คนของตระกูลเย่หาวิธีเข้าใกล้หลานโหยวเพื่ออยากพบฉีเติ่งเสียน เรื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ฉีเติ่งเสียนรู้สึกประหลาดใจสักเท่าไหร่
แรกเริ่มเขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์หมากไร้ทางออกที่เมืองจิงเต่าแต่เขาก็ค่อยๆ เข้าควบคุมตระกูลเฮ่อและสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้
ตอนนี้ยังเกิดเรื่องกับเหยียนมู่หลงเช่นนี้ทั้งยังสังหารคนต่อหน้าสมาคมหง
นี่จึงทำให้ภายในตระกูลเย่เกิดความสับสน พวกเขากับฉีเติ่งเสียนสามารถพูดได้ว่าไม่รู้จักกันเลย จำเป็นต้องสู้กันจนตายหรอ?
ฉีเติ่งเสียนมีความแค้นก็จริงเพียงแต่เป็นความแค้นต่อเย่จีสงเท่านั้น
หากตระกูลจ้าวที่เมืองจิงเต่าล่มแล้ว เช่นนั้นทั้งตระกูลเย่เหตุใดต้องล่มตามไปด้วยเล่า ?
ดังนั้น เมื่อมีความคิดนี้ขึ้นก็ยากที่จะควบคุม คนตระกูลเย่ส่วนหนึ่งเริ่มหวั่นจึงขอพบฉีเติ่งเสียนเพื่อเจรจาและเพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งตระกูลต้องล่ม
“ตระกูลเย่เป็นตระกูลใหญ่ แม้จะเริ่มต้นตั้งตระกูลมาจากการเป็นโจรก็ตามแต่ก็ยังมีคนฉลาดอยู่บ้าง” หยางกวนกวนพูดกับฉีเติ่งเสียน “ไม่งั้น ไปเจอสักหน่อยไหม?”
“แน่นอนว่าต้องไปเจอ อย่างไรการทำลายป้อมปราการที่แข็งแกร่งจากภายในย่อมคุ้มค่าที่สุด” ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าไปมา
หยางกวนกวนพูดว่า “ที่บอกว่าพบนั้นฉันหมายถึงให้เจรจาพูดคุยจริงๆ จังๆ ไม่ใช่ให้ฉวยโอกาสเป็นสิงโตโลภมาก”
ฉีเติ่งเสียนชี้ไปที่หน้าของตนอย่างไรเดียงสาและถามว่า “ฉันโลภมากเลยหรอ ? ฉัเหมือนคนโลภขนาดนั้นเลยหรอ ?”
หยางกวนกวนและหลานโหยวทั้งสองต่างมองไปที่ฉีเติ่งเสียนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ กิริยานั้นได้บอกแทนคำพูดของพวกเขาแล้ว เจ้าหมอนี่หากไม่โลภแล้วละก็บนโลกนี้คงไม่มีใครโลภไปมากกว่าเขาได้อีกแล้ว
“เฮ้ย สีหน้าอะไรของพวกเธอกัน เห็นชัดๆ ว่าฉันเป็นคนเถรตรงมากนะ ! ” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “รู้ไว้ด้วยนะ ประชาชนแต่ละที่ล้วนเชื่อมั่นในตัวฉันพระอัครสังฆราชฉีคนนี้ สูงถึงเก้าสิบแปดเปอร์เซ็นต์……..”
คำพูดผายลมของเขา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากสนใจแล้ว
หลังจากหลานโหยวได้รับโทรศัพท์ จึงให้ฉีเติ่งเสียนไปพบคนจากตระกูลเย่พร้อมกับเขา
คนของตระกูลเย่ที่ติดต่อมาขอพบฉีเติ่งเสียนชื่อ เย่จีกั๋ว เขาเป็นญาติผู้พี่ของเย่จีสง ซึ่งเป็นคนโดดเด่นที่สุดในปัจจุบัน ที่จริงเขาเป็นคนหนุ่มที่ยอดเยี่ยม เพียงแต่ชื่อเสียงของเย่จีสงนั้นออกจะยิ่งใหญ่เกินไปจึงทำให้เขาอับแสงมืดหม่น
สถานที่ที่เลือกนัดพบเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่ง หลานโหยวพาฉีเติ่งเสียนเดินเข้าไปในร้านกาแฟหลังหาห้องส่วนตัวที่ได้จองไว้เขาก็ได้เห็นเย่จีกั๋วซึ่งสวมสูทสีขาวนั่งหลังตรงอยู่
หลังเย่จีกั๋วได้เห็นฉีเติ่งเสียนก็รีบลุกขึ้น ในหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วพูด “คุณฉี สวัสดีครับ สวัสดีครับ !”
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าน้อยๆ แล้วพูด : “นายคือเย่จีกั๋วหรอ ? ดูๆ ไปก็ดูเป็นคนมีความสามารถนี่”
เย่จีกั๋วยิ้มแล้วพูด : “ให้คุณฉีเห็นเรื่องน่าอายเสียแล้ว ผมไร้หนทางจริงๆ ดังนั้นจึงได้เพียงอาศัยความสัมพันธ์ของพี่หลาน ขอคุณฉีอย่าได้ตำหนิ”
ที่จิงเต่านั้นสิ่งที่หลานโหยวทำคือการสร้างเส้นสาย ต้องการพบใคร ต้องการสร้างพันธมิตรกับผู้ใดก็สามารถมาหาเธอได้ เมื่อเธอได้รับค่าตอบแทนแล้วย่อมช่วยเหลือ
ไม่พูดไม่ได้ว่า เธอเพียงผู้หญิงคนเดียวกลับมองได้ทะลุปรุโปร่งและร้ายกาจพอตัว เช่นเดียวกันว่ามันก็ไม่ง่ายเลย
“ทั้งสองท่านค่อยๆ คุยกัน ฉันขอตัวไปทานของหวานก่อนละกัน” หลานโหยวยิ้มเล็กน้อยแล้วหมุนกายออกไป
ฉีเติ่งเสียนก็นั่งลงด้านหน้าเย่จีกั๋ว หยิบกาแฟที่ถูกเตรียมไว้แล้วขึ้นดื่มหนึ่งคำจากนั้นยิ้มแล้วถามว่า : “คุณเย่มาหาผม มีเรื่องอะไรละ ? คาสิโนที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้การนำของตระกูลเย่ของคุณตอนนี้กำลังต่อสู้กับผมอยู่ การที่คุณมาพบผมเป็นการส่วนตัวเช่นนี้หากคนนอกรู้เข้าละก็ ผมเกรงว่าอาจชักนำการคาดเดาที่ไม่ดีขึ้นได้นะ !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...