ฉีเติ่งเสียนติดต่อเกาเย่ตกลงเรื่องเวลา ในวันพรุ่งนี้ที่จะไปรับจิ่วเฮิ่งและลี่เฟยหลงกลับไปที่เมืองไทเป
เกาเย่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็สามารถส่งจิ่วเฮิ่ง เทพเจ้าแห่งความวุ่นวายออกไปได้
ซุนอิ่งซูให้ฉีเติ่งเสียนเดินช้อปปิ้งกับเธอ ดังนั้นพระอัครสังฆราชฉีจึงทำได้เพียงติดตามพาคุณนายแชโบลไปเดินเล่นเท่านั้น
เมื่อผ่านจุดชมวิวแห่งหนึ่ง มีการจัดการแสดงธรรม ผู้ที่นั่งบนเวทีเป็นหญิงเท้าเปล่าสวมชุดสีขาว ผิวคล้ำเล็กน้อยและมีปานแดงหนึ่งจุดอยู่ตรงระหว่างคิ้ว
ฉีเติ่งเสียนเม้มริมฝีปากของเขาแน่น อย่างกำลังคิดว่าจะฆ่าโจรูริที่นี่เลยดีไหม
แต่ก็มีคนชุมนุมอยู่มากเกินไปและส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ หากเขาฆ่าโรรูริที่นี่ มันจะยิ่งทำให้เกิดความโกลาหลและสุดท้ายเกรงว่าสมเด็จพระสันตะปาปาจะไม่เต็มใจที่จะช่วยเขาอีก
โจรูริก็รู้สึกถึงรังสีที่แข็งแกร่ง จนต้องลืมตาขึ้น มองเห็นฉีเติ่งเสียน
ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยแสงแห่งความกระจ่างและสติปัญญา จนทำให้คนลุ่มหลงมึนเมาได้
“จะฟังเหรอ?” ซุนอิ่งซู ยิ้ม โดยไม่รู้ว่าฉีเติ่งเสียนและโจรูริเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อน “มีข่าวลือว่านี่คือพระโพธิสัตว์ที่จะถือกำเนิดในอนาคต แต่มาจุติแสดงธรรมในโลกปัจจุบัน”
โจรูริเข้าใจภาษาของหัวกั๋วเป็นอย่างดีหลังจากมองไปที่ฉีเติ่งเสียน ก็เริ่มอธิบายพระไตรปิฎกของพุทธศาสนาอย่างใจเย็น
เธอมีวิธีการสอนที่ยอดเยี่ยม และคำสอนทางพุทธศาสนาที่ลึกซึ้งก็เข้าใจได้ง่ายขึ้นจากปากของเธอ ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกกระจ่างแจ้งถึงหลักธรรมคำสอน
“หลักธรรมอันประเสริฐทุกอย่างไม่เกี่ยวกับคำพูด เมื่อเข้าใจหลักแล้วจึงจะแสดงออกมาเป็นคำพูดได้ ยึดความเหตุผลเป็นที่ตั้งจึงสามารถกลั่นออกมาเป็นคำพูด ดังนั้น.....แม้ผู้ไม่อ่านพระไตรปิฎกก็สามารถเข้าใจ สิ่งที่ฉันกำลังพูดถึงในวันนี้ได้” โจรูริพูดอย่างใจเย็น
ทุกคนทยอยกราบขอบคุณพระโพธิสัตว์ทีละคน
ฉีเติ่งเสียนก็เป็นคนที่ชอบศึกษาวัฒนธรรมทางศาสนาและเทววิทยา* ทุกอย่างล้วนเป็นฉีปู้อวี่ที่เป็นคนสอน
ไม่เพียงแค่การประมาณตนเองเท่านั้น ที่จะมนุษย์จะรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของจักรวาลและความสง่างามของเหล่าทวยเทพได้ ความรู้สึกที่น่าเกรงขามและความยึดมั่นก็ควรค่าแก่การดำรงไว้
หลังจากฟังมาสักระยะหนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบพยักหน้า
“เมื่อพระพุทธเจ้าประทับบนแท่นบัว ก็เกิดเป็นมนุษย์เช่นกัน เมื่อมนุษย์อยู่ในโลก เมื่อนิ่งสงบ ย่อมเป็นพุทธะ... ทุกคนมีศักยภาพที่จะเป็นผู้รู้ผู้ตื่นได้ และกุญแจสำคัญในการนี้คือจิตใจ....” โจรูริกล่าว
ฉีเติ่งเสียนกล่าวว่า: “ฉันข้าใจแล้ว! หากต้องการรู้ใครคือลูกผู้ชายจริงๆ อย่าดูที่รูปร่างหน้าตาของเขา แต่ให้มองที่หัวใจของเขาด้วยแบบนั้นใช่ไหม?”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองเขา ไม่พอใจที่เขารบกวนการบรรยายของโจรูริ
โจรูริพูดอย่างใจเย็น: “เป็นพระอัครสังฆราชแห่งเขตทางใต้ของศาสนาศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง!”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพยักหน้า จากนั้นเขาก็แสร้งเป็นตกใจและพูดว่า: “ดูนั่นสิ กิ้งก่า!”
