สำหรับฮูหยินที่มั่งคั่งและงดงามแล้ว ความเยาว์และวัยรุ่นนั้นสำคัญกว่าเงินทองและอำนาจซะอีก ยังไงซะ เธอก็อายุเลขสามแล้ว
ช่วงเวลาสามสิบปีนี้ สำหรับเธอแล้วเป็นการผ่านกาลเวลาไปอย่างไร้ความหมาย โดยเฉพาะไม่กี่ปีมานี้ที่แต่งเข้ามายังตระกูลชุย เป็นการสิ้นเปลืองเยาว์วัยและความสวยอย่างมาก ดังนั้น เธอต้องทดกลับมา
ยังดีที่พระอัครสังฆราชฉีร่างกายแข็งแรง ไม่อย่างนั้น อาจจะต้องเจริญรอยตามผู้อาวุโสชุยที่ใช้โสมในการยืดอายุ
“แท้จริงแล้ว นักล่าระดับส่งมักจะปรากฏตัวในสถานะเหยือนี่เอง” ฉีเติ่งเสียนมองไปยังซุนอิ่งซูที่กลับมีพลังเพิ่มขึ้น ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ฉีเติ่งเสียนเตรียมตัวสักพัก เตรียมตัวออกไปหาเฉินปาเซี่ย ได้เงินของเขามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ถึงแม้ว่าสำหรับเขาแล้วยังมีความแค้นกับฉีเติ่งเสียนที่ฆ่าลูกของเขา แค้นมากถึงขั้นไม่อยากอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน แต่สมุดบัญชีเล่มนั้นสำหรับเขาแล้ว สำคัญมากเช่นกัน
“หันเจิ้งหมิงผู้นี้ที่เป็นรองผอ.เทควันโดไท่อี้นั้นถูกหลิวจงเหยียนซุ่ยจัดการจนขาหักไปหนึ่งข้าง หันเฉิงจุนผู้นี้ที่เป็นคนแรกของสายศิลปะการต่อสู้แห่งโคกูรยอ ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาแก้ไขสถาณการณ์หรอกหรอ?” ฉีเติ่งเสียนนึเรื่องนี้ได้ขึ้นมา จึงได้ถามไปยังซุนอิ่งซูที่กำลังแต่งหน้าอยู่
ซุนอิ่งซูนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ด้วยท่าทางที่สง่างาม มองไม่เห็นถึงความบ้าคลั่งของ "อธิการอัศวิน" ในตอนเช้าเลยสักนิด
“หันเฉิงจุนเป็นถึงคนแรกของสายศิลปะการต่อสู้แห่งโคกูรยอ ยุ่งเป็นเรื่องปกติ อีกอย่าง หลิวจงเหยียนซุ่ยไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยง่าย มีชื่อเสียงอย่างมากในเจียเผิงกั๋ว เขาคงจะถ่อเป็นพันไมล์เพื่อมาสถาณการณ์นี้หรอก” เธอพูดเสียงเรียบ
“จะว่าไป ฉันหวังให้เขามาใจจะขาด นายก็จัดการให้เขาพิการไปครึ่งซีกเลย จากนั้นฉันก็จะได้เอาโล่ประกาศเกียรติคุณของพ่อฉันคืนมา”
“ชื่อเสียงของตระกูลซุน ถูกเหยียบย่ำโดยทควันโดไท่อี้เรียกได้ว่าป่นปี้ไปหมดแล้ว”
บิดาของซุนอิ่งซูนั้น แต่ก่อนก็เป็นชาวยุทธที่มีชื่อเสียงในโคกูรยอ แต่กลับแพ้อย่างอนาถในมือของหันเฉิงจุน จากนั้นก็ฟุบลงอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้ ชื่อเสียงของตระกูลซุนก็จบไปด้วยเช่นกัน
เธอหมกมุ่นกับการเอาโล่ประกาศเกียรติคุณคือมา เป็นอย่างมาก
หลังจากที่วางลิปสีชมพูที่แวววาวและชุ่มชื่นลงแล้ว ฮูหยินที่มั่งคั่งและงดงามก็ได้ยกมือขวาขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับชูนิ้วก้อยออกมา จากนั้นถูไปยังริมฝีปากด้วยท่าทางสง่างาม ราวกับปีศาจยั่วยวนไม่ปาน
ฉีเติ่งเสียนมองหญิงงามในกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ต้องยอมรับว่า อารมณ์ที่สง่างามและเป็นผู้ใหญ่ของคุณนายซุนนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงธรรมดาสามารถมีได้ ทำให้คนอยากได้
“รอเรื่องที่เซียงซานสิ้นสุดลง ฉันก็กลับไปโคกูรยอ ฉันต้องยืนยันว่าหลี่เสวียนเจินนังตัวแสบตัวน้อยกลับมาแล้วถึงจะสบายใจ” ซุนอิ่งซูหมุนตัวกลับมาพูดกับฉีเติ่งเสียน
“ดังนั้น สองวันนี้ ถ้ามาหาฉันได้ ก็พยายามมาเถอะ!”
ขณะที่พูดประโยคนี้ออกมา เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าและขุ่นเคืองในน้ําเสียงของเธอ ฉีเติ่งเสียนที่ได้ฟังอดไม่ได้ที่จะขนลุก
ขณะที่พูด ซุนอิ่งซูก็ดึงลิ้นชักออกมา และหยิบบัตรธนาคารออกมา “นายต้องสร้างวิหารที่หนานหยาง ต้องใช้เงินเยอะแน่นอน ตำแหน่งพระอัครสังฆราชที่นายซื้อมา ก็หมดเงินไปมากเลยทีเดียว ยังติดหนี้คนประเทศเสวี่ยอีกไม่น้อย......”
“ฉันน่ะ ถึงแม้จะเป็นคนระดับสูงของกลุ่มธุรกิจซ่างชิง แต่เงินส่วนตัวในมือมีไม่เยอะ”
“เงินในบัตรนี้น่าจะมีอยู่ราวหกล้านกว่าดอลได้ นายเอาไปใช้เถอะ”
ฉีเติ่งเสียนอดไม่ได้ที่จะตะลึง ภายในใจซาบซึ้งเป็นอย่างมาก จากนั้นค่อยรู้สึกว่ามันไม่น่าใช่ คิดได้แล้วจึงพูดออกมาว่า“ข้าขายศิลป์ไม่ขายตัว!”
เขามีความรู้สึกราวกับถูกฮูหยินมั่งคั่งและงดงามนี้ซื้อกินยังไงไม่รู้ อย่างน้อย คุณนายซุนสบายแล้ว ก็เอาหกล้านกว่าดอลออกมาได้ ทําให้เขารู้สึกมีส่วนร่วมไม่มากก็น้อย
ซุนอิ่งซูก็ชะงัก จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงเย็น“ไม่เอาก็ไม่ต้องเอา เจตนาที่ดีกลายเป็นเครื่องในของลาไปแล้ว!”
สิ้นเสียง ซุนอิ่งซูก็เตรียมที่จะเก็บเงินไป
ฉีเติ่งเสียนกลับพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงหยิบบัตรมาไว้ในมือ“ล้อเล่นหน่า การที่ได้รับใช้คุณนาย เป็นความฝันของฉันมาโดยตลอด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...