ฉีเติ่งเสียนยังคงชอบนักบวชที่ชื่อจิ่วเฮิงผู้นี้อยู่มาก เขามีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งใกล้เคียงระดับหยั่งเห็นพระเจ้า
แม้ว่าแรกเริ่มเขาจะเกิดมาในศาสนาพุทธ แต่เขาก็ไม่เคยใช้หลักคำสอนที่มีข้อจำกัดเหล่านั้นมาผูกมัดตนเอง นอกจากนี้ยังเป็นคนบ้าการต่อสู้ ซึ่งสามารถเห็นได้จากท่าทีของเขาเมื่อครู่นี้
พระสงฆ์ฝ่ายพุทธศาสนาทุกคนโกรธจนอกแทบจะระเบิด เมื่อวานนี้เวย์หลงกับนักบวชไร้หัวใจต้องพบเจอกับความเสียหายครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของฉีเติ่งเสียน และนั่นทำให้พวกนักบวชต้องเสียหน้า
วันนี้เชิญบุคคลอาวุโสอย่างจิ่วเฮิงมาก็ด้วยหวังว่าเขาจะสั่งสอนบทเรียนให้ฉีเติ่งเสียนได้ และพุทธศาสนาก็จะได้รับความเคารพ
ไหนเลยจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉีเติ่งเสียน นอกจากนี้ยังถูกฉีเติ่งเสียนหว่านล้อมได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
“พ่อหนุ่ม ฉันขอเตือนนายเอาไว้ ถ้าฉันรู้ว่านายโกหกฉัน อย่ามาโทษถ้าฉันพุ่งเป้าไปที่นาย!” จิ่วเฮิงเตือนฉีเติ่งเสียนอย่างเด็ดขาด ท่าทีจริงจังไม่เหมือนกำลังล้อเล่น
“วางใจเถอะน่า ผมไม่เคยฉกชิงวิ่งราวใคร” ฉีเติ่งเสียนโบกมือพลางเอ่ยเรียบๆ สีหน้ายิ้มเล็กน้อย
จิ่วเฮิงเองก็ไม่พูดอะไรอีกให้มากความ เขาตัดสินใจว่าจะติดตามฉีเติ่งเสียนดูสักระยะหนึ่งเพื่อดูว่าจะมีคนมีฝีมือดีมากมายมาต่อสู้กับเขาอย่างที่เขาพูดหรือเปล่า
จิ่วเฮิงเองก็รู้ตัวดีเช่นกันว่าการทำลายความว่างเปล่าและก้าวขั้นการหยั่งเห็นพระเจ้านั่น ไม่ใช่ก้าวย่างที่ง่ายขนาดนั้น
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีนักสู้อัจฉริยะกี่คนที่ถูกขังลืมจนตายต่อหน้าธรณีประตูแห่งนี้ สุดท้ายก็ไม่มีวันได้เห็นพระเจ้าที่แท้จริง
อาจารย์จางเทียนเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเบือนหน้าหนีและลอบยิ้ม ทันทีที่หันหน้าไปก็เห็นอาจารย์จื่อหยางหันหน้าและยิ้มออกมา
ศาสนาพุทธกับลัทธิเต๋ามีการต่อสู้กันมาหลายครั้งนับตั้งแต่โบราณ เมื่อได้เห็นพวกลาหัวล้านของพระพุทธศาสนาเสียหน้า ผู้เป็นอาจารย์ทั้งสองก็อดมีความสุขไม่ได้
เหรินซวนเองก็อดเม้มริมฝีปากไม่ได้เช่นกัน บรรพจารย์ผู้นี้มีพลังที่สูงส่งมาก เขาเองก็ยังคิดหาวิธีติดตามเขาสักระยะ เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ!
“เริ่มประชุมกันดีกว่า!” ฉีเติ่งเสียนหัวเราะฮึๆ และเอ่ยพลางโบกมือ
ในเวลานั้นเอง ตู้ฉางหมิงก็ปรากฏตัวออกมา เมื่อเห็นว่าทั้งจัตุรัสดูเหมือนจะถูกบดขยี้ด้วยรถบดถนน บนสีหน้าก็มีความประหลาดใจปรากฏขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเขานึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่... ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นแค่การต่อสู้ตัวต่อตัวไม่ใช่หรือ?
การประชุมในวันนี้ยังคงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ตู้ฉางหมิงเองก็ไม่อยากปล่อยให้ยืดเยื้อ เพราะการล่าช้าไปหนึ่งวันย่อมหมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น
ไอ้ลูกหมาจากศาสนาศักดิ์สิทธิ์นี่สุขสบายเกิน อยู่แต่ละทีก็อยู่แต่โรงแรมห้าดาว...
ในการประชุม ฝ่ายพุทธศาสนาได้แต่หดหู่ใจและไม่พูดอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าการหักหลังของจิ่วเฮิงส่งผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขาอย่างแรง
ในหัวของคนคลั่งไคล้การต่อสู้อย่างจิ่วเฮิงเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับการฝึกฝนพัฒนาการต่อสู้ ไม่ได้คำนึงถึงความคิดเห็นของนักบวชชาวพุทธเลยแม้แต่น้อย คราวนี้ถ้าไม่ได้ยินว่ามีเด็กหนุ่มฝีมือดีที่ควรค่าแก่การต่อสู้มาด้วย เขาคงไม่มีความคิดที่จะออกมาจากหอคอย
ทางฝ่ายศาสนาศักดิ์สิทธิ์เองก็รู้ว่าทางการไม่มีทางให้ทรัพยากรดีๆ แก่พวกเขามากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงคร้านที่จะโต้เถียง
ในขณะเดียวกัน ประเทศหัวกั๋วเข้มงวดมากในเรื่องการดูแลจัดการศาสนา ถึงขนาดต้องสอบให้ได้หนังสือรับรองก่อน ถ้าอยากเป็นพระหรือนักบวชเต๋า
ฉีเติ่งเสียนนั่งมองดูความคึกคักอย่างเป็นสุข มองดูทุกคนโต้เถียงกันหน้าดำหน้าแดงแล้วรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
“ถึงอย่างไรสมเด็จพระสันตะปาปาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับความเลื่อมใสศรัทธาในประเทศหัวกั๋วมากอยู่แล้ว ฉันแค่อยากจะพัฒนาในเขตพื้นที่หนานหยางอย่างสงบๆ เท่านั้น การประชุมทางศาสนาครั้งนี้ ฉันว่าเป็นอะไรที่ใกล้จะจบเต็มทีแล้ว ถึงยังไง พวกลาโง่ตรงนี้ที่อยากจะซัดหน้าฉันกันทั้งนั้น” ฉีเติ่งเสียนคิดในใจ
ในการประชุมศาสนาครั้งใหญ่นี้ ศาสนาพุทธและเต๋าซึ่งเป็นสองศาสนาที่ใหญ่ที่สุดควรจะร่วมมือกันและพุ่งเป้าไปที่ศาสนาศักดิ์สิทธิ์ จัดการฉีเติ่งเสียนให้ราบคาบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...