ใบหน้าของโจรูริยังไร้ความรู้สึก
ฉีเติ่งเสียนตกตะลึง อย่าบอกนะว่าชาวเทียนจู้มีความชื่นชอบกิ้งก่าน่ะ?
“เห้ย รังแตน!” ฉีเติ่งเสียนอุทานอีกครั้ง
ดวงตาของโจรูริค่อยๆ เย็นลง เมื่อรู้แล้วว่าชายคนนี้มาเพื่อก่อกวน
ทุกคนรู้ดีถึงความรักระหว่างชาวเทียนจู้กับกิ้งก่า และกระบองทองคำที่จิ้มรังแตนเพื่อทำให้มันใหญ่ขึ้น ทั้งโลกหัวเราะขบขันกับวงจรสมองของพวกเขา ทำให้คนรู้สึกแปลกๆ
ซุนอิ่งซูก็ตกใจเช่นกัน เธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาหยิกฉีเติ่งเสียนแล้วกระซิบ: “นายพูดอะไร นี่คือตัวแทนพระพุทธเจ้า นี่เป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับความเคารพ ทำไมนายถึงพูดจาเหลวไหลที่นี่ ผลกระทบไม่ดีแน่!”
ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างสงบ: “เธอต้องการชีวิตของผมอยู่แล้ว ทำไมผมจะต้องสุภาพกับเธอด้วยล่ะ? ทำไมคุณไม่ลองหาทาง ให้ผมเอากิ้งก่าสักตัวไปลองมอบให้เธอดูล่ะ”
คนที่ฉีเติ่งเสียนกล่าวถึงไม่ใช่จิ่วเฮิ่งแต่เป็นผีพยาบาท หากโจรูริพูดตรงนี้ว่าผีพยาบาท “สามารถกลายเป็นพระพุทธเจ้าได้” เธอจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของพุทธศาสนาแห่งเจียเผิงกั๋วและสำนักศาลเจ้าทั้งหลายอย่างแน่นอน!
ก็รู้ว่าผีพยาบาทนั้นเป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมซึ่งได้สังหารคนสำคัญมามากมาย เขาเป็นศัตรูที่ทำให้คนทั้งประเทศเจียเผิงเกลียดชัง
ใครก็ตามที่กล้าเอ่ยชื่อในที่สาธารณะมักจะกลายเป็นศัตรูของคนเจียเผิงทั้งประเทศ!
“คนบางคนมีหัวใจเป็นปีศาจ แม้ว่าพวกเขาจะวางมีดเขียงลง แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถซ่อนเจตนาฆ่าที่มีได้ เพราะฉะนั้นพวกเขาจะไม่มีวันได้เป็นพระพุทธเจ้า” โจรูริพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา
มีความไม่สอดคล้องกันในภาษาที่เธอใช้อยู่
ฉีเติ่งเสียนพอใจ พยักหน้าลงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถูกต้อง! ดังนั้นที่จะบอกว่าทุกคนสามารถกลายเป็นคนผู้รู้ผู้ตื่นได้และสามารถแก้ไขอนุตตรสัมมาสัมโพธิจิตได้ มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระใช่ไหม?”
ผู้ศรัทธาในกลุ่มผู้ชมต่างพูดไม่ออกหลังจากได้เห็นพลังที่ไร้มนุษยธรรมและน่าสะพรึงกลัวของฉีเติ่งเสียน
ฉีเติ่งเสียนเดินลงจากเวทีที่พังทลายลงด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า: “พระโพธิสัตว์โจรูริ คุณจะได้พบกับคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจ แล้วพวกเราค่อยพบกันใหม่!”
โจรูริประสานมือเข้าด้วยกัน พยักหน้าแล้วพูดว่า “แล้วพบกันใหม่หากเราถูกกำหนดไว้”
ทั้งสองคนมีเจตนาฆ่าลึกๆอยู่ในใจ แต่ทั้งสองคนไม่ลงมือใดๆ
เพราะนี่เป็นเพียงความสงบก่อนเกิดพายุ
ซุนอิ่งซูจับมือของฉีเติ่งเสียนเอาไว้ด้วยความตื่นตระหนก แล้วรีบไปจากที่นี่แล้วพูดว่า: “นายนี่ชอบก่อเรื่องจริงๆ เกือบจะทำให้ผู้ศรัทธาหลายคนโกรธเอา ถ้าเรื่องแดงขึ้น นายจะอธิบายเรื่องนี้ให้สมเด็จพระสันตะปาปาฟังยังไงก็ไม่ขึ้นหรอกนะ”
*เทววิทยา ในความหมายอย่างแคบคือวิชาว่าด้วยพระเจ้าและความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ ความหมายอย่างกว้างคือการศึกษาเรื่องศาสนา อิทธิพลของศาสนา ธรรมชาติของความจริงทางศาสนา อย่างเป็นระบบและมีเหตุผล หรือหมายถึงวิชาชีพที่มาจากการฝึกฝนเรียนรู้ทางด้านศาสนศึกษาที่มหาวิทยาลัย สำนักเทวศาสตร์ หรือเซมินารี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...