ความคิดเห็นประโยคนี้ของเหอลั่วไม่มีที่ผิดเลยสักนิด เฉินหยูและฉีเติ่งเสียนร่วมมือกัน มันคือการผสมรวมตัวกันของสองความชั่วร้ายชัดๆ ทั่วหล้าไร้ผู้ต่อต้าน
หลังจากที่เดินออกจากห้องที่พึ่งพูดคุยเมื่อสักครู่“คิดไม่ถึงเลยว่าเหอลั่วก็มีหวพริบเหมือนกัน ถึงขนาดที่ร่วมมือกับคนของสมาคมเสวียนหยางอย่างอย่างเงียบๆ” เฉินหยูพูด
“สมาคมเสวียนหยางเป็นหนึ่งในสมาคมที่สำคัญของประเทศเจี๋ยเผิง ซึ่งเคยมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาล ดังนั้นจึงมีสถานะทางสังคมที่สูงมาก”
“ต่อมาเป็นเพราะว่าความคิดของพวกเขาขัดแย้งกับทางรัฐ จึงค่อยๆห่างเหิน อิทธิพลของพวกเขาจึงดีเหมือนเมื่อก่อน”
“แต่ว่า พวกเขามีทุนทรัพย์ด้านการเงินที่มากมาย ค่อนข้างที่จะน่ากลัวทีเดียว”
“ถึงกลุ่มทุนของประเทศเจี๋ยเผิงจะเก่งขนาดไหน ก็ยังต้องคอยดูสีหน้าของผู้อาวุโสประเทศมี่อยู่ดี อวิ๋นหว่านและอีวาทั้งสองคนได้ทำงานอยู่ที่ประเทศมี่ ได้อำนาจของประเทศเสวี่ยคอยช่วยเหลือ จึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองหลายคน ถ้าไม่ได้จริงๆล่ะก็ ให้ผู้อาวุโสประเทศมี่ออกหน้าจัดการสมาคมเสวียนหยางก็แค่นั้นเอง!”
หลังจากที่เฉินหยูได้ฟัง ก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิด
ก่อนหน้านี้เธอได้เลือกเวลานี้เพื่อเจรจากับตระกูลเหอ เพื่อที่ต้องการที่จะได้เหอกรุ๊ปที่สมบูรณ์แบบมากกว่านี้สักหน่อย ไม่ใช่ว่าทำให้พวกเขาบกพร่องแล้วเธอจึงรับช่วงต่อ
การได้ประโยชน์สูงสุดนั้น เป็นสิ่งที่เธอคำนึงถึงเป็นสิ่งแรกเสมอ
“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ ค่อยๆวางแผนก็ได้” ในตอนท้ายเฉินหยูก็ยิ้ม จากนั้นใช้ไหล่ชนไปที่ฉีเติ่งเสียนหนึ่งที
“อืม” ฉีเติ่งเสียนพยักหน้า รู้สึกว่าเฉินหยูนี่มีลักษณะนิสัยหลายด้านซะจริง
เฉินหยูที่กำลังเดินอยู่นั้น ก็ได้มีลมสายหนึ่งพัดมา จึงทำให้ฝุ่นปลิวเข้าไปในตาของเธอ
เธอรีบถอดแว่นออก ใช้มือขยี้ไปที่ตา พร้อมกับพูดว่า“มีอะไรเข้าตาฉัน รีบเป่าให้ฉันเร็ว”
ฉีเติ่งเสียนให้เธอถ่างหนังตา จากนั้นออกแรงเป่า สิ้นเสียงฟู่ ฝุ่นที่อยู่ในตาก็กระเด็นออกมา
เฉินหยูรู้สึกสบายขึ้นมาทันที จากนั้นจึงเห็นว่าสายตาของไอ้หมานี่กำลังจ้องมองมาที่ใบหน้าของเธอ
มุมปากของเธอจึงอดไม่ได้ที่จะยกขึ้น“ทำไม ไม่เคยเห็นหรอ?”
“ดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะสวยขนาดไหน พอถึงหนังตาลง ลูกตาเหลือกขึ้น ก็น่าเกลียดเหมือนกันนะเนี่ย!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินหยูแข็งค้างทันที จากนั้นจึงยกนิ้วโป้งให้กับฉีเติ่งเสียนอย่างไร้เสียง“เข้าใจพูดนะนายเนี่ย!ที่จริงแล้ว ยังมีอีกความลับนึงที่จะบอกนาย”
“อะไรหรอ?” ฉีเติ่งเสียนถาม
“นางฟ้าแบบพวกฉันเนี่ย ก็ต้องขี้ต้องตดเหมือนกันนะ” เฉินหยูยิ้ม
ฉีเติ่งเสียนหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
หลังจากทั้งสองกินข้าวกลางวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉีเติ่งเสียนต้องไปมหาวิหารเซียงซานเพื่อจัดการบางเรื่อง เฉินหยูที่ไม่มีอะไรทำ จึงตามเขาไปด้วย
เห็นเขาเปลี่ยนมาสวมชุดสีแดงของพระอัครสังฆราชแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา“ครั้งก่อนได้แต่เห็นในทีวี เกือบที่จะทำให้ตาฉันสว่างจนบอดแล้ว!”
“เดิมเธอก็มีตาหามีแววไม่ บอดไปก็ไม่เป็นไร!” ฉีเติ่งเสียนพูด
“ทำไมถึงพูดแบบนี้?” เฉินหยูถาม
“ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างฉันอยู่ตรงหน้าเธอ เธอไม่นอนกับฉัน แต่กลับคิดแต่จะหยอกฉัน ไม่นับว่ามีตาหามีแววไม่หรือ?” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างหยิ่งผยอง
“อ่า ใช่ใช่ใช่!” เฉินหยูเห็นด้วย
หลังจากที่มาถึงมหาวิหารเซียงซานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฉินหยูก็ได้เดินสำรวจไปทั่ว แต่ฉีเติ่งเสียนกับต้องประชุมกับพวกบาทหลวง
เมื่อเห็นเฉินหยูมองดูรูปปั้นของพระผู้เป็นเจ้า ฉีเซียนก็อดไม่ได้ที่จะมีความคิดนึงแวบเข้ามา ถ้าให้เธอแต่งตัวเป็นแม่ชีหรือนักบวช ไม่รู้ว่าจะสามารถดึงดูดผู้ศรัทธาเพิ่มมากขึ้นไหม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...