มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1255

“ฝีมือของคุณพัฒนาขึ้นเร็วมาก ทำได้ยังไงน่ะ?”

“ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้อยู่ที่เซียงซานหรอกเหรอ”

ฉีเติ่งเสียนถามเบาๆ ขณะที่เอาสองมือล้วงกระเป๋าเดินเคียงข้างไปกับอวี้เสี่ยวหลง

อวี้เสี่ยวหลงเอ่ยอย่างสงบว่า “บางทีอาจเป็นเรื่องบังเอิญ พอสั่งสมมาจนถึงระดับหนึ่ง ก็เลยเริ่มเกิดการสั่งสมเรื่อยๆ โดยอัตโนมัติ”

ฉีเติ่งเสียนไม่แปลกใจเลยจริงๆ อวี้เสี่ยวหลงเป็นคนที่สุดยอดอยู่แล้ว ทั้งยังมีพรสวรรค์สูงมาก เมื่อเธอใจเย็นลงประจวบเหมาะกับตอนที่โอกาสมาถึงอีกครั้ง จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีความก้าวหน้า

เธอในตอนนี้ได้พาตัวเองมาถึงระดับตานจิ้งแล้ว ถ้าเธอบรรลุถึงความลึกลับของ “พระเจ้า” ภายในตัวเธอได้ บางทีเธออาจจะไปถึงระดับเดียวกับจิ่วเฮิงได้ในเร็วๆ นี้

หลังจากเข้ามานั่งในออฟฟิศแล้ว ฉีปู้อวี่ก็รินน้ำชาให้อวี้เสี่ยวหลงหนึ่งถ้วยและยกมือขึ้น

หลังจากจิบชาไปแล้ว อวี้เสี่ยวหลงก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “มารบกวนตั้งแต่ปีใหม่แบบนี้ ที่จริงเป็นเพราะไปเจอกับเรื่องที่ร้ายแรงบางอย่างมา”

ฉีเติ่งเสียนขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “เรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนได้ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ”

อวี้เสี่ยวหลงเอ่ยช้าๆ ว่า “การทำลายความว่างเปล่าและการหยั่งเห็นพระเจ้าเป็นเพดานที่วงการการต่อสู้ยอมรับ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ยังมีระดับวิชามวยอีกระดับที่พวกคุณน่าจะเคยได้ยินมาแล้ว”

ฉีเติ่งเสียนชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นจึงเอามือแตะที่หว่างคิ้วและบอกว่า “ผมมันกบในกะลา ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ”

“วิชามวยที่ว่านี้เรียกว่าวัชระกาย วัชระคือการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งที่สุดในพระพุทธศาสนา” อวี้เสี่ยวหลงวางถ้วยชาและเอ่ยอย่างจริงจัง

แม้แต่ฉีปู้อวี่ก็ยังเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้ จากนั้นเขาจึงใช้นิ้วชี้ไปที่ศีรษะของตัวเองก่อนจะใช้สองนิ้วสัมผัสไปที่เปลือกตา

ฉีเติ่งเสียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ความลับของศิลปะการต่อสู้อยู่ที่ควบคุมเลือดลม... พวกเราที่ฝึกฝนการต่อสู้มักพูดกันว่าดวงตาคือราชาของร่างกาย มันเปิดเผยพลังและจิตวิญญาณของผู้คนออกมาได้ แต่ในความเป็นจริง ราชาที่แท้จริงของร่างกายคือศีรษะ และดวงตาก็อยู่บนศีรษะเช่นกัน”

“สมองควบคุมความลี้ลับของร่างกายทุกๆ ส่วน ทุกความคิด ทุกการกระทำ ล้วนเกิดขึ้นจากการสั่งการของสมอง...”

“เลือดลมสามารถไหลเวียนได้อย่างอิสระในลำตัวของมนุษย์ แต่ถ้าคิดจะขนส่งเลือดลมไปที่สมอง นั่นเท่ากับว่ากำลังรนหาที่ตาย... หลอดเลือดในสมองจะรับไม่ได้ นอกจากนี้จะส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทในสมองที่ซับซ้อนด้วยไม่ใช่หรือ?”

จิ่วเฮิงที่เพิ่งก้าวยาวๆ เข้ามาในออฟฟิศเอ่ยขึ้นมาว่า “อาจารย์ฉีพูดถูก สมองคือราชาที่แท้จริงของร่างกายมนุษย์ เป็นผู้นำของหยางทั้งหก! เสินดั้งเดิมที่ลัทธิเต๋ามักพูดถึงก็อยู่ในส่วนของสมอง ทุกการเคลื่อนไหวของร่างกายล้วนต้องอาศัยคำสั่งการจากสมอง”

“ต้องให้การฝึกฝนการต่อสู้มุ่งไปที่ศีรษะ พลังปราณจึงจะแผ่ไปทั่วร่างกายได้อย่างแท้จริง”

ผู้ที่มีทักษะการต่อสู้สูงส่ง ส่วนมากจะชำนาญในการเคลื่อนย้ายเลือดลม ทำให้เลือดลมในร่างกายรวมสู่ศูนย์กลาง ซ่อมแซม เสริมความแข็งแกร่ง ปรับสภาพและจัดการส่วนอื่นๆ ที่เป็นตำแหน่งเฉพาะจุดได้

ผู้มีฝีมือระดับสูงอย่างฉีเติ่งเสียนจะสังเกตร่างกายของตนเองได้อย่างละเอียด เลือดลมสามารถไหลเวียนไปได้ทั่วร่างกาย หากพบความเสียหายตรงจุดใดก็จะเคลื่อนย้ายเลือดลมไปซ่อมแซมที่จุดนั้น นี่คือเคล็ดวิชาการหยั่งเห็นพระเจ้า

อวี้เสี่ยวหลงกล่าวว่า “ถูกต้อง ระดับวัชระกายก็คือการทำลายพันธนาการ กลั่นเลือดเข้าไปในสมอง ทะลวงกำแพงแห่งความเป็นความตาย กระตุ้นศักยภาพต่างๆ ของสมองได้ในระดับหนึ่ง”

ฉีเติ่งเสียนอดจุ๊ปากไม่ได้และเอ่ยว่า “กลั่นเลือดเข้าสมอง? สมองเป็นสิ่งที่ลึกลับเกินไป การบาดเจ็บเพียงน้อยนิดอาจทำให้เป็นอัมพาตตลอดชีวิตได้เลย ฟังอย่างกับเป็นเรื่องจินตนาการยังไงก็ไม่รู้”

ฉีปู้อวี่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยกมือทำท่าทางภาษามือ...

ลัทธิเต๋าเรียกสมองว่าตำหนักหนีหวัน ไม่ก็แดนหวง ไม่ก็สมองสวรรค์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของร่างกายมนุษย์ มีการรับพลังเทพในร่างกาย ฟูมฟักประสิทธิผลของจิตวิญญาณมนุษย์ นักฝึกปราณบันทึกในหนังสือโบราณว่าเป็นการชักนำพลังจิตวิญญาณเข้าสู่ตำหนักหนีหวันเพื่อฝึกฝนเสินดั้งเดิม ได้รับอิทธิฤทธิ์ ท่องไปได้ทั่วฟ้าปฐพี

ผู้มีทักษะการต่อสู้สูงจะถ่ายเทเลือดลมเข้าสู่สมองจนค้นพบศักยภาพของสมอง เหมือนกับที่ผู้ฝึกเซียนชักนำปราณแท้เข้าสู่สมอง เมื่อค้นพบศักยภาพของสมองก็จะสามารถบำรุงเสินดั้งเดิมได้ในเวลาเดียวกัน ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็คือการเสริมความเข้มแข็งทางจิตวิญญาณ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง