มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1609

ฉีเติ่งเสียนเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงพาลี่เฟยหลงออกไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาพาคนออกไป ซุนหยิงซูก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับดาบซามูไรอันน่าเกรงกลัวสองเล่ม

ดวงตาที่ปรากฏสีแดงก่ำของจ้าวหงซิ่วที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน และสภาพจิตใจที่สภาพย่ำแย่ ถามขึ้นว่า : “คนแซ่ฉีไปไหนแล้วล่ะ?!”

ซุนหยิงซูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวกับผู้หญิงตรงหน้า เธอมีรัศมีที่น่าประหลาดใจราวกับว่าเธอเป็นเสือที่พยายามจะกินคน

“เขาเพิ่งจะออกไป คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ซุนหยิงซูมองไปอย่างครุ่นคิดพร้อมถามกลับ

“มันสมควรตาย ฉันจะตามไปฆ่ามัน!” จ้าวหงซิ่วโกรธขึ้นมาแล้วเอามีดทั้งสองในมือกระทบเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเสียงกระทบดังขึ้นมา

แน่นอนว่าจ้าวหงซิ่วต้องโกรธมากอยู่แล้ว เมื่อวานหลังจากที่กลับจากสวนชิงหู ก็จับพลัดจับผลูเปิดเกมที่น่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ที่ทรมานตั้งแต่ต้นจนจบลงโดยบอสที่สามารถฆ่าเธอได้นับสิบครั้ง

ยังมีพวกกับดักในปรโลกที่ทำให้เธอแทบจะบ้าไป

เธอรู้สึกว่าฉีเติ่งเสียนจงใจล่อลวงเธอให้เล่นเกมเส็งเคร็งเพื่อทำลายจิตวิญญาณของเธอ ดังนั้นในวันนี้เธอจึงมาด้วยความโกรธเคืองพร้อมมีดในมือ

เธอไม่เชื่อหรอกว่าหากเธอคิดจะสู้อย่างเต็มที่จะไม่สามารถเอาชนะบอสในเกมกับฉีเติ่งเสียนที่น่าดูถูกคนนั้นได้

ซุนหยิงซูอดไม่ได้ที่จะอึ้งไป จากนั้นก็ถามขึ้น: “เขาไปทำเรื่องอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอ? ถึงทำให้คุณโกรธจนอยากจะสู้กับเขามากขนาดนี้?”

จ้าวหงซิ่วพูดขึ้นด้วยใบหน้าเย็นชา : “ในเมื่อเขาไม่อยู่ที่นี่ก็ไม่เป็นไร วันหลังฉันจะมาหาเขาใหม่ !”

หลังจากรอจ้าวหงซิ่วออกไป สีหน้าของซุนหยิงซูก็อดไม่ได้ที่จะเย็นชาและแข็งกร้าวขึ้นมา มีความพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

เธอกัดฟันและคิดว่าฉีเติ่งเสียนต้องไปยั่วยุผู้หญิงคนนั้นแน่ ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายจะโกรธเป็นไฟอย่างนี้ได้ยังไงกัน?

“ไอ้ตัวดีคงต้องไปก่อเรื่องอะไรอีกแน่ ไม่อย่างนั้นเธอจะมาเพื่อสู้กับเขาทำไม?” ซุนหยิงซูแอบด่าว่า

เธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะน่าเคารพเท่าไรกับการที่ฉีเติ่งเสียนทำเรื่องแบบนี้ ช่วงนี้เธออยู่ที่เผิงไหลมาตลอด แต่เขากำลังไปทำเรื่องแย่ๆกับผู้หญิงคนอื่นลับหลังเธออย่างนั้นเหรอ?

ซุนหยิงซูคิดว่าเธอต้องไปคุยกับฉีเติ่งเสียนให้รู้เรื่อง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาทำเรื่องที่ไม่น่าพอใจแบบนี้ในอนาคตอีก

จ้าวหงซิ่วจากออกไป จากนั้นเขาก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมาจึงพูดพึมพำขึ้น : “คนที่ทรมานฉันทั้งคืนคือคนเจียเผิง เพราะงั้นวันนี้ฉันจะหาคนเจียเผิงมาทรมาน! หึ….แค่หลิวจงเหยียนซุ่ยก็พอและ อย่างไงซะเขาก็รู้จักและเล่นหมากล้อมกับจ้าวหงหนีบ่อยๆ”

จ้าวหงซิ่วตรงไปที่โรงยิมศิลปะการต่อสู้ที่เสิ่นซานเจี๋ยอีซื้อไว้ จากนั้นก็พบหลิวจงเหยียนซุ่ย

“คุณหงหนี อยากจะเล่นหมากล้อมอีกเหรอ?” หลังจากที่หลิวจงเหยียนซุยเห็นจ้าวหงซิ่วก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ล่ะ วันนี้ฉันจะมาเปิดหูเปิดตากับฝีมือดาบคุณซะหน่อย!” จ้าวหงซิ่วยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มร้าย

หลิวจงเหยียนซุ่ยตกตะลึงไป พร้อมกับร่างกายที่เย็นเฉียบขึ้นมา จากนั้นจ้าวหงซิ่วก็โยนดาบซามูไรให้เขา ยังไม่ทันรอให้เขามีปฏิกิริยาอะไร เธอก็หยิบดาบขึ้นมา

หลิวจงเหยียนซุ่ยถูกบังคับให้รับการต่อสู้

หลิวจงเหยียนซุ่ยเป็นฝ่ายโดนโจมตีก่อน

หลิวจงเหยียนซุ่ยล้มกระแทกลงไปกับพื้น

หลิวจงเหยียนซุ่ยไม่สามารถลุกขึ้นได้

“หึ….ฝีมือดาบของเจียเผิงก็แค่นี้เองเหรอ ก็ใช้ได้แค่ในมิติอื่นก็เท่านั้นเอง!” หลังจากที่จ้าวหงซิ่วโจมตีหลิวจงเหยียนซุ่ย เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างดูถูก

ฉีเติ่งเสียนที่อยู่ด้านข้างสวมชุดลำลองหลวมๆสบายๆ เอามือไขว่หลังทำท่าเหมือนผู้ชายแก่ๆกำลังเดินเล่น ไม่ได้สนใจเหล่าแก๊งสี่ไห่เลยด้วยซ้ำ

วันนี้เป็นวันสถาปนาแก๊งสี่ไห่ ตามกฎแล้วเจ้านายต้องนำเหล่าลูกน้องไปสักการะเทพเจ้ากวนอู

เทพเจ้ากวนอูมีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้า เขาเป็นบุคคลที่กลุ่มคนในเจียงหูยกย่องให้เป็นบุคคลแบบอย่างมาโดยตลอด ทุกคนต่างก็จะบูชาเทพเจ้ากวนอูที่ย้าน

อันที่จริงแล้วสิ่งที่เทพเจ้ากวนอูเป็นอยู่ทุกวันนี้ได้ ประการแรกเป็นเพราะนิยายทางประวัติศาสตร์สามก๊ก ประการที่สองความชื่นชมของจักรพรรดิที่มอบให้เขา ซึ่งใช้เขาเป็นแบบอย่างในการเตือนเหล่ารัฐมนตรีเกี่ยวกับการจงรักภักดี

“ใครที่กำลังมาหยุดเดี๋ยวนี้ !” หลังจากที่คนเฝ้าประตูเห็นคนทั้งสองก็ยื่นมือมาขวางไว้ทันที

“บังอาจ! ฉันเป็นหัวมังกรของแก๊งสี่ไห่ แกมีสิทธิ์อะไรมาขวางฉัน?!” ลี่เฟยหลงเบิกตากว้างด้วยความโกรธ พร้อมตะคอกว่าเสียงดังด้วยมาดของผู้เป็นนาย

คนที่ขวางประตูอดไม่ได้ที่จะช็อคไป ยังไม่ทันที่เขาจดได้พูดอะไร ลี่เฟยหลงก็ผลักไหล่ของเขาออกไปแล้วก้าวยาวเข้าไปข้างใน ในขณะที่ฉีเติ่งเสียนก็แค่ยิ้มๆออกมา คนๆนี้ไม่บังคับนี่ทำไม่ได้จริงๆคนอย่างลี่เฟยหลงต้องบังคับให้ทำถึงจะทำอะไรได้

ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดขึ้น : “นี่ถือว่ายังพอมีท่าทางเหมือนหัวหน้าแก๊งสี่ไห่หน่อย”

อันที่จริงลี่เฟยหลงก็รู้ประหม่าอยู่ในใจแล้ว เขารู้ว่าการมาในครั้งนี้ของเขาอาจจะโชคไม่ดี แม้จะถูกบังคับมาที่นี่ แต่ถึงจะตายก็ต้องมีศักดิ์ศรีดีกว่าจะยอมจำนนและขี้ขลาด สู้ตายอย่างมีเกียรติเสียดีกว่า

อย่างน้อยที่สุด หลังจากที่เขาตายไปแล้วมีคนพูดถึงลี่เฟยหลง ก็จะพูดถึงเขาเป็นคนมีศักดิ์ศรี และจะไม่พูดว่าเขาเป็นพวกขี้ขลาด

ภายในโถงใหญ่ของสำนักงานใหญ่แก๊งสี่ไห่ มีรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางสุดของห้อง

แต่เมื่อเห็นเทพเจ้ากวนอู มือหนึ่งลูบเคราที่สวยงาม อีกมือหยิบดาบชิงหลงเย่วขึ้นมา ดวงตาที่ปิดลงเล็กน้อยแต่กลับเผยให้เห็นความน่าเกรงขาม

ภายในห้องโถงใหญ่ ผู้อาวุโสจากแก๊งสี่ไห่รวมตัวกันแบ่งนั่งทั้งเก้าอี้ทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวา

และคนที่นั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกลางที่สุด ปรากฏว่าก็คืออัครมหาเสนาบดีหนาน !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง