ฉีเติ่งเสียนมองหลิวปิงเว่ยอย่างไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง พูดว่า “คุณทนได้เหรอ?”
หลิวปิงเว่ยพูดเสียงต่ำ “เขามีน้องปู่สนับสนุนอยู่ ตอนนี้ยังไม่สะดวกจัดการเขาเท่าไหร่ รอให้ถึงเวลาแล้วจะค่อยๆคิดบัญชีแน่นอน!”
ทว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆรองประธานอวี๋กลับหัวเราะ พูดว่า “มีผมจูเจิ้งเต๋อคอยสนับสนุนอยู่ทั้งคน ทั้งพรรคไผ่เขียวมีใครกล้าแตะรองประธานอวี๋?!”
จูเจิ้งเต๋อชื่อนี้ฉีเติ่งเสียนไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่หลิวปิงเว่ยรู้จักชื่อนี้
และรองประธานอวี๋ก็ยิ้มอย่างได้ใจ “ไม่ผิด พวกเรามีเจิ้งเต๋อคอยสนับสนุน หลิวปิงเว่ยหัวหน้าอย่างนายก็ควรถอยออกมาได้แล้ว”
ฉีเติ่งเสียนถามอย่างทนไม่ได้ว่า “เขาเป็นใคร?”
หลิวปิงเว่ยตอบว่า “เป็นญาติห่างๆตระกูลซุน...”
ฉีเติ่งเสียนได้ยินแล้วก็หัวเราะหยันเสียงหนึ่ง ก็แค่ญาติห่างๆตระกูลซุนคนหนึ่งเท่านั้น นับเป็นอะไรได้ ยังมีหน้ามาอวดเบ่งต่อหน้าเขา?
“ดูถูกเหรอ? เฮอะ... ถึงผมจะเป็นแค่ญาติห่างๆของตระกูลซุน แต่คำพูดการกระทำของผมก็เป็นตัวแทนจุดประสงค์ของตระกูลซุน มีผมคอยสนับสนุน ถ้ารองประธานอวี๋ต้องการตำแหน่งหัวหน้านี้ มันก็แค่เรื่องล้วงกระเป๋าเท่านั้นแหละ” จูเจิ้งเต๋อพูดอย่างดูถูก
ถ้าเป็นเวลาปกติ จูเจิ้งเต๋อคงยากที่จะเลือกเข้าข้างผู้เข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคไผ่เขียว
แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ เพราะสนับสนุนจั่วเฉินหลิวปิงเว่ยถึงได้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่มั่นคง อีกทั้งรองประธานอวี๋ก็ยังได้รับความชื่นชอบจากน้องของปู่อีก เมื่อบวกกับจูเจิ้งเต๋อที่เป็นการสนับสนุนจากภายนอกอีก แน่นอนว่าพอจะมีสิทธิ์โค่นหลิวปิงเว่ยอยู่!
ก่อนหน้านี้ รองประธานอวี๋อยู่ในสมาคมก็เหมือนอยู่ไปงั้นๆ แม้จะมีชื่อว่ารองประธานอวี๋ แต่ในมือกลับไม่มีลูกน้องที่ใช้งานได้ และไม่ได้มีอำนาจอย่างที่ควร สามารถพูดได้ว่าหลิวปิงเว่ยกำทุกอย่างเอาไว้จริงๆ
แต่หลังจากความวุ่นวายในการเลือกหัวหน้าแล้ว น้องของปู่ออกหน้ามาแทรกแซงอำนาจของหลิวปิงเว่ย เอาอำนาจส่วนหนึ่งแบ่งให้กับรองประธานอวี๋ นี่ถึงทำให้รองประธานอวี๋เริ่มหยิ่งผยองได้
พูดโดยรวมก็คือหลิวปิงเว่ยคือฝ่ายรับ และรองประธานอวี๋คือฝ่ายรุก
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “คุณก็แค่ญาติห่างๆเท่านั้น มีสิทธิ์อะไรมาเป็นตัวแทนแสดงเจตนาของตระกูลซุน? ถ้าเป็นตัวแทนตระกูลซุนจริงๆ งั้นซุนเจี้ยนเฉินนับเป็นอะไร?”
ขณะพูดความจริงนี้ ฉีเติ่งเสียนไม่ค่อยมีความรู้สึกดีๆอะไรกับญาติห่างๆที่แยกเขี้ยวแบบนี้ เพราะตอนแรกที่อยู่ในเมืองหลวง ตระกูลหลินที่เป็นญาติห่างๆของตระกูลฉีกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก แทบจะเรียกได้ว่าต้องการร่วมมือกับตระกูลจ้าวมาฆ่าฉีเติ่งเสียนและฉีปู้อวี่เสียเดี๋ยวนั้นทันที
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตระกูลหลินก็สตั้นบ้างแล้ว เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรตระกูลฉีก็แสดงอยู่ เดิมทีแล้วก็ไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด
จูเจิ้งเต๋อได้ยินฉีเติ่งเสียนพูดชื่อซุนเจี้ยนเฉินแล้วก็อดนิ่งอึ้งไม่ได้ หลังจากนั้นพูดว่า “โอ้ คนต้าลู่ยังรู้จักชื่อลูกพี่ลูกน้องของผมด้วย ดูท่าทุ่มเทศึกษาไปไม่น้อยนะ?”
“แน่นอนว่าผมสู้ลูกพี่ลูกน้องของผมไม่ได้ แต่สายตรงในตระกูลซุนไม่สนใจเรื่องภายนอกหลายปีแล้ว ไม่มีทางออกหน้าเพราะคำพูดไม่กี่คำนี้หรอก”
“พูดจาน่าตลกจริงๆ อย่างกับจะเรียกลูกพี่ลูกน้องของผมมาได้!”
ฉีเติ่งเสียนมองหลิวปิงเว่ยทีหนึ่ง ถามว่า “ลองบอกหน่อย ถ้าผมเรียกซุนเจี้ยนเฉินมาช่วยคุณได้จริงๆ รองประธานอวี๋คนนี้ก็คงจบเห่เลยใช่มั้ย?”
หลิวปิงเว่ยอึ้งเล็กน้อยแล้วพยักหน้า พูดว่า “ตามหลักก็เป็นแบบนั้น”
ถ้ามีคนของตระกูลซุนออกมาสนับสนุนเขา แม้จะเป็นน้องของปู่ก็คงไม่สะดวกทำอะไรแทรกแซงเขาแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยจัดการรองประธานอวี๋ นี่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องง่ายๆแล้วหรือ?
ซุนอิ่งซูอดขำไม่ได้ คนเขาก็แค่เย้ยหยันไปงั้นๆเท่านั้น แต่คุณกลับคิดจริงจัง? นี่มันทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ใช้โอกาสแสดงอำนาจที่แท้จริงนี่!
“ไปกันเถอะ รองประธานอวี๋ ไม่ต้องสนใจคนโง่พวกนี้ รอให้ถึงงานวันเกิดของน้องของปู่แล้ว ผมจะออกหน้าสนับสนุนคุณเอง ส่วนคทานั้นอีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเจ้าของแล้ว!” จูเจิ้งเต๋อพูดเยาะเย้ย และก็รู้สึกว่าคำพูดของฉีเติ่งเสียนเป็นแค่เรื่องขำขันเท่านั้น
“ไปละนะ คนต้าลู่!” รองประธานอวี๋หัวเราะฮึๆใส่ฉีเติ่งเสียน “หวังว่าจะรีบหาแบ็คอัพมาได้เร็วๆนะ ไม่งั้นล่ะก็อาจจะตายอยู่ในผึ่งไหลได้นะ!”
พูดคำนี้จบเขาก็โบกมือ เดินจากไปพร้อมจูเจิ้งเต๋อแล้ว
สีหน้าของหลิวปิงเว่ยมืดครึ้ม ไม่พูดจา
แต่ฉีเติ่งเสียนกลับหัวเราะ พูดกับหลิวปิงเว่ยว่า “ดีมาก ช่วยคุณได้แล้วยังได้เงินมาพันล้านด้วย แค่คิดก็มีความสุขแล้ว! คุณหลิว คุณเป็นดาวนำโชคของผมจริงๆ!”
หลิวปิงเว่ยได้ยินแล้วก็ทำได้แค่ฝืนยิ้ม พูดอย่างจิตใจกระสับกระส่ายว่า “คุณฉีสามารถเชิญคุณซุนมาช่วยออกเสียงให้ผมได้จริงๆเหรอ? ตระกูลซุนไม่สนเรื่องภายนอกมาหลายปีแล้ว คนใหญ่คนโตหลายคนเองก็ยังเชิญพวกเขามาไม่ได้...”
“ฮึ ปู่เรียกเหลนชายให้มาออกหน้า เขาไม่กล้ามา?” ฉีเติ่งเสียนถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ
หลิวปิงเว่ยได้ยินคำนี้แล้วก็ตกใจจนหน้าซีดขาว คนผู้นี้ช่างกล้าพูดเกินไปแล้ว! แม้ตระกูลซุนจะไม่สนใจโลกภายนอกมาหลายปี แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครจะมาว่ากล่าวหรือท้าทายได้ตามใจนะ! กล้าไปหยามตระกูลซุนแบบนี้ เกรงว่าวันถัดไปคงได้ถูกคนโยนลงทะเลกลายเป็นอาหารปลาแน่!
“ระวังคำพูดหน่อยนะครับ คุณฉี!” หลิวปิงเว่ยพูดเตือน
“วางใจได้ๆ! เดิมทีผมก็เป็นปู่ของเขา” ฉีเติ่งเสียนพูดพร้อมยิ้มบางๆ
หลิวปิงเว่ยหมดคำพูดแล้วจริงๆ ต่อไปหากคนผู้นี้พูดจาลามปามแบบนี้อีกตนเองยังคงอยู่ให้ห่างจากเขาสักหน่อยดีกว่า จะได้ไม่ต้องมีส่วนพัวพันไปด้วย...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...