มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1581

คำพูดนี้ของอาจารย์จางเทียน ทำให้ฉีเติ่งเสียนหลุดโกรธ เกือบจะไม่สนใจสถานการณ์ตำหนิออกมา

ฉีปู้อวี่ขี้โกงนัก ขอให้อาจารย์จางเทียนช่วย แต่เขากลับไม่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้

อาจารย์จางเทียนก็ขี้เหนียวมากเสียจริง เขาไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบิน จึงโทรหาเขาเพื่อขอให้เขาซื้อตั๋วเครื่องบินโดยเฉพาะ

ท้ายที่สุดแล้ว ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศนั้นก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ เลย

“เฮ้อ คนก็แก่แล้ว กระดูกกระเดี้ยวก็ไม่แข็งแรง ถ้าเป็นชั้นประหยัด คงไม่สามารถทนถึงทวีปยูโรป…” อาจารย์จางเทียนพึมพำ ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง

"ได้ ชั้นหนึ่งเลย!" ฉีเติ่งเสียนกัดฟัน แล้วพูดว่า "ตั๋วเครื่องบินฉันจะช่วยคุณเอง จุดตรวจคนเข้าเมืองก็จะจัดการให้ คุณรีบออกเดินทางได้เลย"

อาจารย์จางเทียนยิ้มและพูดว่า: "ได้ ผินเต้า (คำเรียกตัวเองแบบถ่อมตนของนักพรตเต๋า) จะรีบไปยุโรปช่วยบรรพจารย์เลย ช่วยเขากำจัดพวกนอกรีต!”

ฉีเติ่งเสียนหายใจเข้าลึกๆ วางสายโทรศัพท์ จากนั้นบ่นไปด้วยจัดเตรียมตั๋วเครื่องบินให้อาจารย์จางเทียนไปด้วย

หากฉีปู้อวี่นำคนนอกรีตไปด้วยเพียงสองคน เขายังไม่แน่ใจว่าจะก่อปัญหาหรือไม่ แต่เขาก็เรียกอาจารย์จางเทียนไปพร้อมกันด้วย นั่นคงเป็นการจู่โจมแน่

ยิ่งไปกว่านั้น การจู่โจมนี้อาจมุ่งเป้าไปที่สมเด็จพระสันตะปาปา ท้ายที่สุดแล้วฉีปู้อวี่เคยถามเขาว่าน้ำมนต์เกิดขึ้นได้อย่างไร ขอเพิ่มกว่านี้ได้หรือไม่

น้ำมนต์ซึ่งเป็นความลับหลักของศาสนาศักดิ์สิทธิ์ ฉีเติ่งเสียนในฐานะพระอัครสังฆราช ทราบว่ามีน้ำพุอยู่ภายในสันตะสำนัก ในทุกปีก็จะมีน้ำแร่บางส่วนผุดขึ้นมาทุกปี

น้ำแร่เหล่านี้มีคุณสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์ หลังจากดื่มแล้ว จะช่วยให้กระชุ่มกระชวย ขจัดความเหนื่อยล้า เพิ่มการทำงานของเซลล์ และเพิ่มสมรรถภาพทางกาย

จริงๆ แล้วสิ่งนี้ค่อนข้างคล้ายกับน้ำแร่แห่งความเยาว์วัยในนิทานพื้นบ้านของจีน แต่ผลที่ได้นั้นดีจริงๆ และเทียบได้กับยาบำรุงทั้งสิบที่กลั่นโดยอาจารย์จางเทียนโดยใช้วัสดุยาอันมีค่าจำนวนมาก

“อาจารย์จางเทียนตาเฒ่านี้คงจะไม่ลงมือทำหากไม่มีผลประโยชน์ ปกครองอย่างหวูเหวยอะไรกัน เหลวไหลสิ้นดี!” ฉีเติ่งเสียนด่าทอในใจ เรียกชื่ออาจารย์จางเทียนโดยตรง

“สำนักขอฃอาจารย์ปู่ สั่งสอนมาไม่ดีนัก ศิษย์ลูกศิษย์หลานอะไรกัน?”

“ยังคงเป็นฉันพระอัครสังฆราชฉี เป็นคนที่สร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้แก่วงศ์ตระกูลมากกว่า!”

ฉีเติ่งเสีบนบ่นอาจารย์ปู่ไปด้วยเลย ถึงค่อยรู้สึกคลายคงามหงุดหงิดได้บ้าง

จิ่วเฮิงอดไม่ได้ที่จะถาม: "ท่านอาจารย์เหล่าฉีไปยุโรปสร้างปัญหาอีกแล้วเหรอ? อีกท้งยังพาไอ้เฒ่าเลวอาจารย์จางเทียนไปด้วยเหรอ?"

ครั้งที่แล้วที่จิ่วเฮิงต่อสู้กับอาจารย์จางเทียน ถูกคนเขาที่ใช้วิชาเต๋าเล่นสกปรก สลบหลับไปนาน จึงไม่มีความรู้สึกดีหรือความเคารพต่อชายชราคนนี้อีกต่อไป

ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดว่า: "แกมีข้อคิดเห็นต่ออาจารย์จางเทียนไม่น้อยเลยนะ?"

จิ่วเฮิงหัวเราะเยาะ: "ครั้งต่อไปที่ฉันพบเขา ฉันจะระวังวิชาเต๋าของเขา จะต้องให้เขานอนสลบสักสองสามวันให้ได้!”

จิ่วเฮิเป็นคนที่แค้นต้องชำระ หลังจากถูกฉีเติ่งเสียนลอบโจมตีครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กู้สถานการณ์กลับมาได้ทันที ซึ่งทำให้ฉีเติ่งเสียนเสียเปรียบเช่นกัน

ก็เพราะตัวละครอย่างจิ่วเฮิงที่มีนิสัยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ถึงได้เป็นผู้ที่มีความมั่นใจพอที่จะท้าทายคลาร์ก

“มา ผู้คุมเกา ฉันขอคารวะคุณ!”

“อาจารย์จิ่วเฮิง ฉันขอคารวะคุณ!”

“รองหัวหน้าใหญ่ ฉันขอคารวะคุณ!”

ลี่เฟยหลเจ้าเด็กคนนี้ช่างรู้งานเสียจริง พอกินอิ่ม ก็ถือแก้วมาดื่มชนแก้วกับทีละคนแล้ว แสดงท่าทีเคารพนบนอบ มีความสุภาพ

จิ่วเฮิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า: "ได้ อนุมัติคุณให้เป็นลูกน้องของฉันแล้วกัน หากมีอะไรในอนาคต สามารถมาหาพี่ใหญ่ฉันคนนี้ได้เลย!"

ลี่เฟยหลงโค้งคำนับ คุกเข่าลงต่อหน้าจิ่วเฮิงทันทีและพูดว่า: "น้องชายลี่เฟยหลง คารวะลูกพี่จิ่วเฮิง!"

แน่นอนว่าเขากำลังหัวเราะกับท่าทางการประจบสอพลอที่น่าสะอิดสะเอียนที่คุกเข่าให้ผู้อื่น

“อุ๊ย พี่ใหญ่ นี่คุณเป็นอะไรไป? โดนขังมาหลายปี เข่าของคุณอ่อนลงเช่นนี้ ไม่สามารถยืนมั่นได้เลยหรือ? พอเห็นคน ก็ต้องคุกเข่าลงเลย?” ซือถู่หนานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ซือถู่หนานรู้ดีเช่นกันว่า หลังจากที่ลี่เฟยหลงถูกปล่อยตัวออกคุกแล้วก็เข้าหาฉีเติ่งเสียน จะต้องมุ่งเป้าไปที่พลังอำนาจที่อยู่ในมือของเขา ดังนั้นเมื่อเขาคว้าโอกาสในเวลานี้ได้ เขาย่อมต้องการที่จะเยาะเย้ยเขาให้อับอาย

คนที่ตามซือถู่หนานมา ยังมีสมาชิกบางคนของแก๊งค์สีไห่ พอพวกเขาเห็นว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาคุกเข่าลง ทำตัวประจบสอพลอ ต่างก็รู้สึกรังเกียจ

พวกเขาต่างรู้สึกว่าลี่เฟยหลงอ่อนแอแล้ว เขาไม่คู่ควรกับการเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขาอีกต่อไป ไม่ต้องพูดถึงการเป็นผู้นำแก๊งค์สีไห่! ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองของซือถู่หนานแก๊งค์สีไห่ยังเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ

จิ่วเฮิงพูดอย่างใจเย็นกับลี่เฟยหลง : "ลุกขึ้นเถิด น้องชาย!"

ลี่เฟยหลงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หันไปมองซือถู่หนานอย่างเย็นชา

ซือถู่หนานลูบฝ่ามือแล้วยิ้ม ถามว่า: "พี่ใหญ่ นี่คุณเป็นอัไรไป? คนที่เคยเป็นบุคคลที่มีอำนาจในเผิงไหล ตอนนี้กลายเป็นคนอ่อนแอไปแล้ว?"

ลี่เฟยหลงกล่าวอย่างเย็นชา: "แกจะไปรู้อะไร! คนที่สามารถทำให้ฉันนับถือด้วยใจได้นั้น แน่นอนว่าเป็นหงส์มังกรในหมู่มนุษย์ เป็นพระพุทธเจ้าในโลกปัจจุบัน ไม่อย่างนั้น ฉันจะกราบไหว้เขาได้อย่างไร?”

เมื่อจิ่วเฮิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า "เขาพูดถูก เขาคุกเข่าลงไหว้ฉันเป็นลูกพี่ มันเป็นวาสนาของเขา พวกแกมีความคิดเห็นอะไรไหม?”

“แก?!”

“ไร้มารยาท!”

“ฮ่าฮ่า...”

ซือถู่หนานขำออกมา พูดด้วยความรังเกียจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง