหมือนว่าจะสามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษของคนตรงหน้า
หลี่เสวียนเจินยืนอึ้งอยู่อีกด้านหนึ่ง เธอขมวดคิ้วมุ่นก่อนที่สายตาของเธอจะไปหยุดอยู่ที่ครูฝึกม้าของสนามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ครูฝึกม้าเองก็แสดงความสับสนออกมาบนใบหน้า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ม้าถึงเชื่อฟังขนาดนี้
“โชคดีจริงๆ” หันเจิ้งหมิงเอ่ยขึ้นและอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ
ในสายตาของคนนอก การใช้กำลังเพื่อสยบม้าพยศนั้นน่าทึ่งกว่าการที่ฉีเติ่งเสียนยืนนิ่งและรอให้ม้าชะลอความเร็วด้วยตัวเองอยู่มาก!
แต่ถ้าผู้มีสติปัญญาอย่างแท้จริงเห็นฉากนี้ เกรงว่าความประหลาดใจที่มีต่อฉีเติ่งเสียนจะมีมากกว่าหันเจิ้งหมิงอยู่มากโข
แต่ซุนอิ่งซูกลับเชิดหน้าขึ้นและพูดเย้ยหยันว่า “ผู้ห้าวหาญไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ นี่คงไร้อายธรรมกันสินะถึงไม่เคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...