มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1373

แต่ทว่า เหลือน้ำมนต์แค่เพียงสองเท่านั้น แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่ได้เลยสักหลอดเดียว!

เมื่อสักครู่สมเด็จพระสันตะปาปาเกือบจะเก็บน้ำมนต์ได้สามหลอด ดีที่อาจารย์จางเทียนรับรู้ถึงความคิดของฉีเติ่งเสียน ไม่งั้นคงจะขาดทุนย่อยยับเป็นแน่

ร็อบเบนได้นำพิกัดที่อาจารย์จางเทียนเขียนไว้บนพื้นมาทำการคัดลอก จากนั้นจึงกล่าวขึ้น "ฝ่าบาท เกล้ากระหม่อมจะไปตามหาวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์มาให้ได้!"

แต่สมเด็จพระสันตะปาปากลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “นี่ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงนัก ฉันจะต้องไปตามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยตัวเองว่าสรุปแล้วไปตกหล่นอยู่ที่ไหนกันแน่”

หลังจากที่พูดจบ เขาก็มองไปที่ฉีเติ่งเสียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

คทานั้นโดนพวกคนนอกรีตขโมยไป แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขากัน?

ร็อบเบนใช้แท็บเล็ตล็อคพิกัดนั้นอย่างรวดเร็ว และนั่นทำให้เขาต้องตลกตะลึงไปและพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก "น...นี่... พิกัดนี้มันคือของธนาคารดอกไม้นี่นา!"

สมเด็จพระสันตะปาปาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วทันทีหลังจากฟังจบ จากนั้นจึงตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้มเย็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า "ในช่วงนี้ส่วนมากมีการปิดล้อมที่แน่นหนาและเข้มงวดเป็นอย่างมาก พวกคนนอกรีตก็คงไม่กล้าที่จะเคลื่อนย้ายคทาออกไป เลยอาจจะเป็นเหตุผลที่พวกนั้นต้องซ่อนมันไว้ที่ธนาคารก่อน"

ร็อบเบนเห็นด้วย เขาคิดว่าสิ่งที่สมเด็จพระสันตะปาปากล่าวนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล ด้วยความที่คทานั้นหายไป จึงทำให้แต่ละฝ่ายล้วนตื่นตัวขึ้นมา ซึ่งมันก็จะยิ่งทำให้พวกคนนอกรีตที่ขโมยคทาไปรู้สึกหวาดระแวงได้มากขึ้น

จากนั้นสมเด็จพระสันตะปาปาจึงได้นำทางและพาเหล่านักบุญไปที่ธนาคารดอกไม้

ธนาคารดอกไม้เป็นธนาคารที่ร่วมทุนกับต่างชาติ ซึ่งประธานของธนาคารนี้ก็เป็นชาวต่างชาติเช่นกัน และเมื่อทราบว่าสมเด็จพระสันตะปาปามาที่ธนาคารด้วยตนเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ

“ฝ่าบาท ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด มีสิ่งใดที่เกล้ากระหม่อมจะสามารถช่วยท่านได้บ้างหรือไม่” ท่านประธานเอ่ยถามอย่างสุภาพอย่างกล้าๆกลัวๆ

“คุณชื่ออะไร” สมเด็จพระสันตะปาปาเอ่ยถามเสียงเรียบ

“เรียนฝ่าบาทที่เคารพ โปรดเรียกเกล้ากระหม่อมว่าริคกี้” ท่านประธานตอบด้วยความเคารพและนอบน้อม

สมเด็จพระสันตะปาปาพยักหน้าอย่างรับรู้พร้อมกับเอ่ยต่อ "ประธานริคกี้ คุณคงจะทราบอยู่แล้วว่าเพราะเหตุใดฉันถึงมาปรากฏตัวที่จิงเต่า! และเป้าหมายในการมาที่ธนาคารของคุณก็คงจะชัดเจนมากเช่นกัน ซึ่งก็คือการตามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่หายไป"

เมื่อได้ยินดังนั้น ริกกี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเป็นอย่างมากจึงรีบตอบกลับทันที "วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่สูญหายไปของศาสนาศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าบาทคาดว่าถูกนำมาซ่อนไว้ในธนาคารของกล่าวกระหม่อมหรือ"

สมเด็จพระสันตะปาปาตอบกลับ “ก็มีความเป็นไปได้ ถ้าไม่งั้นฉันคงไม่มาถึงที่นี่ด้วยตนเองหรอก วัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้อาจถูกซ่อนไว้ในห้องนิรภัยของธนาคารของคุณ โปรดพาฉันเข้าไปค้นหาสักหน่อยได้หรือไม่”

ริคกี้ไม่กล้าที่จะตอบกลับไป ถึงแม้ว่าตัวเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่เชื่อในศาสนาศักดิ์สิทธิ์ความศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก แต่เรื่องนี้นั้นเกี่ยวกับหน้าที่การงานของเขาโดยตรงเลยนี่สิ

ห้องนิรภัยของธนาคารนั้น จะมีแค่เฉพาะคนที่เป็นVIPเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้ ถ้าเขาพาคนของสมเด็จพระสันตะปาปาเข้าไป เขาคงจะต้องโดนจัดการอย่างทารุณเป็นแน่

และยังไงเสียนี่ก็เป็นธนาคาร ทรัพย์สินส่วนตัวของลูกค้านั้นจะต้องได้รับความคุ้มครองเป็นอย่างดี ถ้าหากลูกค้ารู้ว่ามีคนเดินเข้าออกห้องนิรภัยอย่างตามอำเภอใจ จะยังมีลูกค้าไว้ใจและเลือกธนาคารของพวกเขาอีกหรือ?

และเรื่องที่สมเด็จพระสันตะปาปามาที่ธนาคารดอกไม้ด้วยตัวเองนั้นยังทำให้ผู้คนไม่น้อยต่างรู้สึกตกใจ อีกทั้งยังดึงดูดความสนใจจากผู้คนไม่น้อยเลย ซึ่งต่างคนต่างก็อยากที่จะรู้เกี่ยวเรื่องที่เกิดขึ้นกันทั้งนั้น ว่าวันนี้จะสามารถเจรจากันได้ลงตัวหรือไม่ และสุดท้ายคำตอบจะออกมาเป็นเช่นไร

“ว่ายังไง นี่ทำให้คุณลำบากใจขนาดนั้นเลยหรือไง ประธานริคกี้!” สายตาของสมเด็จพระสันตะปาปาที่มองไปที่ประธานริคกี้เต็มไปด้วยความเยือกเย็น และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เรื่องนี้เกล้ากระหม่อมคงต้องหารือกับผู้ใหญ่เสียก่อน เพราะสถานที่ที่ฝ่าบาทต้องการจะเข้าไปเป็นห้องนิรภัย” ริคกี้ที่ตอนนี้มีเหงื่อไหลอาบเต็มใบหน้า ตอบกลับไปด้วยความร้อนรน

และแน่นอนว่าสมเด็จพระสันตะปาปาก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจอีก เพียงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ "ถ้างั้นคุณก็ไปหารือมาอย่างเร็วที่สุด!"

ในขณะที่ริคกี้กำลังจะต่อสายหาฮิลด์ เขาก็กลับปรากฏตัวขึ้นมาพอดิบพอดี และโบกมือให้ริคกี้พร้อมกับเอ่ยขึ้น "ไม่ต้องหารือหรอก ผมอยู่นี่แล้ว!"

“ท่านฮิลด์!” ริคกี้โค้งคำนับให้กับฮิลด์ทันทีที่เห็นเขา

เห็นได้อย่างชัดเจนว่าธนาคารดอกไม้เป็นธุรกิจที่ตระกูลรอธไชล์ดร่วมลงทุน ซึ่งแน่นอนว่าฮิลด์ที่คนในตระกูลโดยตรง จึงทำให้เขามีสิทธิ์มีเสียงในธนาคารแห่งนี้เป็นอย่างมาก

ฮิลด์แสดงความเคารพต่อสมเด็จพระสันตะปาปาตามมารยาทเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม "ฝ่าบาทที่เคารพ เกล้ากระหม่อมอยากรู้ว่าใครบอกท่านกัน ว่าวัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์จะมาอยู่ในห้องนิรภัยของธนาคารดอกไม้ของเรา"

เขาได้สั่งให้ริกกี้พาทุกคนไปยังห้องนิรภัย จากนั้นใช้กุญแจนิรภัยเปิดประตูรักษาความปลอดภัยของห้องนิรภัย

เหล่าผู้คนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะตามไปเช่นกัน และมายืนออกันที่หน้าประตูห้องนิรภัย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ผู้คนนับหน้าถือตา นั่นจึงทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่กล้าที่ไล่พวกเขาออกไป และทำได้เพียงปล่อยไป

เมื่อเข้าไปภายในห้องนิรภัยแล้ว ร็อบเบนก็หยิบแท็บเล็ตขึ้นมา ด้านบนมีตัวเลขที่อาจารย์จางเทียนเขียนให้ก่อนหน้านี้ถูกบันทึกเอาไว้

ด้านหน้าเป็นพิกัดละติจูดและลองจิจูด ส่วนด้านหลังเป็นตัวเลขธรรมดาซึ่งเป็นเลข - 11

“พิกัดที่อาจารย์เทียนทำเครื่องหมายไว้ก็คือที่นี่แหละ ส่วนตัวเลขที่ด้านหลังนั้นน่าจะเป็นหมายเลขของตู้เซฟ” ร็อบเบนกล่าวกับสมเด็จพระสันตะปาปา

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สมเด็จพระสันตะปาปาก็พยักหน้าเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่ตู้เซฟพร้อมกับกล่วว่า "ช่วยเปิดตู้เซฟหมายเลข 11ที!"

ฮิลด์ที่ได้ยินดังนั้น ในใจของเขาก็สั่นรัวอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาหรี่ลงพร้อมกับมองไปที่ฉีเติ่งเสียน

"ฝ่าบาท ตู้เซฟหมายเลข 11 นี้เป็นตู้เซฟส่วนตัวของท่านฮิลด์นะพะยะค่ะ" ริคกี้เอ่ยบอกกับสมเด็จพระสันตะปาปาด้วยใจที่เต้นระรัวอย่างช่วยไม่ได้

สมเด็จพระสันตะปาปาอดไม่ได้ที่จะตกใจ และจากความตกใจก็กลายเป็นรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา และมองไปที่ฉีเติ่งเสียนด้วยแววตาที่แปลกไป

ฉีเติ่งเสียนผายมือของเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ซึ่งบอกเป็นนัยๆว่าเขาไม่รู้อะไรเลย!

ในตอนนี้ เบาะแสชิ้นสุดท้ายก็ได้บ่งชี้ไปที่ฮิลด์ ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา! แต่ว่าก่อนหน้านี้ทุกอย่างก็ราบรื่นดีและไม่มีปัญหาใดๆหลุดรอดอออกมา

และจากการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนและของกลุ่มอัศวินศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็สามารถแสดงได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนนอกรีตจริงๆ!

อีกทั้งปรมาจารย์แห่งลัทธิเต๋าก็ได้แสดงฝีมือแล้ว ดังนั้นปรมาจารย์ท่านนี้ไม่ถือว่ามีความผิดฐานหลอกลวงใช่ไหม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง