เมื่อได้ผ่านเรื่องนี้มา ก็ยิ่งทำให้ฉีเติ่งเสียนชื่นชมและไว้เนื้อเชื่อใจเย่จีกั๋วมากขึ้น เพราะยังไงแล้วเขาก็ถือเป็นผู้ที่ช่วยแก้ปัญหาอันหนักอึ้งภายในใจของเขาไปได้!
อีกทั้งเย่จีกั๋วยังมีความเคารพและเลื่อมใสต่อเขาอีกด้วย จึงยิ่งทำให้ภายในใจของเขารู้สึกดีมากขึ้นไปอีก
ในเช้าตรู่ของวันที่สอง ฉีเติ่งเสียนได้มาถึงภายในโรงฝึกซ้อมของหลงเหมิน วันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องจากชิงเต่าไปแล้ว และมุ่งหน้าไปที่โมตู ดังนั้นเขาจึงต้องมาเตรียมการฝึกของเฮ่อตั่วหลานและหยางกวนกวนเสียก่อน
ถึงแม้ว่าการฝึกซ้อมของเฮ่อตั่วเหลียนจะนำโดยจิ่วเฮิงเป็นผู้ฝึกซ้อมให้ แต่รายละเอียดของตารางการฝึกซ้อมนั้น ยังคงเป็นฉีเติ่งเสียนที่เป็นผู้ดูแล
แต่อย่างไรก็ตามจิ่วเฮิงนั้นคุ้นเคยกับการอยู่คนเดียวเสียมากกว่า พวกเรื่องการมีลูกศิษย์อะไรนั่น เขาไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่หรอก
“หา ท่าอาจารย์ไปทำอะไรผิดมา!” เฮ่อตั่วเหลียนที่ได้ยินฉีเติ่งเสียนบอกว่าจะไปจากจิงเต่าก็คร่ำครวญขึ้นมาทันที
“ฉันมาเป็นลูกศิษย์ของคุณที่นี่หลายวันขนาดนี้ แถมคุณยังสอนฉันไปหนึ่งอาทิตย์เอง คุณจะกลับไปโมตูแล้วเหรอ”
“ตอนที่ฉันมอบอั่งเปาให้คุณ คุณก็รับไปแล้วนี่”
ฉีเติ่งเสียนกระแอมขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวขึ้น “ไม่ต้องไปสนใจพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพวกนี้หรอก ที่เก่านั้นเหล่าปรมจารย์มากมายกำลังยุ่งวุ่นวายมากในการถ่ายทอดวิชา...”
เฮ่อตั่วเหลียนเอ่ยแทรกขึ้นมาความตกใจ “ใครเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาให้คุณ?อย่าบอกนะว่าอาจารย์จิ่วเฮิงเป็นลูกศิษย์ของคุณน่ะ!”
ฉีเติ่งเสียนที่ไม่รู้ว่าจะอธิบายออกไปยังไง จึงทำได้เพียงแค่พูดต่อบทสนทนานี้ออกไป “ผมให้จิ่วเฮิงสอนคุณก็ดีแค่ไหนแล้ว คุณลองไปรอบๆสิ มีอาจารย์สักกี่คนที่มีฝีมือเทียบเท่ากับจิ่วเฮิง?”
จิ่วเฮิงส่งเสียงเหอะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ คนเลวอย่างเขาน่ะ ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับข้อครหา เขาก็มักจะหาข้อแก้ตัวได้เสมอแหละ เขามันสุดยอดอยู่แล้ว!
เมื่อก่อนเขาก็ไม่เคยโกง!
ตอนนี้เขาก็จะไม่รับผิดเด็ดขาด!
แต่ไม่ว่าจะไม่โกงหรือไม่รับผิด เมื่อสรุปแล้วก็จะได้ออกมาห้าคำนั่นก็คือ ฉีเติ่งเสียนสุดยอด!
ในฐานะที่เป็นอาจารย์ผู้ดูแลนั้น วันนี้ฉีเติ่งเสียนจึงพาเฮ่อตั่วเหลียนมาฝึกซ้อมแต่เช้าตรู่ อีกทั้งมีหลายครั้งที่ฉีเติ่งเสียนถึงกับสาถิตท่าท่างการต่อสู้ให้ดูด้วยตนเอง และจัดการแผนการฝึกซ้อมขั้นต่อไปให้กับเฮ่อตั่วเหลียน จากนั้นจึงส่งไม้ต่อและชี้แนะให้จิ่วเฮิงว่าควรสอนเธออย่างไร
ซึ่งสำหรับเฮ่อตั่วเหลียนก็คงไม่ต้องบอกอะไรมากแล้ว เพราะเธอเรียนรู้ได้ค่อนข้างมากแล้ว บอกเพียงแค่เล็กน้อยก็เข้าใจได้แล้ว
“ฉันนี่มันสมกับเป็นอาจารย์ที่ดีจริงๆ มีความรับผิดชอบต่อลูกศิษย์มาก ขนาดใกล้เวลาที่จะต้องออกเดินทางแล้วก็ยังมาชี้แนะถึงการฝึกซ้อมให้! จิ่วเฮิงนี่ช่างโชคดีจริงๆที่สามารถสอนลูกศิษย์ฉันได้!” เมื่อฉีเติ่งเสียนได้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบคิดอยู่ในใจ
แต่แล้วอยู่ๆเขาก็รู้สึกเหมือนใครสักคนไป เมื่อคิดๆดูแล้ว เหมือนเขาจะมีลูกศิษย์อีกคนหนึ่งหรือป่าว?แต่ว่าเขาก็มีลูกศิษย์อยู่แค่สองคนไม่ใช่หรือ...
เขาจึงแยกกับเฉียวชิวเมิ่งและคนอื่นๆนั่งเครื่องบินกลับไปที่โมตู และยังคงมีความสับสบและสงสัยอยู่
เมื่อขึ้นมาบนเครื่องบินแล้ว เขาก็ตบเข่าฉาด ขยี้หัวตัวเองและพูดออกมา “โอ้ ยังมีหวงชงอีกนี่นา ลืมเขาไปได้ไงเนี่ย!แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเขาก็เป็นคนไร้ความสามารถอยู่แล้ว...”
ในระหว่างเดินทางนั้น ฉีเติ่งเสียนและเฉียวชิวเมิ่งก็ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันแต่อย่างใด เพราะเนื่องด้วยที่นั่งที่ค่อนข้างห่างกัน บวกกับเขาก็ไม่เคยพูดกับคนจากกองทัพราตรีนิรันดร์เสียด้วย
ทุกคนต่างเหมือนคนที่ไม่รู้จักกัน
ฉีเติ่งเสียนมีความรู้สึกราวกับแสดงสงครามสายลับในละครยังไงอย่างงั้นแหละ
เพียงไม่นาน เครื่องบินก็ได้ทำการลงจอดที่สนามบินโมตู หลังจากที่ทุกคนลงจากเครื่องบินแล้ว ก็ยังคงไม่มีการพูดคุยใดๆกัน สองคนจากกองทัพราตรีนิรันดร์เข้ามคุ้มกันซ้ายขวาให้กับเฉียวชิวเมิ่งในฐานะบอดิการ์ด และจากนั้นจึงแยกย้ายกันออกไป
เฉียวชิวเมิ่วตรงไปหาเสวี่ยเจินทันที ส่วนฉีเติ่งเสียนนั้นมุ่งหน้าไปที่สำนักงานใหญ่ของกั่วเชี่ยวกรุ๊ปทันที
เป็นเพราะหลังจากที่เขาเกิดเรื่องขึ้น จึงทำให้กั่วเชี่ยวโดนหางเลขไปด้วย สินค้าใหม่ที่ขายดิบขายดีและเข้ามาตีตลาดได้ไม่นาน แต่เมื่อจู่ๆที่เขาเกิดเรื่องขึ้น จึงทำให้ยอดขายสินค้าลดลง ลูกค้าส่วนมากล้วนไม่อุดหนุนอีกต่อไป เหมือนโดนคนชักจูงมา
“พี่เขย?”
เมื่อทั้งสองเห็นฉีเติ่งเสียน ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจและชะงักไปชั่วครู่
ก่อนหน้านี้ที่ฉีเติ่งเสียนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนที่ทรยศต่อประเทศ ก็ทำให้ผู้คนในองค์กรต่างรู้สึกตื่นตระหนกตกใจ จากนั้นข้อกล่าวหาก็ถูกยกเลิกไปอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ทุกคนต่างก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และตอนนี้อยู่ๆฉีเติ่งเสียนก็ได้กลับมาที่โมตูในฐานะประธานของกั่วเชี่ยวกรุ๊ปแล้ว ไม่แปลกที่จะทำให้พวกเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“ทำไม เห็นผมแล้วตกใจขนาดนั้นเลยหรือไง?” ฉีเติ่งอดไม่ได้ที่จะขำออกมาและเอ่ยขึ้น
“แหม...ก็ต้องตกใจสิ ก่อนหน้านี้คุณถูกหาว่าเป็นคนทรยศนี่ ก็ต้องรู้สึกกลัวๆอยู่บ้าง!” เป็นจินเฉินซีที่กล่าวพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้าอย่างเข้าใจและกล่าวต่อ “ผมจะไปคุยกับประธานเซี่ยง พวกคุณก็ตามสบายเลย!”
ทั้งสองคนมองแผ่นหลังของฉีเติ่งเสียนจนลับสายตาไป
จินเฉินซีอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ประธานฟู่ พี่เขยกลับมาครั้งนี้ คุณว่าจะสามารถช่วยบริษัทของพวกเราได้ไหม?”
ฟู่ซิงชีมีสีหน้าลำบากใจ“คงจะยาก!ตอนนี้เซี่ยงกรุ๊ปขาดแคลนเงินอย่างหนัก หลายโครงการนั้นยากที่จะไปต่อเพราะขาดห่วงโซ่ของเงินทุน...ถึงแม้เขาจะกลับมาแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะจัดการกับเงินมากมายขนาดนั้นได้ !”
จินเฉินซีกล่าว “แต่ได้ยินมาว่าช่วงนี้ประธานเซี่ยงได้มีการติดต่อผู้มีอำนาจชาวยิว ไม่รู้ว่าจะสามารถช่วยพลิกวิกฤตนี้ได้หรือไม่?”
ฟู่ซิงชีส่ายหัวแล้วกล่าวต่อ “ก็ยากอยู่ดี ชาวยิวที่อยู่ต่างประเทศนั้นเก่งกาจก็จริง แต่ประเทศของเราใช่ว่าจะยอมรับ ฉันคิดว่าเงินของชาวยิวนั้นส่วนมากคงจะยากที่เข้ามา...!”
ภายในใจของจินเฉินซีดำดิ่งลงไปอย่างช่วยไม่ได้ หวังเพียงแค่ฉีเติ่งเสียนจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...