มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1322

ในงานปาร์ตี้คืนนี้ หนุ่มน้อยอาปินกับแกะอ้วนได้พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง สุดท้ายเกือบจะถูกหามออกจากบาร์

แต่ฉีเติ่งเสียนยังดูสบายๆ แม้ว่าจะดื่มไปมาก แต่เนื่องจากร่างกายแข็งแรงจึงไม่เมา ทั้งยังไม่ต้องพูดถึงเครื่องจักรสังหารที่มาทีหลังอย่างหลี่อวิ๋นหว่าน ทำกับอีกฝ่ายราวกับสับแตงหั่นผัก

“พวกคุณอ่อนเกินไป ครั้งหน้าอย่างโผล่มาให้เห็นอีกล่ะ!” ฉีเติ่งเสียนพูดกับคนสองคนที่ถูกหามไป

“เจ้าหมาแก่เสียน แม่เอ็งสิ……” ในที่สุดหวงฉีปินก็ส่งเสียงร้องตะโกนอย่างไม่พอใจ การถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิงในวันนี้ทำให้เขาโมโหมาก

หลี่อวิ๋นหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ฉันคิดว่าพวกเขาคอแข็งมาก แต่กลายเป็นว่าพวกเขาเป็นแค่ไก่อ่อน ลาก่อนพวกไก่อ่อน ไว้คราวหน้ามาดื่มกันอีกนะ!”

แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสู้ได้อีกต่อไป

หลังจากรอคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปหมดแล้ว ฉีเติ่งเสียนก็พูดว่า: "พูดมาว่าคุณมาทำอะไรที่นี่? แล้วคุณไม่ได้บอกฉันล่วงหน้าด้วยซ้ำ"

หลี่อวิ๋นหว่านยักไหล่และยิ้มแล้วพูดว่า "ถ้าบอกคุณแล้วก็จะไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ? นอกจากนี้ ฉันอยากไปที่ไหนก็ไปที่นั่น ยังจะต้องมารายงานคุณรู้อีกเหรอ?"

พูดตามจริง ฉีเติ่งเสียนค่อนข้างเซอร์ไพรส์ ในเวลาเดียวกันก็แอบดีใจที่เขามาคนเดียว ไม่เช่นนั้นเขาคงจะต้องตกใจกลัวแน่

ถ้าคำนวนเวลาแล้ว ตอนนี้ประเทศมี่เป็นเวลากลางวัน ดังนั้นแม้ว่าจะดึกแล้ว แต่หลี่อวิ๋นหว่านก็ยังกระปรี้กระเปร่าอยู่

“คุณรู้ไหมว่าใครเป็นผู้ริเริ่มการแข่งเซียนพนัน?” หลี่อวิ๋นหว่านถามด้วยรอยยิ้ม

“เจสันต์ วันฉันเจอเขาที่บาร์ เขามาด้วยกันกับเย่จีสง” ฉีเติ่งเสียนขมวดคิ้ว สีหน้าเขาดูไม่ดีเลย

หลี่อวิ๋นหว่านยิ้มขึ้นอย่างภูมิใจแล้วพูดว่า “เจสันต์เป็นคนที่ฉันหนุนหลังอยู่ในประเทศมี่ การแข่งขันพนันในครั้งนี้ฉันเป็นคนออกเงินให้เอง!ดังนั้นที่ฉันมาครั้งนี้ก็เพื่อช่วยคุณจัดการปัญหา”

ฉีเติ่งเสียนได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง เขาไม่คาดคิดว่าหลี่อวิ๋นหว่านจะยอดเยี่ยมและเก่งกาจขนาดนี้ เธอคือผู้ริเริ่มการแข่งขันเซียนพนันในครั้งนี้!

สามารถพูดได้ว่า ตอนนี้เขาก็สามารถเป็นคนเจ้าเล่ห์มาจัดการกับตระกูลเย่ได้แล้ว?!

“สุดยอด!” ฉีเติ่งเสียนตะโกนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ไม่ได้คอยติดตามธุรกิจของพวกคุณในประเทศมี่ ไม่คิดเลยว่าจะพัฒนาขึ้นมาได้ขนาดนี้!”

