คำพูดนี้ของอาจารย์จางเทียน ทำให้ฉีเติ่งเสียนหลุดโกรธ เกือบจะไม่สนใจสถานการณ์ตำหนิออกมา
ฉีปู้อวี่ขี้โกงนัก ขอให้อาจารย์จางเทียนช่วย แต่เขากลับไม่ซื้อตั๋วเครื่องบินให้
อาจารย์จางเทียนก็ขี้เหนียวมากเสียจริง เขาไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบิน จึงโทรหาเขาเพื่อขอให้เขาซื้อตั๋วเครื่องบินโดยเฉพาะ
ท้ายที่สุดแล้ว ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศนั้นก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ เลย
“เฮ้อ คนก็แก่แล้ว กระดูกกระเดี้ยวก็ไม่แข็งแรง ถ้าเป็นชั้นประหยัด คงไม่สามารถทนถึงทวีปยูโรป…” อาจารย์จางเทียนพึมพำ ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง
"ได้ ชั้นหนึ่งเลย!" ฉีเติ่งเสียนกัดฟัน แล้วพูดว่า "ตั๋วเครื่องบินฉันจะช่วยคุณเอง จุดตรวจคนเข้าเมืองก็จะจัดการให้ คุณรีบออกเดินทางได้เลย"
อาจารย์จางเทียนยิ้มและพูดว่า: "ได้ ผินเต้า (คำเรียกตัวเองแบบถ่อมตนของนักพรตเต๋า) จะรีบไปยุโรปช่วยบรรพจารย์เลย ช่วยเขากำจัดพวกนอกรีต!”
ฉีเติ่งเสียนหายใจเข้าลึกๆ วางสายโทรศัพท์ จากนั้นบ่นไปด้วยจัดเตรียมตั๋วเครื่องบินให้อาจารย์จางเทียนไปด้วย
หากฉีปู้อวี่นำคนนอกรีตไปด้วยเพียงสองคน เขายังไม่แน่ใจว่าจะก่อปัญหาหรือไม่ แต่เขาก็เรียกอาจารย์จางเทียนไปพร้อมกันด้วย นั่นคงเป็นการจู่โจมแน่
ยิ่งไปกว่านั้น การจู่โจมนี้อาจมุ่งเป้าไปที่สมเด็จพระสันตะปาปา ท้ายที่สุดแล้วฉีปู้อวี่เคยถามเขาว่าน้ำมนต์เกิดขึ้นได้อย่างไร ขอเพิ่มกว่านี้ได้หรือไม่
น้ำมนต์ซึ่งเป็นความลับหลักของศาสนาศักดิ์สิทธิ์ ฉีเติ่งเสียนในฐานะพระอัครสังฆราช ทราบว่ามีน้ำพุอยู่ภายในสันตะสำนัก ในทุกปีก็จะมีน้ำแร่บางส่วนผุดขึ้นมาทุกปี
น้ำแร่เหล่านี้มีคุณสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์ หลังจากดื่มแล้ว จะช่วยให้กระชุ่มกระชวย ขจัดความเหนื่อยล้า เพิ่มการทำงานของเซลล์ และเพิ่มสมรรถภาพทางกาย
จริงๆ แล้วสิ่งนี้ค่อนข้างคล้ายกับน้ำแร่แห่งความเยาว์วัยในนิทานพื้นบ้านของจีน แต่ผลที่ได้นั้นดีจริงๆ และเทียบได้กับยาบำรุงทั้งสิบที่กลั่นโดยอาจารย์จางเทียนโดยใช้วัสดุยาอันมีค่าจำนวนมาก
“อาจารย์จางเทียนตาเฒ่านี้คงจะไม่ลงมือทำหากไม่มีผลประโยชน์ ปกครองอย่างหวูเหวยอะไรกัน เหลวไหลสิ้นดี!” ฉีเติ่งเสียนด่าทอในใจ เรียกชื่ออาจารย์จางเทียนโดยตรง
“สำนักขอฃอาจารย์ปู่ สั่งสอนมาไม่ดีนัก ศิษย์ลูกศิษย์หลานอะไรกัน?”
“ยังคงเป็นฉันพระอัครสังฆราชฉี เป็นคนที่สร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้แก่วงศ์ตระกูลมากกว่า!”
ฉีเติ่งเสีบนบ่นอาจารย์ปู่ไปด้วยเลย ถึงค่อยรู้สึกคลายคงามหงุดหงิดได้บ้าง
จิ่วเฮิงอดไม่ได้ที่จะถาม: "ท่านอาจารย์เหล่าฉีไปยุโรปสร้างปัญหาอีกแล้วเหรอ? อีกท้งยังพาไอ้เฒ่าเลวอาจารย์จางเทียนไปด้วยเหรอ?"
ครั้งที่แล้วที่จิ่วเฮิงต่อสู้กับอาจารย์จางเทียน ถูกคนเขาที่ใช้วิชาเต๋าเล่นสกปรก สลบหลับไปนาน จึงไม่มีความรู้สึกดีหรือความเคารพต่อชายชราคนนี้อีกต่อไป
ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดว่า: "แกมีข้อคิดเห็นต่ออาจารย์จางเทียนไม่น้อยเลยนะ?"
จิ่วเฮิงหัวเราะเยาะ: "ครั้งต่อไปที่ฉันพบเขา ฉันจะระวังวิชาเต๋าของเขา จะต้องให้เขานอนสลบสักสองสามวันให้ได้!”
จิ่วเฮิเป็นคนที่แค้นต้องชำระ หลังจากถูกฉีเติ่งเสียนลอบโจมตีครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กู้สถานการณ์กลับมาได้ทันที ซึ่งทำให้ฉีเติ่งเสียนเสียเปรียบเช่นกัน
ก็เพราะตัวละครอย่างจิ่วเฮิงที่มีนิสัยไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ถึงได้เป็นผู้ที่มีความมั่นใจพอที่จะท้าทายคลาร์ก
“มา ผู้คุมเกา ฉันขอคารวะคุณ!”
“อาจารย์จิ่วเฮิง ฉันขอคารวะคุณ!”
“รองหัวหน้าใหญ่ ฉันขอคารวะคุณ!”
ลี่เฟยหลเจ้าเด็กคนนี้ช่างรู้งานเสียจริง พอกินอิ่ม ก็ถือแก้วมาดื่มชนแก้วกับทีละคนแล้ว แสดงท่าทีเคารพนบนอบ มีความสุภาพ
จิ่วเฮิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า: "ได้ อนุมัติคุณให้เป็นลูกน้องของฉันแล้วกัน หากมีอะไรในอนาคต สามารถมาหาพี่ใหญ่ฉันคนนี้ได้เลย!"
ลี่เฟยหลงโค้งคำนับ คุกเข่าลงต่อหน้าจิ่วเฮิงทันทีและพูดว่า: "น้องชายลี่เฟยหลง คารวะลูกพี่จิ่วเฮิง!"
แน่นอนว่าเขากำลังหัวเราะกับท่าทางการประจบสอพลอที่น่าสะอิดสะเอียนที่คุกเข่าให้ผู้อื่น
“อุ๊ย พี่ใหญ่ นี่คุณเป็นอะไรไป? โดนขังมาหลายปี เข่าของคุณอ่อนลงเช่นนี้ ไม่สามารถยืนมั่นได้เลยหรือ? พอเห็นคน ก็ต้องคุกเข่าลงเลย?” ซือถู่หนานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซือถู่หนานรู้ดีเช่นกันว่า หลังจากที่ลี่เฟยหลงถูกปล่อยตัวออกคุกแล้วก็เข้าหาฉีเติ่งเสียน จะต้องมุ่งเป้าไปที่พลังอำนาจที่อยู่ในมือของเขา ดังนั้นเมื่อเขาคว้าโอกาสในเวลานี้ได้ เขาย่อมต้องการที่จะเยาะเย้ยเขาให้อับอาย
คนที่ตามซือถู่หนานมา ยังมีสมาชิกบางคนของแก๊งค์สีไห่ พอพวกเขาเห็นว่าพี่ใหญ่ของพวกเขาคุกเข่าลง ทำตัวประจบสอพลอ ต่างก็รู้สึกรังเกียจ
พวกเขาต่างรู้สึกว่าลี่เฟยหลงอ่อนแอแล้ว เขาไม่คู่ควรกับการเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขาอีกต่อไป ไม่ต้องพูดถึงการเป็นผู้นำแก๊งค์สีไห่! ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองของซือถู่หนานแก๊งค์สีไห่ยังเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ
จิ่วเฮิงพูดอย่างใจเย็นกับลี่เฟยหลง : "ลุกขึ้นเถิด น้องชาย!"
ลี่เฟยหลงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หันไปมองซือถู่หนานอย่างเย็นชา
ซือถู่หนานลูบฝ่ามือแล้วยิ้ม ถามว่า: "พี่ใหญ่ นี่คุณเป็นอัไรไป? คนที่เคยเป็นบุคคลที่มีอำนาจในเผิงไหล ตอนนี้กลายเป็นคนอ่อนแอไปแล้ว?"
ลี่เฟยหลงกล่าวอย่างเย็นชา: "แกจะไปรู้อะไร! คนที่สามารถทำให้ฉันนับถือด้วยใจได้นั้น แน่นอนว่าเป็นหงส์มังกรในหมู่มนุษย์ เป็นพระพุทธเจ้าในโลกปัจจุบัน ไม่อย่างนั้น ฉันจะกราบไหว้เขาได้อย่างไร?”
เมื่อจิ่วเฮิงได้ยินสิ่งนี้ เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า "เขาพูดถูก เขาคุกเข่าลงไหว้ฉันเป็นลูกพี่ มันเป็นวาสนาของเขา พวกแกมีความคิดเห็นอะไรไหม?”
“แก?!”
“ไร้มารยาท!”
“ฮ่าฮ่า...”
ซือถู่หนานขำออกมา พูดด้วยความรังเกียจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...