มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1083

สรุปบท บทที่ 1083 ผู้ห้าวหาญไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่: มังกรผู้ทรงพลัง

สรุปตอน บทที่ 1083 ผู้ห้าวหาญไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ – จากเรื่อง มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู

ตอน บทที่ 1083 ผู้ห้าวหาญไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ ของนิยายนิยายโรแมนติกในเมืองเรื่องดัง มังกรผู้ทรงพลัง โดยนักเขียน จาง หลงหู เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“คุณทำได้ไหม”

ซุนอิ่งซูอดไม่ได้ที่จะกระซิบถามฉีเติ่งเสียนและยื่นมือออกมาดึงแขนเสื้อของเขาด้วยท่าทางระมัดระวัง กลัวว่าตนจะทำลายความหยิ่งในศักดิ์ศรีของเขา

ใบหน้าของฉีเติ่งเสียนแทบจะบิดเบี้ยวด้วยความโมโหเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอเห็นช่วงเวลาสำคัญของเขาไปตั้งมากมายขนาดนั้น แต่ยังถามคำถามโง่ๆ แบบนี้เหรอ

ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ทำไม่ได้!”

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ม้าอีกตัวในสนามก็ตื่นกลัวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้และวิ่งตรงมาหาซุนอิ่งซู

รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่เสวียนเจิน

แต่ฉีเติ่งเสียนกลับขมวดคิ้วมุ่น มันเป็นเรื่องปกติที่ม้าสักตัวจะตื่นกลัว แต่นี่อีกตัวก็แตกตื่นและพุ่งเข้ามาเหมือนกัน แบบนี้มันน่าเหลือเชื่อไม่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น ม้าตัวแรกวิ่งชนหลี่เสวียนเจิน ส่วนม้าตัวที่สองกำลังวิ่งเข้าหาซุนอิ่งซู

สิ่งนี้ทำให้ยากที่จะไม่สงสัยว่านี่เป็นความผิดของหลี่เสวียนเจิน

ถ้าซุนอิ่งซูถูกม้าชนจนบาดเจ็บ หลี่เสวียนเจินก็จะบอกได้ว่าเธอเองก็เกือบจะโดนม้าชนและมันเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น

เมื่อซุนอิ่งซูเห็นม้าพยศที่กำลังวิ่งควบเข้ามา สมองของเธอก็สับสนไปชั่วขณะและเธอก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่กับที่

ม้าที่แข็งแกร่งเช่นนี้กำลังควบเข้ามาหาและกำลังของมันก็น่ากลัวมาก!

ฉีเติ่งเสียนก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวโดยไม่ส่งเสียงใดๆ

หันเจิ้งหมิงที่อยู่ด้านข้างหรี่ตามองด้วยความอยากรู้ว่าเขาจะหยุดม้าพยศตัวนี้อย่างไร

แต่ฉีเติ่งเสียนไม่ได้ทำอะไร เขาเพียงแค่ยืนเฉยๆ แต่ร่างกายของเขากลับเปล่งรัศมีความอาฆาตอันเยือกเย็นออกมา มีเพียงผู้ที่มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมเท่านั้นที่จะสัมผัสกลิ่นอายนี้ได้

ประสาทสัมผัสของสัตว์นั้นคมชัดกว่าของมนุษย์มาก

เมื่อสุนัขหมาป่าดุร้ายบางตัวเห็นคนขายเนื้อในตลาดก็จะวิ่งหนีจนหางจุกตูด แล้วความฉลาดของม้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสุนัข

ฉีเติ่งเสียนยืนอยู่ตรงนั้นราวกับเทพเจ้าแห่งความตายที่ไร้เทียมทาน รังสีอาฆาตรอบตัวเขาทำให้ม้าตัวนี้รู้สึกถึงอันตรายอย่างใหญ่หลวงจนมันเกิดสัญชาตญาณแปลกๆ ที่บอกว่าถ้าไปชนเข้า ตัวของมันจะแหลกสลาย!

ดังนั้นมันจึงลดความเร็วลง กีบหน้าของมันย่องกุบกับบนพื้นและกีบหลังก็ถูครูดไปกับพื้นเพื่อชะลอความเร็ว

สุดท้ายม้าตัวใหญ่ก็หยุดอยู่ตรงหน้าฉีเติ่งเสียนประมาณหนึ่งเมตร

ซุนอิ่งซูถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างอดไม่ได้ อย่างน้อยม้าก็ไม่ได้ชน...