หลี่อวิ๋นหว่านผงกศีรษะแล้วกล่าวว่า “เจสันต์เป็นสมาชิกของครอบครัวเก่าแก่ที่ล้มละลาย เป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลย เขาเพียงแค่ต้องการเวทีที่สามารถทำให้เขาแสดงความสามารถ”

“ฉันมีทั้งเงินและทรัพยากร แต่ว่าแค่ต้องการใครสักคนที่น่าเชื่อถือและมีชื่อเสียงที่ดีเพื่อที่จะมาออกหน้าแทน”

“งั้นก็คือพวกเราสามารถร่วมมือกันได้”

ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณเก่งด้านการเลือกใช้คนจริงๆ”

“ฉันไม่ได้เป็นคนเลือก แต่อีวาเป็นคนเลือกเอง ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นสายลับของประเทศเสวี่ย ดังนั้นจึงรู้สถานการณ์ในประเทศมี่ดี ไม่อย่างนั้นใครล่ะจะมาสนใจนายน้อยตระกูลเก่าแก่ที่ล้มละลายกัน?” หลี่อวิ๋นหว่านยิ้มแล้วพูด เธอไม่ได้ทำอะไรเลย ต้องยกเครดิตให้อิเลียน่าจินวา

ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า “ไม่ว่าคนเลือกจะเป็นใคร แต่ธุรกิจของพวกคุณในประเทศมี่ไม่ธรรมดาจริงๆ!ถึงแม้จะใช้เงินไปไม่น้อย แต่ก็ได้กลับมาไม่น้อยเช่นกัน เงินต้นค่อยๆเพิ่มทีละเล็กทีละน้อย”

หลี่อวิ๋นหว่านกล่าว “มีคนจำนวนมากคอยช่วยเหลือ ทั้งยังมีเงินสนับสนุนจากเซี่ยงกรุ๊ปเข้ามาเรื่อยๆ ถ้าหากฉันและอีวาร่วมมือกันแล้วยังทำผลงานออกมาไม่ได้ มันก็จะเสียเปล่าเกินไปแล้ว。”

ก่อตั้งบริษัททางการเงินในประเทศมี่ ชื่อว่า “night-dream” หรือที่แปลว่า ฝันในค่ำคืนอันมืดมิด

ฝีมือราวกับเทพเซียนของเธอ ทำให้ฉีเติ่งเสียนมีความหวังในการพลิกสถานการณ์ในเมืองจิงเต่าขึ้นแล้ว

“โอ้ งั้นก็ได้ เพื่อให้คุณได้พักผ่อน ฉันไม่รบกวนแล้ว เดี๋ยวจะไปเปิดห้องใหม่” หลี่อวิ๋นหว่านยิ้มอย่างอ่อนหวาน หันหลังกลับแล้วเดินออกไป

ทันใดนั้นฉีเติ่งเสียนก็กระโดดท่า “เสือตะครุบ” ไปจับเธอไว้แน่น โอบแขนของเขาไปที่รอบเอวของเธอ จากนั้นก็ออกแรงยกเธอขึ้นพาดไหล่

“เนื้อเข้าปากเสือแล้วจะเอากลับออกมาได้อย่างไร” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่สนใจขาเธอที่เตะไปมา อุ้มเธอตรงเข้าไปในห้องแล้วโยนลงบนเตียงใหญ่

ในค่ำคืนหลังจากไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานนั้น ย่อมดุเดือดอย่างแน่นอน

แต่นี่ไม่ใช่สาระสำคัญ

ไม่ว่าหลี่อวิ๋นหว่านจะสวยขนาดไหนก็ไม่ได้สำคัญ พระอัครสังฆราชฉีก็แค่ต้องการทบทวนตัวอักษรเท่านั้น มิเช่นนั้นจะลืมว่าการผสมคำนั้นเป็นเช่นไร เมื่อถึงเวลาที่ออกนอกประเทศไปแล้วจะเป็นที่ขบขันของผู้อื่น

สุดท้ายแล้วพระอัครสังฆราชฉีเป็นคนที่รักการร่ำเรียน ทั้งยังพยายามที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

เมื่อคนผู้นี้เริ่มเรียนแล้ว เขาจะลืมกินลืมนอน

เริ่มเรียนตั้งแต่เที่ยงตามเวลาประเทศหัวกั๋ว จนถึงห้าโมงเย็นตามเวลาสหรัฐอเมริกา

สำหรับตัวอักษรนั้นถูกทำให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมานานแล้ว ไม่ใช่ว่าพระอัครสังฆราชฉีเป็นคนรุนแรง แต่เขาเชื่อว่าต้องแยกคำออกเพื่อให้สามารถจดจำได้ง่ายขึ้น

"ไม่ได้กลัวเมอร์เซเดส-เบนซ์และแลนด์โรเวอร์จริงๆ แต่กลัวตัวอักษรริบบิ้นสีดำ" วันต่อมาพระอัครสังฆราชฉียกเอวของตนเพื่อทำการออกกำลังกาย

"ฮิฮิ ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นี่" ถึงแม้หลี่อวิ๋นหว่านจะตาปรือด้วยความเหนื่อยล้า แต่ยังคงพูดประโยคที่ไม่ได้ทำร้ายจิตใจแต่เต็มไปด้วยความดูหมิ่นออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง