“คุณเฉินใช่ไหม”
ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังรับประทานอาหารอยู่นั้น ก็มีผู้หญิงเดินคนหนึ่งเข้ามา เธอสวมชุดสูทสีดำ เธอช่างเป็นผู้หญิงที่สง่าผ่าเผยและดูห้าวหาญเป็นอย่างมาก
ฉีเติ่งเสียนเงยหน้าขึ้นไปมอง และอดไม่ได้ที่จะตะลึงไปครู่หนึ่ง นั่นไม่ใช่คามิยามะ ยุย จากสมาคมเสวียนหยางไม่ใช่รึยังไง?
วันนี้เขาและเฉินหยูไปตระกูลเหอด้วยกัน ถึงแม้พวกเขาจะทำให้ตระกูลเซี่ยถอนตัวออกไปได้แล้ว แต่ว่า เหอลั่วก็พยายามติดต่อสมาคมเสวียนหยางอยากสุดความสามารถ เพื่อขอความช่วยเหลือ
คาดไม่ถึงเลยว่า ตระกูลเหอเพิ่งจะตกลงเงื่อนไขบางอย่างกับสมาคมเสวียนหยางสำเร็จ และพวกเขาก็จะไปเจอกับคามิยามะ ยุย ที่ร้านอาหารในคืนนี้
ทางด้านคามิยามะ ยุยเองข้างกันนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งติดตามมาด้วย หน้าตาของผู้หญิงคนนี้ดูแล้วธรรมดา แต่ร่างกายของเธอกลับเต็มไปด้วยปราณพิฆาตที่เข้มข้นมากๆ เห็นได้ชัดว่าเธอจะต้องเป็นคนที่คร่าชีวิตคนไปไม่น้อยเลยทีเดียว
เฉินหยูอดไม่ได้ที่ยิ้มออกมาแล้วพูดตอบว่า “ที่แท้ก็คุณหนูคามิยามะ ยุยนี่เอง อยากเจอฉันมีเรื่องออะไรงั้นหรอ?”
คามิยามะ ยุย ตอบกลับอย่างใจเย็นว่า “เธอไม่ต้องคิดเรื่องตระกูลเหออีกต่อไปแล้ว เธอไม่มีโอกาสอีกแล้ว ถึงเธอจะเป็นคุณหนูใหญ่ของหนานหยางเฉินกรุ๊ป แต่ฉันขอเตือนเธอซักประโยคนะ อย่ามายั่วโมโหฉันไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
เฉินหยูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พลางหันไปทางฉีเติงเสียน ฉับพลันก็เปลี่ยนสีหน้าเศร้าโศกเช่นคนไม่ได้รับความเป็นธรรมในทันที แล้วพูดว่า "พี่ชาย~ เธอขู่มฉัน!”
ฉีเติ่งเสียนได้ยินเช่นนั้นก็ขนลุกไปทั่วตัว ช่วยอย่ามาทำตัวเสแสร้งอย่างนี้ได้ไหม มันทำให้คนรู้สึกรำคาญไม่รู้หรอ?
อย่างไรก็ตาม การที่คามิยามะ ยุย มาขุ่มขู่เฉินหยูต่อหน้าเขาเช่นนี้ มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างจริงๆ นั่นแหละ
วันนั้นที่คามิยามะ ยุยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มธุรกิจซ่างชิงที่สมาคม และยังคิดที่จะจัดการเขา ยังดีฉีเติ่งเสียนมีคนรู้จักที่สมาคมเสวียนหยางอย่างหลิวจงเหยียนซุ่ย สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นละก็ กว่าครึ่งของสมาคมเสวียนหยางคงจะเต็มไปกองศพมากมาย หากไม่ใช้ศพที่ถูกทิ้งไว้กองใหญ่ อย่างน้อยก็ทิ้งเงินดอลลาห์จำนวนหลานร้อยล้านไว้แทน
แน่นอนว่าผู้หญิงฉลาดอย่างเฉินหยูไม่จำเป็นต้องไปเผชิญหน้ากับคามิยามะ ยุยต่อหน้าด้วยซ้ำ ตำแหน่งของเธอสูงจะตายไป ไหนจะมีฉีเติ่งเสียนที่นับได้ว่าเป็นอันพาลอันดับต้นๆ อีก ถ้าไม่ใช้ของพวกนี้ แบบนั้นเธอจะไม่โง่ไปหน่อยหรอ?
คามิยามะ ยุย กลับไม่ให้ความสนใจ เพียงพูดอย่างใจเย็นว่า “รีบๆ ไสหัวกลับหนานหยางของเธอไปได้แล้ว ไม่ต้องคิดจะสร้างเรื่องอะไรอีก! ตระกูลเหอมีฉันปกป้องอยู่ นอกจากนี้ ถ้าเธอสร้างความเสียหายที่ฉันไม่อยากเห็นขึ้นมาละก็ ฉันคาดว่าแม้แต่สิทธิ์ที่จะกลับเธอก็จะไม่มีมันอีกต่อไป”
“ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ออกมา หลิวจงเหยียนซุ่ยรู้รึเปล่า?” ฉีเติ่งเสียนถาม
“ปรมาจารย์เหยียนซุ่ยเคารพนาย มันไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเคารพนาย ต่อให้วรยุทธ์สูงแค่ไหน ก็แก้ไขไม่ได้ทุกปัญหาหรอกนะ!” คามิยามะ ยุย ตอบกลับ
“ก็จริงที่วรยุทธ์สูงแก้ไขปัญหาทุกเรื่องไม่ได้ แต่ถ้าวรยุทธ์สูงให้ได้เท่าระดับเดียวกับฉันในตอนนี้น่ะ ปัญหาทุกอย่างก็แก้ได้ด้วยวรยุทธ์อยู่ดีนั่นแหละ” ฉีเติ่งเสียนตอบอย่างยิ้มๆ
คามิยามะ ยุยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา ผู้หญิงซึ่งเต็มไปด้วยปราณพิฆาตที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ผู้หญิงที่ร่างกายอาบย้อมไปด้วยปราณพิฆาตเดินเข้ามาแล้วพูดต่อว่า “ต่อให้นายต่อสู้เก่งแค่ไหน แต่ไม่ได้ความว่าเป็นอมตะ ฆ่าไม่ตายสักหน่อยนิ พวกที่มีวรยุทธสูงๆ ตายด้วยน้ำมือของพวกฉันมาแล้วไม่แปดก็สิบคน นายอยากเป็นคนที่เก้าไหมล่ะ?”
เฉินหยูมองไปทางผู้หญิงที่ร่างกายรายล้อมไปด้วยปราณพิฆาต ทันใดนั้นก็เหลือบไปรอยสักที่หลังมือซ้ายของเธอพอดี ดวงตาของเธอก็มืดลง
ไม่ทันได้รอฉีเติ่งเสียนตอบ คามิยามะ ยุยก็โบกมือเบาๆ แล้วพูดว่า “พวกฉันไปกันเถอะ”
พวกเธอจากไปแล้ว
โดยที่ไม่ทำอะไรเฉินหยู ทำเพียงแค่เตือนอย่างง่ายๆ เท่านั้น
ตอนที่ฉีเติ่งเสียนหันหน้ากลับมาทันเห็นสีหน้าที่จริงจังของเฉิยหยูแวบหนึ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมต้องทำหน้าจริงจังขนาดนี้......”
เฉินหยูพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “แค่นายอยู่ข้างๆ ฉัน ฉันก็ไม่มีอะไรต้อวกลัวแล้ว เพียงแต่ว่า ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ คามิยามะ ยุยคนนั้น ที่มาของเธอจะต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะอย่างนั้น มันเลยทำให้ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย!”
ฉีเติ่งเสียนกลับหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ ในสายตาของฉัน ไอ้องค์กรฝูงหมาป่าอะไรนี่ ก็เป็นแค่น้องชายของน้องชายอ่อนแอจะตายไป เธอก็ทำเรื่องของเธออย่างสบายใจไปเถอะ ส่วนเรื่องของพวกมัน ปล่อยให้ฉันจัดการเอง!”
เฉินหยูกลับขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คงจะดีไม่น้อย ถ้านายทำลายพวกมันทั้งกลุ่มได้จริงๆ แต่ว่าถ้านายไม่มั่นใจละก็ ทางที่ดีอย่าบุ่มบ่ามทำอะไรโดยพลการไปละ ถ้าพวกมันเอาคืนขึ้นมามันจะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ!”
“เอาอะไรมาน่ากลัว!” ฉีเติ่งเสียนหัวเราะเยาะ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
เฉินหยูรู้สึกว่าฉีเติ่งเสียนในตอนนี้ชักจะว่างมากเกินไปแล้ว เมื่อวรยุทธ์ของเขาสูงจนถึงระดับนี้ ทำให้รู้สึกว่าไม่มีใครเก่งพอที่จะอยู่สายตาของตัวเองได้อีกต่อไป เธอได้พูดสิ่งที่ควรพูดเกี่ยวกับความร้ายกาจของฝูงหมาป่าไปหมดแล้ว แต่ชายคนนี้ก็เอาแต่ทำหน้าโลกนี้ไม่มีใครล้มฉันได้ มันช่างทำให้คนเห็นรู้สึกรำคาญจริงๆ
ตอนที่ฉีเติ่งเสียนยืนขึ้นเพื่อไปเช็กบิล ก็ถือโอกาสหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาพ่อของตัวเอง
“พ่อ ส่งตัวหมาป่าโลภมาที่เซียงซานที มีเรื่องจะให้เขาจัดการ!” ฉีเติ่งเสียนกล่าว
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นฉีปู้อวี่ ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง จากนั้นก็ส่งเสียงอ่าออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาประหลาดใจอย่างมาก
“พ่อก็จัดการไปตามที่เห็นว่าสมควรเลย เรื่องที่เซียงซานบางเรื่องต้องให้เขามาจัดการด้วยตัวเอง”
ฉีปู้อวี่ส่งเสียงโอ้ออกมา จากนั้นก็วางสายโทรศัพท์
เขาเดินออกจากห้องทำงานของผู้คุม แล้วเดินไปยังโรงอาหารที่กำลังแจกจ่ายข่าวกันอยู่
เมื่อเข้าไปถึงโรงอาหาร ผู้คุมในเรือนจำต่างก็ทำความเคารพเขากันแทบจะทันทีและพูดอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “หัวหน้าใหญ่!”
ถ้าให้บุคคลภายนอกเห็นเหตุการณ์เข้าละก็ คนส่วนมากย่อมเกิดความสงสัยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ว่าที่แห่งนี้เป็นเรือนจำหรือเป็นรังโจรที่ถูกยึดโดยหัวหน้ากองโจรกันแน่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...