“กลับไปเถอะ” ฉีเติ่งเสียนเอื้อมมือไปลูบหัวม้าแล้วพูดอย่างใจเย็น

ม้าตัวใหญ่หายใจอย่างรุนแรงและสงบลงได้ แต่มันกลับคุกเข่าลงตรงหน้าฉีเติ่งเสียนและเอียงหัวไปด้านหน้าเล็กน้อยเพื่อสื่อให้เขาขี่หลังมัน

อู๋กั๋วฮั่ว ปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยเคยประเมินฉีเติ่งเสียนครั้งหนึ่ง กล่าวว่าด้วยคุณงามความดีในปัจจุบันของเขา ถ้าไปอยู่ในสมัยโบราณเขาจะเป็นเหมือนพระพุทธเจ้าหรือนักพรตเต๋าอะไรแบบนั้น ม้ามีจิตวิญญาณและดูเหมือนว่าจะสามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษของคนตรงหน้า

หลี่เสวียนเจินยืนอึ้งอยู่อีกด้านหนึ่ง เธอขมวดคิ้วมุ่นก่อนที่สายตาของเธอจะไปหยุดอยู่ที่ครูฝึกม้าของสนามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ครูฝึกม้าเองก็แสดงความสับสนออกมาบนใบหน้า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ม้าถึงเชื่อฟังขนาดนี้

“โชคดีจริงๆ” หันเจิ้งหมิงเอ่ยขึ้นและอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ

ในสายตาของคนนอก การใช้กำลังเพื่อสยบม้าพยศนั้นน่าทึ่งกว่าการที่ฉีเติ่งเสียนยืนนิ่งและรอให้ม้าชะลอความเร็วด้วยตัวเองอยู่มาก!

แต่ถ้าผู้มีสติปัญญาอย่างแท้จริงเห็นฉากนี้ เกรงว่าความประหลาดใจที่มีต่อฉีเติ่งเสียนจะมีมากกว่าหันเจิ้งหมิงอยู่มากโข

แต่ซุนอิ่งซูกลับเชิดหน้าขึ้นและพูดเย้ยหยันว่า “ผู้ห้าวหาญไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ นี่คงไร้อายธรรมกันสินะถึงไม่เคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน”

ฉีเติ่งเสียนเดินไปข้างหน้าและปีนขึ้นไปบนหลังของเจ้าม้าตัวใหญ่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นก่อนจะยื่นมือออกไปหาซุนอิ่งซู

ซุนอิ่งซูชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จับมือของเขาและปีนขึ้นไปบนหลังม้าแล้วนั่งอยู่ข้างหน้าเขา

จากนั้นม้าใหญ่ก็ลุกขึ้นยืน มันส่งเสียงทางจมูกสองครั้งก่อนจะวิ่งเหยาะๆ ออกไปพร้อมคนทั้งสองบนหลังอย่างมีความสุข

“แปลกจริงๆ ม้าตัวนี้มีนิสัยเอาแต่ใจและเกเรที่สุด แทบจะไม่มีใครขี่หลังมันได้ แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น” ดวงตาของครูฝึกม้าแทบหลุดออกจากเบ้าเมื่อเห็นฉากตรงหน้าและเขาก็ประหลาดใจมาก

เมื่อคนจากกลุ่มธุรกิจซ่างชิงเห็นซุนอิ่งซูขี่ม้ากับฉีเติ่งเสียนอย่างผ่าเผย สีหน้าของพวกเขาก็หม่นหมองลงอย่างอดไม่ได้

ก่อนหน้านี้เวลาซุนอิ่งซูไปเจอผู้ชายคนไหน เธอจะพาคนไปกับเธอด้วยเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย หลีกเลี่ยงการถูกใส่ร้ายป้ายสีและเอาเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลในการโจมตีเธอ

แต่ตอนนี้เธออวดดีมาก!

แต่กลับไม่มีใครไปเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าทำแบบนั้น...

เพราะอย่างไรแล้วคนที่ขี่ม้ากับซุนอิ่งซูก็คือพระอัครสังฆราชแห่งเขตใต้ของศาสนาศักดิ์สิทธิ์ ใครก็ตามที่กล้าเอาเขามาพูดมั่วๆ ก็จะถูกลูกศิษย์ของศาสนาศักดิ์สิทธิ์ถ่มน้ำลายใส่จนตายในไม่กี่นาที

“คุณนี่มันอวดดีจริงๆ!” ซุนอิ่งซูอดยิ้มไม่ได้

ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “อวดดีตรงไหนครับ ความรักชายหญิงก็ปกติไม่ใช่เหรอ พวกเขาคิดเห็นยังไง! ถ้าคิดยังไงก็มาบอกผม มาดูกันว่าใครจะไม่ถูกผมต่อยบ้าง”

ซุนอิ่งซูกล่าวเสริมว่า “ฉันชอบจัง!”

“ไปทางนั้น คนตระกูลชุยอยู่ทางนั้น!”

ซุนอิ่งซูยื่นมือและชี้ไปทางซ้ายด้วยความตื่นเต้นขณะพูดกับฉีเติ่งเสียน

ฉีเติ่งเสียนโอบแขนรอบเอวซุนอิ่งซู แล้วดึงบังเหียนด้วยมืออีกข้างให้ม้าเปลี่ยนทิศทางด้วยท่วงท่าสง่างาม และเดินผ่านไปตรงหน้าสมาชิกตระกูลชุยราวกับขบวนพาเหรด...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง